[นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง - ตอนที่ 101 ไฟล์ 11 : เสียงกระซิบเรียกร้องให้รับผิดชอบตัวเอง [8]
- Home
- [นิยายแปล] ฝ่าปริศนา ตะลุยโลกเบื้องหลัง
- ตอนที่ 101 ไฟล์ 11 : เสียงกระซิบเรียกร้องให้รับผิดชอบตัวเอง [8]
ตรงนี้มีพรมสีแดงภายใต้แสงนวลๆ ปูเอาไว้ โต๊ะตัวทางซ้ายของโถงทางเดินที่วางอยู่หน้าบันไดกับเคาน์เตอร์รับแขกถูกขัดเงาจนสว่างขึ้นมา ทำให้ที่นี่เห็นแล้วก็รู้สึกสบายใจได้เลย บรรยากาศเหมือนกับว่าอยู่ในโรงแรมนี่น่ะ ครั้งก่อนที่พวกเรามาที่ศูนย์วิจัย DS กับคุณโคซากุระ นี่ก็เป็นชั้นแรกสุดที่พวกเรามาถึงเลยด้วย
“พวกนั้นอยู่ที่นี่แล้ว”
โทริโกะพูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ ฉันก็รู้สึกได้ว่ามีคนอยู่ในล็อบบี้ด้วยเหมือนกัน
“เดี๋ยวก่อนนะ เดี๋ยวฉันลองใช้เจ้านี่ดูก่อน”
ฉันเอาสมาร์ตโฟนออกมาแบบที่โทริโกะเคยทำก่อนหน้านี้ ยื่นแค่ส่วนกล้องออกไปจากในช่องบันได แล้วมองผ่านหน้าจอดู
ว่าแล้วเชียว มีพวกสาวกลัทธิอยู่ 3 คนตรวจดูที่ล็อบบี้อยู่ ยังไงเสียงยิงปืนที่ชั้นล่างก็ต้องทำให้พวกนี้รู้ตัวอยู่แล้วล่ะว่าพวกเรามาแล้ว
ที่แย่กว่านั้นคือ ทั้ง 3 คนมีปืนไรเฟิลไม่ก็ลูกซองอยู่ในมือกันหมดทุกคนเลยเนี่ยสิ
แล้ว ฉันก็นึกขึ้นได้พอดี
อ๊ะ จริงสิ การซื้อปืนไรเฟิลล่าสัตว์มันผิดกฎหมายในญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ?
ในสถานการณ์ปกติ เงื่อนไขมันก็ควรจะเข้มงวดนะ แต่เสียงของอุรมิ รูนะก็คงทำอะไรกับเรื่องนั้นได้นั่นแหละ
“พวกมันอยู่นี่!!”
จู่ๆ คนที่คอยตรวจตราอยู่คนนึงก็ตะโกนขึ้นมา ก่อนจะหันปืนมาทางพวกเรา แล้วเริ่มยิงทันทีเลย ฉันตกใจจนเผลอชักมือกลับมา เพราะกระสุนนั่นเกือบเฉี่ยวฉันแล้วนะ
พวกคนลาดตระเวนคนอื่นๆ ก็เริ่มเปิดฉากยิงเหมือนกัน กระสุนพวกนั้นเจาะรูไว้ตามกำแพงที่พวกเราหลบอยู่ข้างหลังเต็มไปหมด แถมเศษชิ้นส่วนไม้ก็แตกกระจายบินว่อนไปทั่วเลย
“อันตรายครับ ถอยออกมาก่อน”
คุณมิงิวะบอกพวกเรา แล้วพวกเราทุกคนก็ถอยมาหลบออกมาจากมุมนั้น พอหลบกันเรียบร้อนแล้ว ฉันถึงได้ถาม
“พวกนั้นเตรียมตัวรอเราอยู่เลย ทีนี้เอาไงดีคะ?”
“อีกฝ่ายไม่ใช่หุ่นยนต์ซักหน่อย ถ้าฉันกับคุณมิงิวะช่วยกันรุมด้วยกัน ฉันว่าพวกเราชนะการปะทะกระสุนกันนี้ได้นะ”
โทริโกะพูดมาด้วยสีหน้าจริงจัง แต่คุณมิงิวะก็ส่ายหน้า
“ไม่ครับ แบบนั้นอันตรายเกินไป ผมปล่อยให้พวกคุณทั้งคู่ไปเจอศึกดวลปืนไม่ได้หรอกครับ”
“แต่คุณเองก็ไม่อยากถูกยิงเหมือนกันนี่นา คุณมิงิวะ?”
“ขอโทษที่ต้องเสียมารยาทนะครับ แต่ผมเชื่อว่าตัวผมทนทานได้ดีกว่าคุณนะ คุณนิชินะ”
“ถ้าจะมาแนวนี้ งั้นฉันจะบอกว่าตัวเองเป็นเป้ายิงที่เล็กกว่าก็ได้นี่นา”
ทั้ง 2 คนตัดฉันออกจากกำลังรบไปเหมือนเป็นเรื่องธรรมชาติเลยแฮะ แต่ก็นะ มันแน่อยู่แล้วนี่ มีปืนอยู่ฉันก็ไร้ประโยชน์ แต่ฉันไม่ชอบความรู้สึกที่เป็นภาระตัวถ่วงแบบนี้เลยแฮะ
“นี่ รู้ใช่มั้ยว่าฉันเองก็มีลูกซองเหมือนกันนะ? กระสุนมันกระจายอยู่แล้ว เพราะงั้นฉันเองก็ยิงโดนได้นี่นา?”
ฉันแทรกขึ้นไปแบบนั้น แต่โทริโกะก็ขมวดคิ้วเข้ามาเลย
“มันไม่ได้กระจายขนาดนั้นหรอกนะ แล้วนี่ก็ระยะใกล้ด้วย แถมพวกนั้นก็หลบเข้าที่กำบังอีกต่างหาก”
“ต่อให้ไม่คำนึงถึงสถานการณ์ ณ ตอนนี้ ผมคิดว่าเป็นความคิดที่แย่เลยนะครับ กับการดวลปืนกันแบบซึ่งๆ หน้ากับพวกนั้น ถ้าพวกเราสามารถจุดของอย่างระเบิดควันได้ก็คงยอดเยี่ยมเลย”
เจอทั้ง 2 คนแย้งฉันแบบนี้ ก็ไม่ได้แปลกใจอะไรขนาดนั้นหรอก
“อืม ถ้างั้น… ให้ฉันลองสร้างช่องว่างให้ดีมั้ยคะ? ขอลองอะไรดูหน่อยได้หรือเปล่า?”
“เธอคิดจะทำอะไรน่ะ?”
ฉันลงไปหมอบ คลาน 4 ขา ค่อยๆ กลับไปที่มุมเดิมอีกรอบนึง ก่อนจะยื่นกล้องหลังของมือถือออกไป ฉันไม่อยากจะทำให้โดนจับได้ เพราะงั้น ถ้าฝ่ายนู้นอาจจะยิงมาทางนี้ล่ะก็ ฉันจะได้ชักกลับมาได้ทันที แต่อาจจะเพราะทางนั้นเองก็ระแวงพวกเราอยู่เหมือนกันล่ะมั้ง ก็เลยไม่มีกระสุนพุ่งมาทางนี้เลยซักนัด
ที่หน้าจอมือถือตอนนี้ ฉันเห็นพวกนั้นด้วยคนนึง ถ้ามีกำลังเสริมมาอีกล่ะก็ งานช้างแน่ ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วแล้ว…
ฉันมองไปที่ทั้ง 3 คนนั้นที่เห็นผ่านทางหน้าจอมือถือได้ ก่อนจะเพ่งสมาธิไปที่ตาขวาของตัวเอง
ตอนแรก มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
แล้ว พอผ่านไปซัก 10 วิได้ คนตรงกลางเขาก็เริ่มเกาหัวตัวเองไม่หยุด 2 คนที่เหลือเองก็ดูกระสับกระส่ายเหมือนกัน งึมงำคำสบถออกมาดังจนฉันได้ยินเลย พวกนั้นเดาะลิ้น แล้วหันมาหาเรื่องกัน จ้องหน้ากันไปกันมาด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์
“เกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย?”
โทริโกะที่ดูจออยู่ข้างหลังฉันถามขึ้นมา
“ฉันคิดว่าจะลองดู ว่าตาของฉันมันทำงานผ่านหน้าจอได้หรือเปล่าน่ะ แต่…”
จนในที่สุด พวกนั้นคนนึงก็เหลืออด ลั่นไกออกไป 1 นัด ทำเอาเศษไม้จากโต๊ะรับรองกระเด็นกระดอน เจ้านั่นยิงออกไปโดยไม่ได้เล็งอะไรเลย
“ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะไป้!!”
“หุบปาก!! มึงคิดว่ากำลังทำอะไรอยู่น่ะฮะ!!”
“จะมายั่วโมโหกันรึไง! เดี๋ยวปั๊ดฆ่าแม่งซะเลย!!”
“อ้อ หรอ คิดว่าทำได้ก็ลองดูเซ่!!”
เรื่องมันบานปลายไปเร็วมาก จนฉันคิดว่าพวกนั้นอาจจะยิงกันเองแล้วก็ได้ ตอนนั้นแหละ ที่คุณมิงิวะออกไปตรงหัวมุม แล้วเปิดด้วยลูกซองของเขา
*ปั้ง!* 1 นัด *ปั้ง!* 2 นัด *ปั้ง!* 3 นัด ปากกระบอกกระจายให้ลูกปรายโดนเป้าของเขาทั้งหมด แล้วไม่นาน ทั้ง 3 คนนั้นก็ร่วงลงไปกองกับพื้นหมดเลย
ตอนที่ฉันยังลังเลอยู่ว่าจะโผล่หัวออกไปดีมั้ย ก็ไม่เหลือปืนซักกระบอกแล้วที่หันมาทางพวกเรา
ผู้ชายพวกนั้นนอนเลือดไหลนองอยู่ 2 ข้างทาง ระหว่างที่พวกเราเดินตัดผ่านล็อบบี้ควันโขมงนี่ไป
“ตานั่น… อันตรายจริงๆ ด้วยเนอะ?”
โทริโกะพูดขึ้นด้วยท่าทางงงๆ นิดหน่อย ซึ่งคุณมิงิวะเองก็เห็นด้วย
“ผมไม่เคยคิดว่าจะสามารถใช้งานผ่านหน้าจอได้ด้วย คุณเคยลองทำอะไรแบบนี้มาก่อนหรือเปล่าครับ?”
“เออ… ไม่ค่ะ ไม่ ไม่เคยเลย”
ระหว่างที่ตอบไปนั่น ฉันก็ยิ่งถูกเน้นย้ำอีกรอบแล้วว่าตาของฉันมันสร้างปัญหาได้มากขนาดไหน บางที ที่พวกเขาเรียกว่านัยน์ตาปีศาจนี่ก็คงจะถูกแล้วล่ะ
“ฉันดีใจนะที่เธอเป็นคนที่มีตานั่นน่ะ โซราโอะ”
“เอ๊ะ? ทำไมล่ะ?”
“ถ้ามีคนไม่ดีเป็นคนได้ไปแทนล่ะก็ มีปัญหาแน่”
โทริโกะบอกฉันด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำเอาฉันพูดอะไรไม่ออกเลย
งั้น คงต้องพยายามเต็มที่ไม่ให้ตัวเองเป็นคนไม่ดีแล้วสินะเนี่ย…
พวกเราเดินผ่านล็อบบี้ ผ่านกำแพงของโถงทางเดินตลอดทางมาจนถึงบานประตูสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดประมาณ 4 ตารางเมตร จากที่มองลอดผ่านรอยต่อของประตูเข้าไปนี่ ข้างหลังมีบันไดหินหนาๆ เดินขึ้นไปข้างบนอยู่ด้วย
“ผ่านจากตรงนี้ไป ก็จะถึงโกดังเก็บ UB อาร์ติแฟกต์แล้วครับ”
คุณมิงิวะบอกก่อนจะเดินไปต่อ แต่ฉันก็หยุดเขาเอาไว้ก่อน
“เออ คุณมิงิวะ เดี๋ยวก่อนนะคะ”
“มีอะไรเหรอครับ?”
“ฉันคิดว่า จากตรงนี้ ให้แค่ฉันกับโทริโกะขึ้นไปกันแค่ 2 คนจะดีกว่านะคะ”
คุณมิงิวะหันมาพร้อมกับขมวดคิ้วสงสัย
“ทำไมล่ะครับ?”
“เสียงของยัยนั่น—ของอุรุมิ รูนะ ถ้าคุณโดนเสียงนั่นเล่นงานล่ะก็ คุณไม่มีทางตอบโต้หรือต่อต้านได้เลย แบบที่คุณเห็นคุณหมอที่ชั้นล่างเลยค่ะ ตาของฉันเห็นเสียงนั่นได้ มือของโทริโกะก็ปัดมันออกไปได้ แต่มากกว่านั้น พวกเราเองก็รับมือไม่ได้แล้วค่ะ”
“ถ้าผมได้ยินเสียงนั่นแล้ว จะเกิดอะไรขึ้น?”
“คุณเห็นตอนที่ฉันใช้ตาทำให้คนพวกนั้นคลุ้มคลั่งขึ้นมาเมื่อกี้ใช่มั้ยคะ? เสียงของยัยนั่นสามารถออกคำสั่งได้แม่นยำมากกว่า ยัยนั่นสั่งได้เลยว่าอยากจะให้คุณทำอะไร ถ้าเกิดคุณถูกสั่งให้หันปืนมาใส่พวกเราล่ะก็ พวกเราจบแน่ค่ะ”
ก็อาจจะเป็นไปได้อยู่นะ ถ้าฉันจะใช้ตาขวาของตัวเองทำให้คุณมิงิวะเสียสติไปเพื่อกลบความสามารถจากเสียงของอุรุมิ รูนะไป แต่ก็ไม่รู้เลยว่าผลลัพธ์จากผลกระทบทั้ง 2 อย่างมันจะออกมาเป็นยังไง อีกอย่าง ดูจากความสามารถในการใช้ปืนของเขาแล้วนี่ การจะยิงฉันให้ได้มันก็คงไม่ได้เสียเวลาอะไรมากมายหรอก
“เห็นด้วยหรือเปล่าครับ คุณนิชินะ?”
คุณมิงิวะถาม โทริโกะก็นิ่งคิดอยู่พักนึงก่อนจะตอบ
“ฉันเห็นด้วยกับโซราโอะนะ ไม่อยากจะต้องมาดวลปืนกับคุณเลยด้วย”
“ถ้าอย่างนั้น ผมจะเตรียมตัวรออยู่ที่นี่ ถ้าต้องการการช่วยเหลือล่ะก็ ขอให้เรียกผมได้เลย”
คุณมิงิวะเปิดทางให้ พร้อมกับใช้มือขวาผายออกไป แสดงท่าทางให้เห็นว่าโกดังไปทางไหน
“พวกคุณทั้ง 2 คน ระวังตัวด้วยนะครับ”
พวกเราหันตรงไปที่บันไดขึ้นไปหาโกดัง ก่อนจะแยกจากคุณมิงิวะมาพร้อมกับคำกล่าวส่งอย่างสุภาพของเขา พวกเราก้าวขึ้นไป ปืนกำแน่นอยู่ในมือ ที่ด้านบนสุดของบันไดก็มีห้องกั้น 2 ชั้นอยู่ด้วย ยังกับอยู่ในพิพิธภัณฑ์เลย แล้วตรงหน้าเองก็เหมือนเป็นห้องจัดแสดงแบบในพิพิธภัณฑ์ด้วยเหมือนกัน
ห้องกั้นที่ปกติควรจะปิดอยู่ ตอนนี้ก็ถูกเปิดทิ้งเอาไว้เลย ที่เสาค้ำตรงกลางพิพิธภัณฑ์ มีบันไดเวียนวนอยู่รอบเสานั้นด้วย
ที่กำแพงมีตู้กระจกเรียงรายอยู่เต็มเลย แต่ละกล่องก็มีของหลายๆ อย่างใส่เอาไว้ข้างใน อย่างตุ๊กตาแมวนุ่นที่มี 5 ขา, รูปปั้นพระแม่มารีย์ที่มีรอยแตกเหมือนกับอักษรจีนกระดองเต่าอยู่ด้วย, มีดพับสวิสที่กางออกมาเป็นอุปกรณ์ทรมาน… ทั้งหมดมันดูเหมือนจะเป็นสิ่งของที่ได้มาจากการเข้าไปสัมผัสกับโลกเบื้องหลังเลย
TN: อักษรจีนกระดองเต่า (甲骨文 : jiǎgǔwén) หรือ Oracle bone script คือตัวอักษรจีนโบราณที่ถูกแกะสลักเอาไว้ในกระดูกเสี่ยงทาย (甲骨 : jiǎgǔ) ซึ่งทำมาจากกระดูกสัตว์หรือกระดองเต่า เพื่อประกอบพิธีบูชาไฟ ถูกใช้มาตั้งแต่ประมาณ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล และถูกรู้จักกันในฐานะตัวอักษรจีนที่เก่าแก่ที่สุด
ฉันจำบางอันได้ด้วยนะ เพราะมันคือของที่รับซื้อไปจากพวกเราไงล่ะ รูปภาพครอบครัวที่บางครั้ง หน้าของบรรดาสมาชิกก็จะเปลี่ยนไปเป็นหมา กับต้นไม้ที่งอกขึ้นมาจนกลายเป็นรูปร่างเหมือนเสื้อ เจอของทั้ง 2 ชิ้นที่อยู่ในความทรงจำของฉันแบบสดๆ ร้อนๆ พอดีเลย ที่ตรงด้านล่างของกล่องแต่ละใบจะมีแผ่นป้ายธรรมดาๆ กับตัวเลขชุดนึง
ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการเอาของที่มีต้นกำเนิดมาจากโลกเบื้องหลังมาจัดแสดงอย่างภาคภูมิใจแบบนี้มันจะแสดงถึงความสงบภายในจิตใจ หรือเป็นการเย้นหยันในระดับบ้าคลั่งกันแน่ แต่ในฐานะคนที่ออกสำรวจในโลกเบื้องหลังจนชินชาแล้วนี่ พวกเราก็คงไม่ได้อยู่ในฐานะจะไปตัดสินอะไรในเรื่องพวกนี้ได้หรอก
พวกเราขึ้นบันไดกันต่อ จนมาถึงชั้นที่ 2 ของโกดัง
ทั้งชั้นนี้เป็นห้องจัดแสดงแบบเปิดหมดเลย ฉันลองใช้ตาขวาของตัวเองเพ่งดู เพื่อว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แล้วแสงสีเงินเรืองๆ จากพวกสิ่งของในตู้กระจกก็ทำให้พื้นห้องมืดๆ สว่างขึ้นมาเหมือนท้องฟ้าที่มีดาวเต็มเลย ของบางชิ้นก็เป็นแสงสีอื่นด้วย หรือไม่ก็ไม่มีแสงอะไรออกมาเลย น่าสนใจดีนะ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาเดินทอดน่องดูของพวกนี้เล่นซักหน่อย ก่อนที่พวกเราจะขึ้นไปต่อ
ชั้นต่อมาก็ยังเป็นส่วนของโกดังเก็บของอยู่ แต่ต่างออกไปนิดหน่อย ที่นี่มีตู้กระจกอยู่ 2-3 อัน แต่ว่ามีกล่องพลาสติกกับกล่องโลหะหลายขนาดหลายรูปร่างแทน แล้วก็มีกล่องไม้กับชั้นวางของธรรมดาๆ ด้วย พวกมันมีแผ่นป้ายตัวเลขแปะอยู่ด้วย ฉันก็เลยรู้ว่าในกล่องพวกนั้นเก็บ UB อาร์ติแฟกต์อยู่แน่ๆ ที่นี่ไม่ได้เป็นห้องจัดแสดง เป็นแค่ห้องเก็บของเฉยๆ เลย
ตู้กระจกอันนึงที่อยู่ใกล้ๆ บันไดโดนทุบแตกไป มีบางคนขโมยอะไรซักอย่างที่อยู่ในนั้นไปแล้วด้วย
ก็ต้องเป็นอุรุมิ รูนะอยู่แล้วล่ะ งั้นก็แปลว่า ตู้นี้เก็บสมุดโน้ตของอุรุมะ ซัทสึกิเอาไว้งั้นเหรอ…?
ตอนนั้นแหละ ที่ฉันได้ยินเสียงดังลงมาจากชั้นบน
“โอ๊ะ มาแล้วเหรอ คุณคามิโคชิ?”
โทริโกะที่อยู่ข้างๆ ฉันสะดุ้งขึ้นมาหน่อยๆ เลย
“น่าประทับใจจัง มาได้ไกลขนาดนี้เลย เป็นพลังจากดวงตาของคุณงั้นเหรอ? ว้าว”
โทริโกะยื่นหน้ามาใกล้ๆ ฉันก่อนจะถามคำถาม
“เสียงนี้―ของอุรุมิ รูนะเหรอ?”
พอฉันพยักหน้าตอบ โทริโกะก็เอามือขึ้นมานวดหน้าตัวเอง พยายามจะตั้งสมาธิกลับมา
“ตอนนี้ เข้าใจที่เธอบอกแล้วล่ะว่ามันหมายความว่าไง… เสียงนี่มันบ้าชัดๆ”
“ใช่มั้ยล่ะ?”
ฉันบอกก่อนจะชี้มาที่ตาขวาของตัวเอง
“รีบมาจัดการเรื่องนี้ให้มันจบดีกว่า ตาฉัน กับมือเธอ พวกเรา 2 คนช่วยกันจัดการยัยนั่นได้แน่”
“ถ้ารับมือกับเสียงของเธอคนนั้นได้แล้ว จะเอายังไงต่อดีล่ะ?”
“หมายถึง?”
“เธออยากจะทำยังไงกับอุรุมิ รูนะล่ะ?”
อ้อ จริงด้วยสินะ…
“ชกยัยนั่นให้คว่ำ แล้วก็เอาผ้าหรืออะไรซักอย่างยัดให้เต็มปากล่ะมั้ง?”
“รุนแรงจังเลยนะ…”
โทริโกะติขึ้นมา
“นี่! ไหนๆ ก็มาอยู่นี่แล้ว ทำไมไม่ขึ้นมาบนนี้ล่ะ? ช่วยเค้าหน่อยสิ คุณคามิโคชิ”
ไอ้นิสัยแบบนี้นี่นะ…!
โทริโกะกับฉันมองหน้ากัน ก่อนจะรีบขึ้นบันไดเวียนไป
TN: ขอแปะ Discord สำหรับแจ้งเตือนนิยาย กับมุมพูดคุยกันไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ใครสนใจก็แวะมาได้นะ ^^
https://discord.gg/Fm9NsqeH2r