[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 99 ความบันเทิงอย่างหนึ่งที่เรียกว่าแดนมนุษย์
“พ่อหนุ่ม การแพทย์แผนโบราณตกต่ำลง อันนี้คือเรื่องจริง หวังว่าคลินิกไม่ของเธอจะนำกระแสความคึกคักมาสู่การแพทย์แผนโบราณได้นะ ฉันขอขอบคุณพ่อหนุ่มก่อนล่วงหน้าเลย” หลินฉางเทียนนำพวกกัวไฮว่ไปยังหน้าประตู จากนั้นก็โค้งให้กัวไฮว่ครั้งหนึ่ง
“เหล่าหลินไม่ต้องเกรงใจไปหรอกครับ ของที่บรรพบุรุษเหลือทิ้งไว้ให้ไม่ตกต่ำอยู่ตรงนี้แน่ ถึงแม้คลินิกไม่ของเราจะไม่ได้ลงรายชื่อในสมาคมแพทย์แผนโบราณ แต่ว่าวางใจเรื่องการแพทย์แผนโบราณได้เลยนะครับ ผมจะทำให้การแพทย์แผนโบราณกลับมาคึกคักอีกครั้งเอง” เมื่อกัวไฮว่พูดจบ จากนั้นก็ออกไปยังที่ที่เจี่ยหยวนอยู่ด้วยกันกับหวังเซิง
“พี่สอง บ้านพี่ใช้ได้เลยนะเนี่ย” กัวไฮว่กับหวังเซิงขับรถเข้าไปในคฤหาสน์ของเจี่ยหยวน ถึงแม้กัวไฮว่จำลักษณะบ้านของเจี่ยหยวนได้จากความทรงจำของกัวไฮว่คนเก่า ทว่าเมื่อมาอีกรอบหนึ่งก็ทำเอากัวไฮว่ตะลึงพรึงเพริดเช่นกัน
“ดูน้องฉันพูดเข้า ไม่ได้มาครั้งแรกไม่ใช่หรือไง จะตกใจไปทำไม” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ “แกจะให้ฉันจัดการตกแต่งคลินิกไม่ภายในหนึ่งสัปดาห์ แล้วแปลนล่ะ ถ้าไม่มีเดี๋ยวฉันให้สำนักสถาปนิกเมืองอู่เฉิงจัดการให้ ที่นี่ฉันให้พวกเขาจัดการเองแหละ ไม่เลวเลย”
“พี่เซิง ส่งให้กระดาษพี่หยวนหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับหวังเซิง “มีอะไรไม่เข้าใจก็โทรหาผมเลยนะ ต้องทำให้เหมือนทุกกระเบียดนิ้วเลยนะ”
“เจ้าสี่ แปลนนี่ใครเป็นคนทำ ไม้จันทน์จื่อจิน หยกเหอเถียนอวี้[1] ไม้หวงฮวาหลี[2] เจ้าสี่ อย่าว่าแต่ในอาทิตย์เดียวเลย ต่อให้เวลาหนึ่งปี วัสดุที่แกสั่งไว้บนแปลนนี่ฉันก็หามาไม่ครบหรอก มันไม่ใช่ของที่มีเงินแล้วจะซื้อได้นะ” เจี่ยหยวนมองแปลนห้องพร้อมกับพูดเสียงดัง
โต๊ะของคลินิกไม่ทำมาจากไม้หวงฮวาหลีทั้งหมด ห้องตรวจให้ทำเป็นห้องส่วนตัวก็ทำจากไม้จันทน์จื่อจิน ปูพื้นเป็นหยกเหอเถียนอวี้ ห้องยาเป็นไม้จันทน์เสี่ยวเยี่ยจื่อ ส่วนรายละเอียดที่เหลือใช้ทองคำก็พอแล้ว เจี่ยหยวนยิ่งอ่านก็ยิ่งอึ้ง
“พี่หาคนมาทำโครงร่างส่วนใหญ่เถอะ เดี๋ยวสามวันหลังจากนี้ที่บ้านผมจะทำโต๊ะเก้าอี้พวกนี้เอง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เมื่อก่อนยังบอกอยู่เลยว่าอยู่กับพี่หยวนเรื่องกินดื่มไม่ต้องพูดถึงนี่นา ผมว่าช่างมันเถอะ ของพวกนี้ยังจัดการให้ไม่ได้ จะมาอยู่ด้วยอะไรกัน”
“ให้ตาย ไม่รู้เลยว่าแปลนแกขาดอะไรตรงไหนบ้าง ตอนนี้เขาใช้คอมพิวเตอร์ทำกันหมดแล้ว แต่แกนี่สิใช้พู่กันวาดออกมา วาดได้ไม่เลวเลยนะ แต่ของที่อยากได้พวกนี้เกินไปหน่อยมั้ง ไม้จันทน์จื่อจิน แกจะให้ฉันไปขโมยขุดมาจากหลุมศพหรือไง” เจี่ยหยวนพูดก่นด่าไม่หยุด “เจ้าสี่ แกพาคนที่เขียนแปลนมาหาฉันเลยนะ ฉันจะถามมันหน่อยว่าสมองมันถูกลาถีบมาหรือเปล่า”
“อะแฮ่มๆๆ พี่หยวน ผมถามพี่ว่าโครงร่างส่วนใหญ่พี่จัดการในสามวันให้ได้ไหม” กัวไฮว่พูดขึ้นพลางจ้องมองเจี่ยหยวน
“จัดการได้แน่ แต่ฉันไม่เชื่อหรอกว่าแกจะหาวัสดุที่เขียนบนแปลนนี่มาครบได้ภายในสามวัน ถ้าแกหาได้ครบจริง ให้พี่ไปกินขี้ก็ได้” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง “อีกอย่าง พาคนที่เขียนแปลนนี่มาเลย พี่จะสู้กับมันตัวต่อตัวสักยก”
“พี่สอง ผมว่าช่างเถอะ พี่สู้ก็สู้เขาไม่ได้หรอก รีบหาคนมาตกแต่งให้เจ้าสี่เถอะ” หวังเซิงพูดอ้อมค้อม
“เจ้าสาม แกอย่ามายุ่งเรื่องของฉัน เรื่องตกแต่งฉันจัดการเสร็จในสามวันแน่ แล้วที่พวกแกไปที่สมาคมแพทย์แผนโบราณกันเป็นไงบ้าง พวกตาแก่นั่นเรื่องมากจะตาย ครั้งก่อนฉันไปฝังเข็ม ดึงดันจะเอาเงินฉันไปสิบกว่าล้านให้ได้” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง
“เจ้าสี่จัดการเรื่องสมาคมแพทย์โบราณเรียบร้อยแล้ว แล้วจะจัดการเรื่องเอกสารภายในสองวันนี้” หวังเซิงพูดยิ้มๆ “วันนี้น้องสี่ของพวกเราเท่สุดๆ ไปเลย พี่ไม่เห็นสีหน้าของหัวหน้าสมาคม มองน้องสี่อย่างกับมองพ่อมัน”
“ให้ตาย จริงหรือเปล่าเนี่ย ฉันไม่เชื่อ” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง “ถึงไม่นานมานี้เจ้าสี่จะเปลี่ยนไปเยอะ อาจจะได้รับคำสั่งสอนจากบุคคลชั้นสูงมา แต่แกมาบอกว่าตอนนี้มันจะมีความสามารถอะไรอีกฉันก็ไม่เชื่อ โดยเฉพาะวิชาแพทย์ ไม่ได้ร่ำเรียนเป็นสิบปี ไม่มีทางจะเข้าตาพวกสมาคมแพทย์แผนโบราณได้หรอก”
“รอให้เจ้าสี่เปิดคลินิกก่อน เดี๋ยวพี่ก็รู้เอง” หวังเซิงพูดยิ้มๆ เขาเองก็ไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย “แกกับพี่สองคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันกลับไปก่อน พรุ่งนี้จะมีคนจากสมาคมแพทย์แผนโบราณช่วยจัดการเอกสาร พวกเราไม่ต้องมาวุ่นวาย”
กัวไฮว่กับเจี่ยหยวนต่อล้อต่อเถียงกันสองสามคำแล้วกัวไฮว่ออกจากคฤหาสน์เจี่ยหยวนไป ก็แค่ไม้หวงฮวาหลีกับไม้จันทน์จื่อจินเองไม่ใช่เหรอ จำได้ว่าในน้ำเต้าเหล่าจวินนั่นมีวัสดุแบบนี้อยู่จำนวนไม่น้อยเลย
“ที่รัก พี่กลับมาแล้วเหรอ ขอฉันแนะนำให้พี่รู้จักหน่อยนะ นี่คือเพื่อนบ้านของพวกเรา พวกเธอมาสอนไพ่นกกระจอกให้ฉันน่ะ พี่ดูสิ วันนี้ฉันชนะได้เงินมาเยอะเลย” กัวไฮว่เพิ่งจะเดินเข้ามาในบ้านก็ได้ยินเสียงป๊อกแป๊กล้มไพ่นกกระจอกจึงเดินเข้าไปดู เขาเห็นอวี้เอ๋อร์ตั้งอกตั้งใจเล่นไพ่นกกระจอกอยู่กับสาวๆ วัยกลางคนอยู่สองสามคน ทำเอากัวไฮว่คาดไม่ถึงเช่นกัน
“อวี้เอ๋อร์ ขอฉันเล่นหน่อย เธอไปพักผ่อนเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ โดยไม่ได้สนใจว่าอวี้เอ่อร์จะยินยอมหรือไม่ จากนั้นก็ไปนั่งตรงที่อวี้เอ๋อร์
“ล้างไพ่ เสี่ยวไฮว่ แพ้เลยเนี่ย” กัวไฮว่พ่ายแพ้เป็นเงินจำนวนเจ็ดหมื่นในกระดานเดียว ภายในไม่ถึงสองตา เงินที่อวี้เอ๋อร์ชนะมาก็แพ้ไปหมด จากนั้นกัวไฮว่ก็แพ้อีกสามหมื่นกว่า
“เสี่ยวไฮว่ คลินิกไม่ของเธอจะเปิดเมื่อไหร่เหรอ ไว้ตอนนั้นฉันจะให้ตาบ้าที่บ้านฉันไปรักษา มีเรื่องอะไรเธอก็บอกเขาไปตรงๆ เลยนะ เขาทำงานอยู่ที่ฝ่ายความปลอดภัย” หญิงสาวที่เล่นตาก่อนหน้ากัวไฮว่คนนั้นพูดยิ้มๆ จากที่แพ้ไปแปดหมื่นกว่าเปลี่ยนไปชนะไปสองหมื่นกว่า หน้าเธอก็เบิกบานขึ้น
“ไว้ตอนเปิดกิจการจะชวนไปกินข้าวแน่นอนครับ เดี๋ยวผมจะโทรหาพี่แล้วพี่ก็ไปบอกเขานะว่าป้าหวงโทรมาหาพี่ ให้เขาลดราคาให้พี่ ห่างจากที่ที่พี่บอกไม่ไกลเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับผู้หญิงคนนั้น ได้กลับมาสามหมื่นแล้วอารมณ์เลยดีขึ้นมา
“เดี๋ยวฉันจะโทรหาลานจอดรถตรงข้ามคลินิกของพวกเธอ ไว้ตอนเธอเปิดคลินิกฉันจะเหลือที่จอดรถทิ้งไว้ให้ วางใจเถอะ เสี่ยวไฮว่” ผู้หญิงที่เล่นต่อจากกัวไฮว่พูดยิ้มๆ
เมื่อเล่นไพ่ครบสี่รอบ กัวไฮว่แพ้ไปเป็นเงินทั้งหมดแปดหมื่นกว่า นอกจากที่เขาชนะไพ่ใบเล็กมาหนึ่งครั้งที่เหลือก็แพ้ ทำเอาบนใบหน้าสาวๆ ยิ้มอย่างเบิกบาน
“พี่ๆ ครับ ผมคงไม่ได้เชิญพวกพี่อยู่กินข้าวนะครับ เดี๋ยวเราสองคนจะออกไปกินข้าว พวกพี่มาเล่นกันบ่อยๆ นะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับหญิงสาว จากนั้นทุกคนก็ร่ำลากับอวี้เอ๋อร์แล้วเดินออกจากบ้านของกัวไฮว่ไป
“ตาบ้า ทำไมต้องประจบผู้หญิงพวกนั้นด้วย จะชนะพวกเขาก็ชนะไปสิ พวกเขาจะมาทำอะไรเราได้” อวี้เอ๋อร์เบ้ปากพูด
“อวี้เอ๋อร์ ที่นี่คือแดนมนุษย์ เธอคิดว่าฉันทำไปสนุกมากนักหรือไง ฉันแพ้ให้พวกเขา พวกเขาจะได้ใช้เครือข่ายของพวกเขามาช่วยพวกเรา นี่สิถึงจะเรียกว่าชีวิตแดนมนุษย์ อยู่แดนมนุษย์ร้อยปี ถ้ามัวแต่จะจัดการเรื่องต่างๆ ด้วยความสามารถของพวกเราเองก็น่าเบื่อน่ะสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“หรือว่าก่อนที่พี่จะบินขึ้นไปก็ใช้ชีวิตแบบนี้ที่แดนมนุษย์เหรอ” อวี้เอ๋อร์ถามขึ้นด้วยความงุนงง ในความทรงจำของเธอ เธอเดินไปตามหนทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามด้วยกันกับเทพธิดาฉางเอ๋อ ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะรอดอยู่บนเส้นทาง ไม่รู้ว่าฆ่าจอมมารไปแล้วมากมายเท่าไหร่ และไม่รู้ว่าผิดใจกับคนอื่นไปเท่าไหร่ จึงจะชนะได้วังแห่งจันทราในสรวงสวรรค์ สถานที่ที่ใครได้ยินเป็นต้องสั่นสะท้าน
“ถ้าคราวนั้นไม่ได้พบกับท่านเทพซุนก็ไม่รู้ว่าเฉินกวนเป่าแห่งหมู่บ้านเฉินจะไปเป็นผีไร้ญาติอยู่ที่ไหน ท่านเทพสอนหลายอย่างให้กับฉัน และแน่นอนว่าเอาหลายอย่างไปจากฉันด้วย สามร้อยปีบรรลุระยะหยวนอิง ห้าร้อยปีบรรลุระยะเฟินเฉิน เจ็ดร้อยปีบินขึ้นสวรรค์ หมื่นปีสรวงสวรรค์มีเซียนน้อยบำเพ็ญบรรลุเขตแดนจินเซียน ฉันเคยแต่ได้ยินความบันเทิงในแดนมนุษย์ ฉันมีเวลาว่างที่ไหนกันล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
[1] หยกขาวชนิดหนึ่งผลิตขึ้นที่ซินเจียง
[2] เป็นหนึ่งในสามไม้ที่มักจะนำมาทำเฟอร์นิเจอร์คลาสสิกของจีน