[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 95 ประลองความรู้ (1)
“พวกคุณรอเดี๋ยวก่อน” ในขณะที่หวังเซิงกับกัวไฮว่เพิ่งจะเดินเข้าไปในสมาคม ก็ถูกชายหนุ่มอายุราวยี่สิบปีตะโกนห้ามเอาไว้ “ไม่ทราบว่าพวกคุณนัดหมอคนไหนเอาไว้เหรอครับ”
“ประลองความรู้!” กัวไฮว่มองชายหนุ่มแวบหนึ่ง เขาไม่ใช่คนธรรมดาๆ เติบโตมาในวงการยามาตั้งแต่ยังเล็ก เส้นเลือดของเขาจึงกว้างกว่าคนปกติเยอะนัก
“นี่คุณ เรื่องบางเรื่องจะมาพูดมั่วซั่วไม่ได้นะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น เขามองกัวไฮว่พร้อมกับพูดขึ้น
“เอาของนี่ไปให้ผู้บริหารพวกแกซะ ถ้าพวกแกรับคำท้า ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ ของนี่ก็จะเป็นของสมาคมแพทย์แผนโบราณไป” กัวไฮว่ยื่นกล่องไม้จันทน์จากตัวไปให้ชายหนุ่มผู้นั้นอย่างไวราวกับร่ายมนตร์
“พูดอย่างกับเก่ง อยากเข้าประตูก็ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะ” ชายหนุ่มไม่ได้สนใจกล่องไม้จันทน์ที่กัวไฮว่ส่งมาให้ พร้อมกับทำท่าตั้งรับตั้งสู้
“จะเข้าสมาคมแพทย์แผนโบราณนี่ต้องทะเลาะกันด้วยเหรอ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับชายหนุ่มอายุแก่กว่าตนไม่กี่ปีที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้
“พ่อหนุ่มไม่ต้องถือโทษไปหรอกนะ เรื่องนี้พวกเราผิดเอง แต่ถ้าพ่อหนุ่มอยากเข้าสมาคมแพทย์แผนโบราณ ก็ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการแพทย์แผนโบราณสักหน่อย ถ้าพ่อหนุ่มท่องหนังสือแพทย์จีนออกมาได้ ฉันจะให้เธอเข้า” กัวไฮว่เพิ่งพูดเสร็จ ชายชราผู้หนึ่งก็ค่อยๆ เดินมาข้างๆ กัวไฮว่พร้อมกับพูดยิ้มๆ
“ถ้าจะท่องตำราแพทย์จีนหมดเกรงว่าจะเสียเวลา งั้นผมท่องอาการป่วยของผู้ชายคนนี้สักท่อนดีกว่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ยาบำรุงหัวใจประกอบไปด้วย เหรินเซิน ฝูหลิง เซวียนเซิน ตันเซิน เจี๋ยเกิง หย่วนจื้อ ตังกุย อู่เว่ย ม่ายเหมินตง เทียนเหมินตง ป๋อเจ่าเหริน เซวียนเจ่าเหริน เซิงตี้หวง ยาเสริมม้ามประกอบไปด้วย เหรินเซิน ไป๋จู๋ อย่างละสอง เฉินผี ม่ายหยาอย่างละสอง ซานจา ครึ่งหนึ่งและจื๋อสือ สามในสอง ส่วนกลอนยาบำรุงใจเสริมม้าม กลอนตำรับยานี่สมาคมแพทย์จีนของคุณเล่าเรียนกันได้มาไม่แย่เลยนะ แต่ใช้จริงแล้วไม่ค่อยได้ผล” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“พ่อหนุ่ม เชิญ” ตอนที่กัวไฮว่ท่องตำรับยาบำรุงหัวใจเสร็จ ชายชราก็ถึงกับตกใจอึ้งไป เขารู้อาการของเจ้าเทียนผู้ที่เฝ้าประตูอยู่ด้วยกันนี่เป็นอย่างดี เลือดลมพร่อง ม้ามกระเพาะไม่แข็งแรง ไม่คิดเลยว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้มองแค่แวบเดียวก็ดูอาการของเจ้าเทียนออก
“ปู่ซาง จะให้พวกเขาเข้าไปจริงๆ เหรอครับ” เจ้าเทียนถามขึ้นเบาๆ
“กินยานี่ไปหน่อยสิ อาการเลือดลมพร่องของนายก็คงจะดีขึ้น ส่วนถ้าอยากรักษาอาการป่วยอื่นๆ รอให้คลินิกไม่ของฉันเปิดแล้วค่อยมาหาฉันเถอะ แต่ว่าถึงตอนนั้นนายจะได้คิวไหมนั้นก็ต้องดูโชคของนายแล้วแหละ” กัวไฮว่พูดพลางดีดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งไปจากนิ้วกระทบเข้าที่แขนของเจ้าเทียน
“ฉันขอขอบคุณพ่อหนุ่มแทนเสี่ยวเทียนด้วยนะ เชิญด้านในเถอะ” ในขณะที่ยาลอยไป ยาลูกกลอนนั้นก็ส่งกลิ่นหอมของยาออกมา ส่งผลให้เจ้าซางมีความคิดมากมายอยู่ในใจ เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าคนนี้จะต้องเป็นคนของตระกูลลับตระกูลใดตระกูลหนึ่งแน่
“ปู่ซาง งั้นผมกินดีไหมครับ” เจ้าเทียนมองปู่สามของตระกูลตนพร้อมกับถามขึ้นเบาๆ
“แกนี่มันจริงๆ เลย ปู่อุตส่าห์ช่วยแกขอบคุณพ่อหนุ่มแล้ว ไม่กินก็โง่สิ” เจ้าซางตะคอกเสียงดัง
“พ่อหนุ่ม รอหน่อยนะ ฉันจะไปเรียกหัวหน้ามา” เจ้าซางพากัวไฮว่กับหวังเซิงไปรอยังห้องรับแขก ก่อนจะรีบเดินออกไป
“เจ้าสี่ แกแน่ใจนะว่าแกรู้เรื่องการแพทย์แผนโบราณน่ะ ไม่งั้นถ้าเข้าสมาคมแพทย์แผนโบราณไปแล้ว ถึงตอนนั้นถ้านายท่านบ้านฉันรู้ขึ้นมาจะหักขาฉันเอานะ” หวังเซิงพูดเบาๆ
“พี่สาม งั้นพี่ตามผมเข้ามาทำไมล่ะ” ขณะที่กัวไฮว่พูดอยู่นั้นเขาก็เห็นว่าบนโต๊ะมีพู่กัน หมึกและกระดาษ จึงถือเอาเวลานี้มาวาดแปลนคลินิกออกมา
“เหอะๆ ขอฉันดูหน่อยว่าน้องสี่คนดีของฉันมีอะไรปิดบังพวกเราอีก” หวังเซิงพูดยิ้มๆ “ถ้าเจ้าสี่ทำให้คนในสมาคมแพทย์แผนโบราณยอมรับในด้านการแพทย์จีนได้ละก็ งั้นหลังจากนี้พวกพี่สามคนก็ไม่ต้องตามไปเช็ดก้นแกอีกแล้ว แกอย่าไปหยิบของคนอื่นมั่วซั่วสิ เดี๋ยวจะยุ่งเอา” เมื่อหวังเซิงเห็นว่ากัวไฮว่ทำท่าเหมือนจะวาดอะไรบางอย่างก็พูดเตือนขึ้น
“แค่ใช้กระดาษพวกเขาสองสามแผ่นเอง สมาคมแพทย์แผนโบราณคงไม่ได้งกขนาดนั้นมั้ง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“แน่นอนว่าไม่ ได้ยินน้องซางบอกว่ามีแขกผู้มีเกียรติมาเยี่ยม ฉันก็เลยมาดู” ชายชราผมขาวทั้งศีรษะเดินเข้ามาในห้อง ทว่ากัวไฮว่กลับงุดหน้าเขียนอะไรบางอย่างอยู่จึงไม่ได้แยแสถึงการมาของชายชรา
“หัวหน้าหลิน คุณน่าจะรู้จักผมนะครับ ปีก่อนผมเคยมากับคุณปู่ คุณเคยดูอาการขาให้ปู่ผมด้วย” กัวไฮว่ไม่พูดจาก็ย่อมได้ ทว่าหวังเซิงกลับไม่กล้า หลินฉางเทียน หัวหน้าสมาคมแพทย์จีน เมื่อปู่ของตนมาหาหมอเขาเป็นต้องมาต้อนรับทุกที
“เธอคงจะเป็นหลานของนายพลหวังหงจวินสินะ หลายวันก่อนนายพลท่านยังโทรมาหาฉันอยู่เลย บอกว่าจะมาช่วงนี้ ไม่คิดเลยว่าเธอจะมาท้าประลองถึงที่นี่” หลินฉางเทียนพูดยิ้มๆ
“หัวหน้าหลินตลกแล้วครับ น้องชายผมอยากเปิดคลินิก เลยอยากมาที่นี่ให้ท่านช่วยหน่อยน่ะครับ” หวังเซิงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เรื่องนี้ปู่เธอไม่รู้เรื่องสินะ แพทย์เนี่ย ถ้าไม่ได้ร่ำเรียนมาจริงๆ ก็จะได้เงินแต่พรากชีวิตนะ ถ้าฉันใช้เส้นสายให้เขา เช่นนั้นก็ถือเป็นการช่วยโจร พ่อหนุ่มหวัง เธอเคยคิดเรื่องนี้บ้างหรือเปล่า” หลินฉางเทียนพูดยิ้มๆ
“ไม่งั้นคุณปู่หลินก็ใช้เส้นสาย ให้น้องผมได้เปิดโลกที่นี่หน่อยสิครับ ถ้าเข้าตาปู่แล้ว นั่นก็ยิ่งดีใหญ่เลย” หวังเซิงเปลี่ยนคำเรียกเป็นคุณปู่หลิน เขาจะมาผิดใจกับชายชราที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ไม่ได้
“พี่สาม ผมวาดแปลนเสร็จแล้ว พี่เอาแปลนนี่ไปให้พี่สองนะ พี่ไม่ต้องมายุ่งเรื่องสมาคมแพทย์แผนโบราณแล้วล่ะ ในเมื่อหัวหน้าสมาคมมาแล้วงั้นก็มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า” กัวไฮว่แขวนพู่กันไว้ จากนั้นก็เงยหน้ามองหลินฉางเทียนก่อนจะพูดยิ้มๆ
“น้องสี่ แกอย่ามาตลกได้ไหม แกใช้พู่กันวาดแปลน แกล้อเล่นกันอยู่หรือเปล่า” หวังเซิงไม่ได้ยื่นมือไปรับกระดาษแปลน แต่เป็นหลินฉางเทียนที่เอากระดาษมาไว้ในมือ
“วาดสวย เขียนสวย” หลินฉางเทียนพูดเสียงดัง “พ่อหนุ่ม จากความสามารถในการเขียนฉันว่าเธอเป็นสมาชิกสมาคมแพทย์แผนโบราณได้แล้วล่ะ เราหาเวลามาคุยกันหน่อยเถอะ แต่ไม่ใช่คุยเรื่องที่เป็นจริงเป็นจังนะ”
“ก็แค่แปลนบ้านน่ะครับ ให้พี่เซิงผมไปเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ผมอยากเปิดคลินิก พี่เซิงบอกไว้ว่าถ้าสมาคมแพทย์แผนโบราณยอมรับ ผมก็จะวุ่นวายน้อยลง คุณปู่ช่วยบอกหน่อยได้ไหมครับว่าทำยังไงดี อย่ามัวเสียเวลาพวกเราอยู่เลย”
“เธอเป็นหมอจริงๆ เหรอ รู้เรื่องการแพทย์จริงๆ เหรอ” หลินฉางเทียนพินิจดูเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ เด็กนี่น่าจะเป็นอย่างที่เจ้าซางบอกไว้จริงเสียด้วยว่าเขาเป็นศิษย์ของตระกูลลับ
“ไม่งั้นเอาอย่างนี้ไหม ในเมื่อเป็นการทดสอบยาจีน งั้นเราก็มาทดสอบหลักการยากันหน่อย คุณทำพิษส่วนผมแก้พิษ ง่ายจะตาย คุณคิดว่าแบบนี้ดีไหมครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ถ้าพ่อหนุ่มอยากประลองจริงๆ งั้นเธอรออยู่นี่ก่อน ฉันจะไปเรียกคนมาประลองกับเธอ ขอแค่เธอชนะแค่ตาเดียวก็ไม่ต้องจัดการอะไร เดี๋ยวสมาคมแพทย์จีนจะช่วยเธอจัดการทุกอย่างเอง”
“น้องซาง ไปเรียกกรรมการสี่ท่านมา บอกพวกเขาไปนะว่ามีคนมาท้าสมาคม ให้พวกเขารีบมาด่วนเลย” หลินฉางเทียนพูดขึ้นเสียงดังกับคนทางด้านนอก
“ให้ตาย เอาจริงซะด้วย”