[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 94 สมาคมแพทย์แผนโบราณ
“พี่ไฮว่ พี่หยวนกับพี่เซิงอยู่นี่” กัวไฮว่กับอวี้เอ๋อร์ขับรถมายังที่บ้านก็เห็นว่าหน้าบ้านมีรถจอดอยู่สองคันและไม่มีคนอยู่บนรถ แสดงว่าต้าจู้น่าจะกลับมาแล้ว พวกเขารออยู่ในบ้าน เมื่อทั้งสองลงมาจากรถ ต้าจู้ก็รีบวิ่งออกมา
“พี่สี่ พี่สี่คนดีของผม กลับมาแล้วเหรอ” เจี่ยหยวนรีบวิ่งออกมาพร้อมเตรียมจะกอดกัวไฮว่
“พี่หยวน พี่เรียกแบบนี้ผมรับไม่ได้หรอกนะ เข้าไปคุยในบ้านเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ถ้าจะมองน้องสะใภ้ขนาดนี้เดี๋ยวผมไปเปิดไฟให้” กัวไฮว่เห็นเจี่ยหยวนเหลือบมองอวี้เอ๋อร์ก็พูดขึ้นด้วยเสียงดัง
“ให้ตายสิ เมียสวยชะมัดยาด ถ้าจะไม่ให้มองก็เอาไปขังในห้องเลยไป” เจี่ยหยวนพูดเหน็บแนม ทว่าสุดท้ายเบื้องลึกหัวใจของเขาก็กลับแข็งสะท้าน เพราะตอนที่อวี้เอ๋อร์มองมายังตนนั้น ก็มีไอแห่งความน่ากลัวระลอกหนึ่งออกมาด้วย
“พี่หยวน อันที่จริงฉันเก่งเรื่องเกี่ยวกับไฟมากกว่าพี่ไฮว่อีกนะ แล้วพี่อ้วนขนาดนี้เนี่ย ถ้าเอาไขมันที่อยู่บนตัวพี่มาเผานะ ฉันรับรองได้เลยว่าก่อนจะเผาหมด พี่จะยังเป็นๆ อยู่ พี่ลองคิดถึงความรู้สึกแบบนั้นดูสิ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ ทว่าเจี่ยหยวนฟังแล้วแผ่นหลังกลับเปียกชุ่มไปหมด
“น้องสะใภ้ พี่ผิดไปแล้ว ผิดไปแล้ว ยังไม่ได้อีกเหรอ เธอไม่ต้องพูดแล้ว ในโรงรถพี่มีรถเล็กสำหรับผู้หญิงขับ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะให้คนเอามาให้เธอขับนะ” เจี่ยหยวนพูดเบาๆ ด้วยความกลัวถึงขีดสุด
“เอารถมาให้ฉันแล้วพี่ไม่กลัวแฟนพี่โกรธเหรอ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ
“ธะ…เธอรู้ได้ยังไง” เจี่ยหยวนพูดขึ้นเบาๆ ในใจเขารู้สึกร้อนรน
“อวี้เอ๋อร์ อย่าทำเขาตกใจสิ ไปต่อในห้องเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ก่อนจะลากอวี้เอ๋อร์เข้าไปในห้อง
“เจ้าสี่ นี่เป็นใบประกอบ แต่ว่าเป็นของระดับต้นนะ ถ้าแกอยากได้ระดับกลางหรือว่าระดับสูง ก็ต้องมีความสามารถจริงๆ” หวังเซิงพูดพลางวางหนังสือเล่มเล็กๆ ไปด้านหน้ากัวไฮว่ “ถ้าเปิดคลินิกแล้วอยากให้พี่ไปจัดการขั้นตอนอื่นๆ ไว้ให้พี่สองนัดสถานที่มา แล้วแกก็โทรมาหาพี่นะ ถึงตอนเช้าก็เรียบร้อยแล้วล่ะ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ
“เจ้าสี่ แกมาดูสิ ” เจี่ยหยวนพูดพลางเปิดโน้ตบุ๊กที่พกติดตัวมา ทุกคนคิดไม่ถึงเลยว่านิ้วมือที่ดูเหมือนแครอทอันน้อยๆ ของเจี่ยหยวนนั้นจะอยู่บนคอมพิวเตอร์แล้วว่องไวขนาดนี้
“บ้านนี่สามร้อยแปดสิบตารางเมตร อยู่ตรงทางตัดระหว่างถนนเทียนหงกับถนนเจิ้นซิง เมื่อวานตอนบ่ายฉันให้คนรวบรวมมาแล้ว เดี๋ยวฉันให้แกดู” เจี่ยหยวนชี้ไปที่คอมพิวเตอร์แล้วพูดยิ้มๆ
“หลังนี้ห้าร้อยสี่สิบตารางเมตร อยู่ตรงทางแยกอีก ที่ดินด้านหน้าก็เป็นที่ของพี่ ถ้าแกอยากใช้พี่ให้แกได้นะ” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ
“หลังนี้แปดร้อยแปดสิบแปดตารางเมตร ที่ตั้งก็ใช้ได้ แต่ว่ารอบๆ มีคลินิกอยู่สองสามแห่ง ถ้าแกไปที่นั่นก็ต้องมีความสามารถหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวผ่านไปไม่กี่วันก็ถูกคลินิกอื่นทำเละแน่” เจี่ยหยวนพูดขึ้น “เมื่อวานฉันจัดการอยู่ทั้งบ่าย นี่เป็นคะแนนรีวิวของทั้งสามห้อง ได้เก้าสิบคะแนนขึ้นทั้งหมด ถ้าเอาละก็ทำเงินได้แน่นอน” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ
“หลังที่สาม รอบๆ มีคู่แข่งสิถึงจะสนุก ใช่ไหมล่ะพี่ไฮว่” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ
“งั้นก็หลังที่สาม เก็บหลังที่สองไว้ให้ผมด้วยนะ ตอนบ่ายไม่มีธุระอะไรแล้วเดี๋ยวผมไปจัดการเอกสารที่จำเป็นให้เรียบร้อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ขึ้นว่า “พี่ๆ ทั้งสองคน พวกพี่มีเรื่องอื่นที่ต้องคุยกับผมใช่ไหมนะ”
“ไม่มีอะไรแล้วนี่ มีแค่เตรียมกินข้าวเที่ยงที่นี่ แล้วก็ดื่มเหล้านิดหน่อย” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ
“โสมพันปีสิบต้น ไท่ซุ่ยห้ากิโล ถ้าก่อนผมตกแต่งคลินิกเสร็จพวกพี่ยังไม่ส่งมาล่ะก็ เดี๋ยวผมจะให้อวี้เอ๋อร์จุดไฟเผาพวกพี่” กัวไฮว่พูดขึ้นด้วยเสียงดัง
“ให้ตายสิ ยังเป็นพี่น้องกันอยู่ไหมเนี่ย เรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะมาเผาพวกพี่แล้วเหรอ” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง
“กินข้าว กินข้าว เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้วจะไปเอาไท่ซุ่ยที่คุณปู่ให้ วันนี้ให้พี่กินเหล้าหน่อยเถอะ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ “กินดื่มกันอิ่มแล้วตอนบ่ายก็จะไปจัดการเอกสาร คราวนี้อย่าบอกพวกเราล่ะว่าวันนี้กินเหล้าไม่ได้อีกน่ะ”
“พี่สอง เรื่องตกแต่งคลินิกผมให้พี่ไปจัดการนะ เดี๋ยวพาผมไปดูสถานที่หน่อยสิ เดี๋ยวผมจะเอาแบบตกแต่งให้พี่ เจ็ดวัน ให้พี่เวลามากสุดเจ็ดวัน จัดการเรื่องตกแต่งให้ผมให้เรียบร้อย ส่วนวัสดุตกแต่งอย่ามาหลอกผมล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ขึ้นอีกว่า “กินข้าวๆ”
“เจ้าสี่ ค่าบ้านที่แกดูอยู่เดี๋ยวฉันออกเอง ค่าตกแต่งฉันออกเอง ฉันจะไม่แตะต้องทรัพย์สินตระกูลฉินแม้แต่นิดเดียว เดี๋ยวฉันจะออกอีกร้อยร้อยล้าน แล้วแกให้ฉันร่วมหุ้นคลินิกสักสิบเปอร์เซ็นต์ เป็นไง” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ
“พี่สอง คำนวณมาไม่เลวเลยนะ” กัวไฮว่หรี่ดวงตาพร้อมกับพูดยิ้มๆ “จะร่วมหุ้นก็ใช่ว่าจะไม่ได้ พี่หยวนพี่เซิงพวกพี่ร่วมหุ้นคนละสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ว่าพวกพี่คิดให้ดีนะ ต่อไปจะเกิดเรื่องขึ้นที่คลินิกนี่เยอะเลย ถ้าพวกพี่ร่วมหุ้น เรื่องนี้พวกพี่ก็ต้องร่วมแบกไปกับผมด้วย”
“ให้ตาย นึกว่าจะเรื่องใหญ่อะไร ในเขตแดนอู่เฉิงเรื่องที่แกทำเมื่อก่อนพวกพี่ก็เป็นคนแบกแกลงมาไม่ใช่หรือไง พวกเราจะร่วมหุ้นด้วย” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ
“แล้วถ้าไปเมืองหลวงล่ะ ผมไม่ได้คิดจะเปิดคลินิกไม่แค่ที่อู่เฉิงหรอกนะ อู่เฉิงเป็นแค่ก้าวแรกเท่านั้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ให้ตาย ต่อให้แกไปเปิดที่สวรรค์ฉันก็จะเอาหุ้นนี้ ถ้ามีเรื่องที่พวกเราจัดการกันไม่ได้งั้นก็เผาพวกเราได้เลย” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง
อวี้เอ๋อร์มองกัวไฮว่ที่อยู่ตรงหน้า ท่านเซียนคิดจะทำการใหญ่บนแดนมนุษย์จริงเสียด้วย
เมื่อทานอาหารดื่มเหล้ากันอิ่มแล้ว รถทั้งสามคันก็แล่นไปยังบ้านที่เจี่ยหยวนบอกเอาไว้ เป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น การที่อยู่ในพื้นที่แบบนี้ได้ ทั้งยังไม่ถูกรื้อถอนไปอีก แสดงว่าเจี่ยหยวนมีอิทธิพลในเมืองอู่เฉิงไม่น้อยเลยทีเดียว
“พี่หยวน พี่กลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวผมไปจัดเรื่องเอกสารกับพี่เซิงเสร็จเดี๋ยวตอนกลางคืนผมจะเอาแบบแปลนไปให้พี่” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ส่วนอวี้เอ๋อร์ไม่ยอมตามเขาไป ให้ต้าจู้ขับรถพากลับบ้าน จากนั้นหวังเซิงกับกัวไฮว่ก็เริ่มจัดการเอกสาร
“เจ้าสี่ แกถูกบุคคลชั้นสูงรับเป็นศิษย์จริงๆ เหรอ” หวังเซิงถามยิ้มๆ ในขณะที่ขับรถพากัวไฮว่ไป “ถ้าแกมีความสามารถจริงงั้นเราก็ไปที่สมาคมแพทย์แผนโบราณ ถ้าแกเอาชนะตาแก่พวกนั้นได้ เรื่องจัดการเอกสารนี่พวกเราก็ไม่ต้องวิ่งแจ้นไปจัดการ ถึงตอนนั้นสมาคมแพทย์แผนโบราณก็จะช่วยพวกเราจัดการเอง”
“หืม? มีเรื่องแบบนั้นด้วยเหรอ สมาคมแพทย์แผนโบราณ งั้นพวกเราไปที่นั่นกันหน่อยดีกว่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ในใจของเขามีแผนอยู่แล้ว
“สถานที่ดีนี่ สถานที่นี่ดีมากเลย ถ้าเปิดคลินิกที่นี่ได้ไม่แย่เลยล่ะ” รถจอดอยู่ด้านหน้าบ้านโบราณหลังหนึ่ง หลังจากลงรถกัวไฮว่ถอนหายใจออกเฮือกใหญ่ และเขาก็ได้กลิ่นหอมของยาลอยอบอวลอยู่กลางอากาศ จึงพูดขึ้นเบาๆ
“อะแฮ่มๆๆ เจ้าสี่ แกก็กล้าคิดนะ แกอย่าได้คิดหาเรื่องที่นี่เลย” หวังเซิงพูดยิ้มๆ “สมาคมแพทย์แผนโบราณเป็นสำนักงานใหญ่ของแพทย์แผนโบราณประจำหัวซย่านะ ฉันเองก็เคยมากับปู่ฉันอยู่สองสามครั้ง ในนั้นมีแต่ยอดฝีมือวงการแพทย์ทั้งนั้น”
“ไปกันเถอะ ข้างในมีสิ่งที่ผมสนใจอยู่ ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดพลางก้าวเดินมุ่งหน้าเข้าไปในสมาคมแพทย์แผนโบราณ