[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 9 วิกฤติในการเข้าเรียน
“แกหมายความว่าไง แกว่าตาสู้ตาแก่แซ่เฉานั่นไม่ได้เหรอ ให้เด็กนั่นมา ให้เด็กนั่นมาหาตาที่นี่ ตาไม่ได้แค่จะให้มันมาที่โรงเรียนนะ ตาจะบ่มเพาะมันเป็นผู้ใหญ่ จัดการเจ้าตัวอันตรายเพื่อเมืองอู่เฉิงเอง” หลี่สวินอวี้พูดเสียงดัง
“พี่เซิงจัดการคุณตาเรียบร้อยแล้วนะ อีกเดี๋ยวเราเจอกันที่ไหนดีคะ เดี๋ยวหนูเอาหนังสือเข้าเรียนไปให้” หลี่เสี่ยวฮวาออกจากบ้านตาแก่หลี่แล้วโทรศัพท์หาหวังเซิงทันที หลี่สวินอวี้ที่ยืนอยู่ชั้นสามหรี่ตามองหลานสาวตนเอง “เจ้าเด็กนี่ หาปัญหาใหญ่มาให้ฉันอีกจนได้”
“ถึงโรงเรียนอู่เฉิงแล้ว คนที่ต้องลงก็รีบลง” เป็นเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง รถก็จอดเข้าที่ด้านนอกห่างจากประตูใหญ่โรงเรียนประมาณหนึ่งร้อยเมตร
“นี่ ถึงแล้ว เลิกหลับได้แล้ว รีบลงรถเร็ว” ซูเยี่ยมองกัวไฮว่ที่ผล็อยหลับไปแวบนึง ใช้ปลายเท้าเตะเขา จากนั้นตัวเองลากถังซีลงไป
“โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง เขียนธรรมดามากเลย เดี๋ยวรอให้ฉันเรียนจบก่อนจะเขียนให้พวกเขาใหม่” กัวไฮว่พูดพลางเดินลงจากรถ
“นี่นี่นี่ หยุดก่อน หยุดก่อน ฉันหมายถึงเธอนั่นแหละ” ขณะที่กัวไฮว่คิดจะเดินเข้าไป ก็มีเสียงตี๊ดตี๊ดดังขึ้นมา จากนั้นรปภ.สามนายก็เดินออกมาจากในห้อง
“เธอไม่ใช่นักเรียนของที่นี่ มาทำอะไรที่นี่ฮะ” รปภ.นายหนึ่งวิ่งมายังเบื้องหน้าของกัวไฮว่ แล้วพูดด้วยเสียงดัง
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่ใช่นักเรียนของที่นี่” กัวไฮว่ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงดังด้วยท่าทางหาเรื่อง
“เด็กนี่ จะบอกเธอให้ก็ได้ นักเรียนโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงทุกคนจะต้องพกเข็มโรงเรียนมา บนเข็มโรงเรียนจะมีเซ็นเซอร์ อีกอย่างนะ เห็นกล้องวงจรปิดนั่นรึเปล่า นั่นมันกล้องวงจรปิดที่ล้ำหน้าที่สุดในโลกเลยนะ ข้อมูลครูกับนักเรียนทั้งหมดของโรงเรียนเราบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์หมดแล้ว ถ้าคอมพิวเตอร์แยกแยะหน้าแกไม่ได้ ออดเตือนหน้าประตูใหญ่ก็จะดังขึ้นมา ไอ้หนู ต้องเรียนที่ไหนก็ไปที่นั่นสิ” รปภ.พูดเสียงดัง
“ผมจำคุณได้แล้ว นี่เป็นหนังสือรับเข้าเรียนของผม ตอนนี้ผมเป็นนักเรียนของที่นี่ แต่แค่ยังจัดการขั้นตอนไม่ครบเท่านั้นเอง” กัวไฮว่ขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงกับรปภ. จึงรีบหยิบหนังสือรับเข้าเรียนออกมา
“ฮ่าๆ ไอ้หนู เอาของมารอบคอบดีนี่ รู้หรือเปล่าว่านี่เดือนอะไร เดือนเมษายน ฉันจะบอกให้เอาบุญนะ ปกติแล้วทุกโรงเรียนในประเทศจีนของเราจะเปิดเทอมกันเดือนกันยายน รีบไสหัวไปเลย ถ้ายังวุ่นวายอีกฉันจะจับแกไปโรงพัก” รปภ.พูดอย่างไม่สนใจใยดี
“หลี่สวินอวี้อยู่ไหน ให้เขาออกมา อันนี้เขาเป็นคนให้ผมเอง รปภ.หลี่เวย ผมจำคุณได้แล้ว คุณจำชื่อผมไว้ให้ดีแล้วกัน ผมชื่อกัวไฮว่” กัวไฮว่พูดพลางหรี่ตามองหลี่เวย
“หลี่เวย เกิดอะไรขึ้น” ในขณะที่พวกเขาทะเลาะกันอยู่นั้น ผู้หญิงอายุราวสี่สิบปีก็ขับรถเข้ามาในโรงเรียน จากนั้นก็เดินมายังประตูใหญ่
“หัวหน้าเซวีย เด็กนี่เอาใบรับเข้าเรียนปลอมมาจะเข้ามาในโรงเรียนให้ได้ พวกเรากำลังขวางเขาไว้เดี๋ยวจะลากเขาออกไปครับ” เมื่อหลี่เวยเห็นผู้หญิงคนนั้นเดินมา ก็พูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“เธอคือกัวไฮว่เหรอ นักเรียนที่ผอ.หลี่บอกว่าย้ายมาจากโรงเรียนจิ่วอู่เฉิงเหรอ” เซวียหรูเหอมองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้น “ทำไมถึงไม่ให้เธอเข้าไปในโรงเรียนกันนะ คนพวกนี้ทำงานไม่ได้เรื่องจริงๆ”
“ผมคือกัวไฮว่ เมื่อก่อนเคยอยู่ที่โรงเรียนจิ่วอู่เฉิงอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้ให้ผมเข้าไปในโรงเรียนได้แล้วใช่ไหมครับ” กัวไฮว่พูดพลางหรี่ดวงตามองหลี่เวย
“นี่เธอ เมื่อกี้พวกเราผิดเอง อย่าไปโทษพวกหลี่เวยเลยนะ ที่โรงเรียนก็มีกฎของโรงเรียน เรื่องในวันนี้ฉันต้องขอโทษเธอด้วยนะ แล้วฉันก็จะให้พวกหลี่เวยขอโทษเธอด้วย” เซวียหรูเหอพูดยิ้มๆ “เรื่องที่เธอย้ายโรงเรียนผอ.หลี่บอกกับฉันแล้ว แล้วก็บอกว่าเธอรถชน เหมือนว่าจะบาดเจ็บหนักเลย ฉันเลยยังไม่ได้บอกฝ่ายรปภ.เรื่องที่เธอย้ายมาเข้าเรียนน่ะ ตอนนี้ร่างกายเป็นไงบ้าง”
“ฟื้นสมบูรณ์ดีแล้วครับ ไม่งั้นผมไม่มาเรียนหรอก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “หัวหน้าเซวีย หัวหน้าแบบคุณเนี่ยหาได้ไม่ง่ายนะ ยอมรับผิดกับนักเรียนก่อนเนี่ย”
“ทำผิดก็ต้องยอมรับสิ ไม่มีอะไรที่สำเร็จได้โดยไม่มีกฎเกณฑ์หรอกนะ และฉันก็หวังว่าเธอจะเคารพกฎของโรงเรียนทุกข้อเหมือนกัน ตอนนี้เธอตามฉันไปฝ่ายการศึกษา จ่ายค่าเทอม ค่าหนังสือ ค่าชุดนักเรียน แล้วก็ทำตามขั้นตอนเข้าเรียนกันเถอะ” เซวียหรูเหอพูดยิ้มๆ
“ให้ตาย ไม่ใช้วิชาอ่านจิตไม่ไหวจริงๆ มึนไปเลย ผู้หญิงคนนี้ก็แปลกจริง ขอโทษข้าเนี่ยนะ ต่อไปถ้าข้าทำผิดกฏโรงเรียนต้องมาจัดการข้าแน่เลย” ตอนนี้กัวไฮว่คืนสู่วิญญาณเดิม
“หัวหน้าเซวีย ค่าเทอมเราใช้บัตรได้ใช่ไหม” กัวไฮว่ถามขึ้นเสียงเบา เขาไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบบนรถเมล์อีก
“รูดบัตรได้ ทั้งหมดสามแสนสามหมื่นหนึ่งพันห้าร้อย เธอมีใช่ไหม” เซวียหรูเหอพูดแล้วอมยิ้ม เงินสามแสนกว่าสำหรับสี่ตัวอันตรายแล้วคงเป็นแค่เศษเงิน
“น่าจะพอมั้ง ถ้าไม่พอเดี๋ยวผมค่อยหาวิธีดู” กัวไฮว่พูดเบาๆ จากนั้นก็เดินตามหลังเซวียหรูเหอไปยังฝ่ายการศึกษา
“เสี่ยวไฮว่ ฉันขอพูดเกี่ยวกับกฎของโรงเรียนให้เธอฟังก่อนคร่าวๆ แล้วกัน ตั้งแต่วันเข้าเรียนนักเรียนทุกคนจะมีสิบสองคะแนน ก็เหมือนกับใบขับขี่นั่นแหละ ถ้าละเมิดกฎโรงเรียนจะถูกหักคะแนน เช่น มาสายหนึ่งครั้งหักหนึ่งคะแนน ทะเลาะหนึ่งครั้งหักหกคะแนน สอบได้ที่โหล่หนึ่งครั้งหักหนึ่งคะแนน ถ้าคะแนนถูกหักหมดทั้งสิบสองคะแนน ทางโรงเรียนก็มีสิทธิ์ไล่ออก” เซวียหรูเหอพูดยิ้มๆ “นี่เป็นหนังสือกฎของโรงเรียนเรา น่าจะประมาณหนึ่งร้อยแปดสิบกว่าข้อ ถ้าทำผิดอย่างอื่นที่ไม่มีในกฎ ทางโรงเรียนจะตัดคะแนนตามความหนักเบาของสถานการณ์”
“อะแฮ่มๆ ผมเข้าใจแล้ว ผมจะตั้งใจศึกษากฎของโรงเรียนครับ” สุดท้ายกัวไฮว่ก็วางกฎของโรงเรียนไว้บนโต๊ะข้างๆ
“เงินไปจ่ายที่ฝ่ายการเงินนะ จากนั้นก็ไปให้ข้อมูลกับฝ่ายจัดการ ส่วนเข็มโรงเรียนไปรับที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ แล้วค่อยไปหาฝ่ายหอพัก ให้พวกเขาจัดการเรื่องที่อยู่ให้เธอ จัดการเรื่องพวกนี้เสร็จแล้วก็กลับมาหาฉัน ฉันจะหาห้องเรียนให้เธอ” เซวียหรูเหอมองกัวไฮว่แล้วพูดยิ้มๆ
“วันนี้เธอมาเป็นวันแรก ขอแค่เธอไม่ไปทะเลาะกับใคร จะโทรศัพท์หรืออะไรก็ตามแต่ ฉันไม่หักคะแนนเธอหรอก รีบไปจัดการตามขั้นตอนเสียสิ” ในขณะที่กัวไฮว่ออกไป เซวียหรูเหอก็พูดตามหลัง
“มารดามันเถอะ คราวนั้นข้าบินไปยังสวรรค์ บนสรวงสวรรค์ไม่เห็นจะยุ่งยากแบบนี้เลย” กัวไฮว่อดไม่ได้ที่จะด่าไปประโยคหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังฝ่ายการเงิน
“ผอ.หลี่ วันนี้กัวไฮว่มาแล้ว” เมื่อเซวียหรูเหอเดินไปไกล เซวียหรูเหอก็รีบดิ่งมายังห้องทำงานของหลี่สวินอวี้
“คงยังไม่ได้ก่อเรื่องอะไรหรอกใช่ไหม” หลี่สวินอวี้อึ้งก่อนไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามต่อว่า “วันที่เขารถชนฉันโทรศัพท์คุยกับหลิวอี้เตาเขาบอกว่าตอนแรกเกือบช่วยชีวิตเด็กนั่นไว้ไม่รอด ไม่คิดว่าจะฟื้นได้เร็วขนาดนี้ หลิวอี้เตานี่จริงๆ เลย”
“ไม่ได้ก่อเรื่องค่ะ เพียงแค่ตอนเข้าโรงเรียนมาฉันไม่ได้บอกรปภ.ไว้ก่อน หลี่เวยเลยห้ามเขาไว้ ทั้งสองคนเลยมีปากเสียงกัน” เซวียหรูเหอเล่าเรื่องให้หลี่สวินอวี้ฟังอย่างละเอียด
“เฮ้อ เสี่ยวเวยนี่ก็ซื่อตรงจริงๆ ผมบอกเขาไปตั้งหลายรอบแล้ว ครั้งนี้ยังจะก่อปัญหาใหญ่อีก” หลี่สวินอวี้พูดพลางลูบเข้าที่ศีรษะอย่างจนใจ “หรูเหอ เดี๋ยวคุณไปหาเสี่ยวเวยนะ ให้เขาไปถอนเงินเดือนเดือนนี้ที่ฝ่ายการเงิน แล้วก็ให้ฝ่ายการเงินให้เขาอีกแสนนึง ให้เขาหนีไปซุกหัวที่บ้านเกิด หวังว่าตอนนี้จะยังทันนะ”
“ผอ.คะ ฉันว่ากัวไฮว่ก็ไม่ได้เลวร้ายแบบที่ลือกันในเมืองอู่เฉิงนะคะ เมื่อกี้ฉันคุยกับเขาไปหน่อยนึง ยังรู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่เลวเลย” เซวียหรูเหอพูดพลางอมยิ้ม
“นี่มันจุดที่น่ากลัวของสี่ตัวอันตรายต่างหากล่ะ รีบไปจัดการเถอะ ถ้าช้ากว่านี้กลัวว่าเสี่ยวเวยจะต้องรับโทษหนักนะ” หลี่สวินอวี้นึกถึงวิธีการจัดการของสี่ตัวอันตราย ก่อนจะพูดพลางส่ายศีรษะ
“ผอ.คะ กลัวว่าตอนนี้จะสายไปแล้วล่ะค่ะ” ในช่วงขณะที่เซวียหรูเหอจากไป ก็เห็นกัวไฮว่กับหลี่เวยกำลังพูดอะไรบางอย่างจากทางหน้าต่าง
“พี่เวย ฝ่ายหอพักอยู่ตรงไหน บอกผมหน่อยได้ไหม” เมื่อกัวไฮว่ออกมาจากฝ่ายประชาสัมพันธ์นักเรียนทุกคนต่างเข้าเรียนกันอยู่ เขาจึงต้องมายังฝ่ายรปภ.อีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ เขามาหาหลี่เวยแล้วก็ถามถึงที่ตั้งของฝ่ายหอพัก
“นี่ไอ้น้อง เมื่อกี้ขอโทษด้วยนะ ขอโทษด้วย” หลี่เวยเป็นคนตรงไปตรงมา ตัวเองผิดก็คือผิด เขากำลังจะไปหากัวไฮว่แต่กลับไม่คิดว่ากัวไฮว่จะมาหาตนเอง จึงพูดให้ชัดเจนกันไป
“โรงเรียนมีรปภ.ที่รับผิดชอบดีแบบนี้ โชคดีจริงๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“นี่น้อง ตอนนี้ฉันว่า ฉันพานายไปฝ่ายหอพักดีกว่า ฉันคุ้นเคยที่นั่นดีน่ะ” หลี่เวยพูดพลางลากกัวไฮว่เดินไปทางฝ่ายหอพัก
“หลี่เวยคิดจะทำอะไรกันแน่ รีบไปดูเร็ว อย่าทำเรื่องโง่ๆ กับเด็กนี่เชียวนะ” หลี่สวินอวี้เดินลงมาจากข้างบน ด้วยคิดว่าหลี่เวยกับกัวไฮว่มีปัญหากัน จึงพูดเสียงดังแล้วรีบวิ่งไปทางทั้งสองคน
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^
https://www.kawebook.com/story/6815