[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 87 ครั้งนี้ไม่ได้ถูกไล่ออก
“พี่ไฮว่ เกิดอะไรขึ้น” หลังจากที่หลี่สวินอวี้เพิ่งจะออกไป อวี้เอ๋อร์ก็มาถึงที่หอพักครูหลินซวง เธอมองยังหลินซวงที่สวมชุดฉางเผาแวบหนึ่ง แล้วมองไปที่กัวไฮว่ที่มีสีหน้าอวบอิ่มแล้วถามขึ้นเบาๆ
“ก็เป็นอย่างที่เธอคิดนั่นแหละ วังหลังมีคนเพิ่มมาคนนึง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “อวี้เอ๋อร์เธอไม่หึงหรอกใช่ไหม”
“ตาบ้า ขนาดนี้แล้วยังจะมาล้อกันเล่นอีก” อวี้เอ๋อร์พูดพลางต่อยเข้าบนตัวกัวไฮว่
“สองชั่วโมงก่อนหน้านี้พลังของเจ้ารั่วไหล จากนั้นก็หายไปหมด ต้องเจอเรื่องใหญ่อะไรเป็นแน่ เบื้องบนลงมาหาเรื่องเจ้าหรือ” อวี้เอ๋อร์ส่งกระแสจิตถาม
“เรื่องมันยาว เจ้าเองน่าจะสัมผัสได้ พลังเซียนของข้าก้าวหน้าไปไม่น้อย หากตอนกลางคืนมีเวลาเราลองมาเปิดน้ำเต้านั่นเสียหน่อยดีกว่า พรุ่งนี้ข้าจะจากฟู่จงแล้วล่ะ” กัวไฮว่ส่งกระแสจิตตอบ
“เอาเปรียบครูหลินแล้วก็เตรียมจะเช็ดตูดไปเลยเหรอ” อวี้เอ๋อร์มองออกอย่างแน่นอนว่าชุดฉางเผาที่ครูหลินซวงใส่เป็นของกัวไฮว่ อีกทั้งอากาศในห้องปลอดโปร่ง ยิ่งทำให้เธอสัมผัสได้ว่าครูหลินซวงไม่ได้บริสุทธิ์แล้ว และตากัวไฮว่ที่อยู่ตรงหน้าคนนี้เป็นผู้ร้าย
“อะแฮ่มๆๆ ไม่ได้เป็นแบบที่เธอคิดสักหน่อย” กัวไฮว่ส่ายศีรษะด้วยความจนใจ “เจอกันตอนกลางคืนนะ ร้อยปีในแดนมนุษย์ เราก็ควรจะปิดผนึกพลังเซียน ซึมซับช่วงเวลาร้อยปีให้ดีหน่อย”
“เอาเถอะ งั้นเจอกันตอนกลางคืน พี่ไปอยู่เป็นเพื่อนสนมวังหลังก่อนเถอะ ไม่ว่าพี่จะเป็นตายยังไง ตำแหน่งฮองเฮาในวังหลังพี่จะต้องเก็บไว้ให้ฉัน ฮึ” พูดเสร็จ อวี้เอ๋อร์ก็เดินออกจากห้องพักครูหลินซวง
“แฟนนายมาถึงหน้าประตูแล้วทำไมนายยังไม่ไปอีก” หลินซวงมองกัวไฮว่แล้วถามขึ้น เมื่อสักครู่เธอคิดดูแล้ว สุดท้ายความเจ็บปวดในใจทำให้เธอต้องนั่งลงบนเก้าอี้
“คุณอยากจะเป็นผู้หญิงไหมก็แล้วแต่คุณแล้วกัน” กัวไฮว่มองหลินซวงก่อนจะพูดขึ้นยิ้มๆ “กินนี่ไปแล้วคุณจะไม่เจ็บ รักษาตัวเองด้วย สามเดือนหลังจากนี้ ผมจะสู่ขอคุณกับตระกูลหลินอย่างเป็นทางการ ถึงตอนนั้นผมจะคอยดูว่าใครมันจะกล้าขวางผม” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็เดินออกจากห้องพักครูหลินซวงไป ชุดฉางเผา งดงามไร้ที่เปรียบ
“กัวไฮว่ เธอเป็นใครกันแน่” หลินซวงมองแผ่นหลังกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นเบาๆ
“พวกเธอได้ยินมาหรือเปล่า กัวไฮว่คนที่ได้ที่หนึ่งการแข่งขันวิชาการกิ๊กกั๊กกับครูหลินซวง” เมื่อกัวไฮว่เดินออกมาจากห้องพักครู ตามถนนก็เริ่มมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับเขา
“กิ๊กกั๊กกันแล้วยังไง พี่ไฮว่ออกจะหล่อขนาดนั้น ครูหลินก็สวย กิ่งทองใบหยกชัดๆ” นักเรียนเอพูดขึ้น
“แน่นอนว่าพี่ไฮว่กับครูหลินคบกันไม่เป็นไรหรอก แต่นายคิดถึงคนอื่นดูสิ มู่หรงเวยเวย ถังซี ซูเยี่ย โหยวโยวโยว แถมยังมีฉางเสี่ยวอวี้ นางฟ้ามาใหม่โรงเรียนฟู่จงอีก เหมือนว่าจะมีพี่ซุนหลิงหลิงมอหกที่มีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับกัวไฮว่อีก” นักเรียนบีพูดเบาๆ
“ได้ยินมาว่าพี่ไฮว่ถูกครูหลินซวงล่อลวงจนหัวปักหัวปำ เขากับครูหลินซวง…” นักเรียนซีพูดขึ้น
“นายอยากตายหรือไง พี่ไฮว่จะไปถูกคนแบบนั้น…” ขณะที่พูดกันอยู่ทุกคนก็ต่อยนักเรียนซีไปยกหนึ่ง
“กินข้าวเย็นด้วยกัน รวมตัวที่ร้านปู่หกนะ” มู่หรงเวยเวย ถังซีและคนอื่นๆ ได้รับข้อความจากกัวไฮว่ เขาจะจากโรงเรียนไปแล้วก็ต้องจัดอันดับสาวๆ ของตนไว้ให้เรียบร้อยเสียก่อน
“พี่ไฮว่ ไม่เป็นไรใช่ไหม” โทรศัพท์ของกัวไฮว่ดังขึ้น เฉียนตัวตัวถามขึ้นเบาๆ จากนิสัยของเฉียนตัวตัวแล้ว น่าจะเดาออกเกือบหมดว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะกัวไฮว่ไม่รู้ว่าเกิดพายุโหมกระหน่ำขึ้นบนเว็บบอร์ดโรงเรียน
“ไม่มีอะไรหรอก นายตามต้าจู้มาด้วยนะ มารวมตัวที่ร้านปู่หกเริ่น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
ช่วงบ่ายของโรงเรียนฟู่จงไม่ต่างอะไรกันกับเมื่อก่อน ทว่ารสชาติโดยละเอียดกลับนำมาซึ่งบรรยากาศที่แตกต่างกัน ฉินอวี้หลงซ่อนตัวอยู่ในห้องนอน พวกพี่น้องของเขาต่างก็เป็นแปลกหน้ากับเขาไปแล้ว และเขาได้สูญเสียที่ระบายในอดีตไปแล้ว
“กังจื่อ นายว่าที่พูดกันบนเว็บบอร์ดนี่จริงหรือเปล่า อย่าบอกนะว่าพี่ไฮว่กับครูหลิน…” นักเรียนห้องหนึ่งที่นั่งอยู่แถวหลังพูดขึ้นเบาๆ
“เพียะ! อย่าไปฟังคนอื่นให้มาก พี่ไฮว่ใช่คนที่เราจะมาวิจารณ์ไหม” เด็กหนุ่มที่ชื่อกังจื่อตบเข้าที่ศีรษะของเด็กหนุ่มผู้นั้นพร้อมกับพูดขึ้นด้วยเสียงดัง
กังจื่อชื่อว่าหลินกัง ตอนที่กัวไฮว่เพิ่งจะมาที่ห้องหนึ่งก็ไม่ได้จะสนใจเด็กเสเพลแบบนี้ ทั้งสองไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน หลินกังอาศัยอยู่ด้วยกันกับแม่
“สมุนไพรพวกนี้ต้มกับน้ำสามถ้วย ดื่มเช้าครั้งเย็นครั้ง ดื่มติดต่อกันหกครั้ง อาการป่วยแม่นายน่าจะดีขึ้นแล้วล่ะ” หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้ หลินกังกับกัวไฮว่บังเอิญเจอกันที่เขตเมือง กัวไฮว่ได้นำชีวิตใหม่มาให้แก่แม่ลูกตระกูลหลินที่ไร้ซึ่งความหวัง มะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้าย ในเวลาแค่เดือนเดียว เขาก็ได้สร้างปาฏิหาริย์ในวงการแพทย์ขึ้น และนี่ล้วนเป็นคำพูดในภายหลัง
“เลิกพูดได้แล้ว ครูหลินมา” หลินซวงปรากฏตัวขึ้นในห้องเรียน นักเรียนทุกคนจับจ้องไปที่เธอด้วยหวังว่าจะได้ข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเที่ยง
“กัวไฮว่เป็นนักเรียนที่ดีคนหนึ่ง ไม่ว่าเขาจะเป็นนักเรียนห้องหนึ่งของเราหรือไม่ พวกเราก็จะคิดแบบนี้ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉันหวังว่าพวกเธอจะยืนอยู่ข้างกัวไฮว่ในการทำสิ่งต่างๆ เช่นเดียวกันกับฉัน” หลินซวงพูดเบาๆ และเมื่อพูดเสร็จเธอก็เดินออกไป
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพี่ไฮว่ ฉันก็จะสนับสนุนพี่ไฮว่” กังจื่อลุกขึ้นพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ ทำให้เขาได้รับปฏิกิริยาตอบรับจากส่วนใหญ่ในห้อง กัวไฮว่ เรียนได้ไม่ถึงสองเดือน ยังวุ่นวายกับความสัมพันธ์มนุษย์ไม่พออีกหรือ
“พ่อหนุ่ม ไม่ได้มากินอาหารที่ร้านฉันนานเลยนะ” กัวไฮว่มาถึงร้านอาหารเป็นคนแรก เริ่นเสวียนเช่อพูดขึ้นยิ้มๆ
“ปู่หกถูกเรียกว่าผู้คำนวณชะตา ไม่ทราบว่าวันนี้ช่วยคำนวณให้ผมหน่อยได้ไหมครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“บอกแบบไม่กลัวขายหน้าพ่อหนุ่มเลยนะ ฉันยังคำนวณได้เลยว่าเธอจะมาวันนี้ ฉันทำอาหารไว้หมดแล้ว ต่อไปเธอจะมีโอกาสได้มากินข้าวที่ร้านฉันน้อยลงแล้วล่ะ” เริ่นเสวียนเช่อพูดยิ้มๆ
“ฮ่าๆ ปู่หกผู้คำนวณชะตา งั้นไม่ทราบว่าเส้นทางของผมนับจากนี้จะเป็นไงบ้างครับ” กัวไฮว่ถามยิ้มๆ
“อย่ากังวลหนทางไร้ผู้รู้ใจ ใต้หล้านี้มีผู้ใดมิจดจำ” เริ่นเสวียนเช่อพูดยิ้มๆ “ฉันได้ยินเรื่องของพ่อหนุ่มมาบ้างแล้ว แต่ว่าทุกครั้งที่ก้าวก่ายเรื่องของพ่อหนุ่ม ฉันอยากทำแต่กลับทำไม่ได้ ฉันเลยไม่พูดมั่วซั่วแล้วล่ะ ฮ่าๆ”
“ฮ่าๆ ปู่หก พวกเขายังไม่มากันเลย เรามาดื่มกันหน่อย” พูดเสร็จกัวไฮว่ก็จัดแจงแก้วสองใบไว้บนโต๊ะอย่างกับเล่นมายากล เขาเทเหล้าจนเต็ม เริ่นเสวียนเช่อเองก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจ ดื่มหมดในอึกเดียว
“สาวๆ มากันแล้ว ฉันจะไปดูในห้องครัวก่อนล่ะ จะได้เสิร์ฟอาหารให้พวกเธอ พอได้กินเหล้าของพ่อหนุ่มแล้ว เกรงว่าเดือนนี้กินอะไรไปคงไม่อร่อย” พูดเสร็จเริ่นเสวียนเช่อก็เดินเยื้องย่างเข้าไปในห้องครัว จากนั้นก็ได้ยินเสียงจานแตกดังขึ้น
“ปู่หกดื่มมากไป ตลกดี” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“คนก็มากันครบแล้ว วันนี้ฉันมีเรื่องจะมาบอกทุกคน ฉันจะลาออก ครั้งนี้ไม่ได้ถูกไล่ออกนะ ฮ่าๆ”