[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 84 รักษาอาการเป็นหมัน
“เสี่ยวฉ่วง เรื่องนี้ไม่ต้องให้ปู่แกเจรจาหน่อยเหรอ” หลิวชิงซงขมวดคิ้วพลางถามขึ้น
“ปู่บอกแล้วว่าเรื่องนี้ให้อำนาจผมรับผิดชอบทั้งหมด ลุงสี่วางใจเถอะ เกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวผมรับผิดชอบเอง” หลิวฉ่วงพูดยิ้มๆ
“ลุงนายนี่น่าจะอายุประมาณสี่สิบปี ทำไมถึงไม่มีลูกล่ะ” กัวไฮว่ส่งสายตามองไปยังหลิวชิงซงแล้วถามยิ้มๆ
“พี่ไฮว่ พี่มันเทพเกินไปแล้ว แค่นี้ก็มองออกเหรอ” หลิวฉ่วงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงดัง “พี่ไฮว่ จะว่าไปผมก็พอเดาเรื่องของพี่ได้นิดหน่อย พี่เป็นศิษย์ของสำนักสันโดษสักสำนักหนึ่งใช่ไหมล่ะ แล้วก็ไม่มีวิธีจะช่วยลุงสี่ผมด้วย”
“สำนักสันโดษ? ฮ่าๆ ไอ้น้อง แกจินตนาการได้กว้างไกลมากเลย ลุงสี่ของแกป่วย จะส่งผลถึงแกด้วย ฉันต้องไปช่วยเขาจัดการหน่อย พวกเราไปกันเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“อะไรนะ เสี่ยวฉ่วงแกพูดจริงเหรอ” เมื่อหลิวชิงซงได้ยินที่หลิวฉ่วงพูด ทั้งร่างกายก็พลันสั่นสะท้านขึ้นมา เขาแต่งงานกับภรรยามาสิบสามปีแล้วยังไม่มีลูกเลยสักคน เขาวิ่งแจ้นไปโรงพยาบาลทั่วประเทศมาแล้ว ทว่าภรรยาของเขาก็ยังไม่ตั้งครรภ์สักที ถึงขนาดที่ว่าไม่อาจทำเด็กหลอดแก้วได้ด้วย นี่เป็นหินก้อนใหญ่ที่หลิวชิงซงแบกเอาไว้ ถึงแม้กิจการจะเจริญรุ่งเรือง ความรักใครต่อภรรยาจะเพิ่มขึ้น ทว่าก็เหมือนขาดอะไรไปในชีวิต
“ไอ้น้องไฮว่ ฉัน หลิวชิงซงไม่กลัวจะขายหน้าเธอเลย ฉันกับเมียคิดวิธีที่พอจะเป็นไปได้มาหมดแล้ว ขอแค่เธอทำให้ฉันมีลูกได้ เธออยากได้อะไร เหล่าหลิวจะทำให้ ไม่เบี้ยวแน่นอน” หลิวชิงซงพูดด้วยเสียงดัง คนที่กำลังกินข้าวอยู่ทั้งร้านอาหารฝรั่งต่างก็จับจ้องมายังที่ตรงนี้
“ลุงสี่หลิว ลุงทำเอาพี่สองของผมกับน้องฉ่วงงงหมดแล้ว” กัวไฮว่พูดพลางทาบมือไว้บนข้อมือของหลิวชิงซง อันที่จริงไม่เห็นจะต้องวุ่นวายขนาดนี้ มองแค่ปราดเดียวเขาก็มองอาการป่วยของหลิวชิงซงออกแล้วว่าเขาพร่องอสุจิมาแต่กำเนิด เขามีวิธีรักษาอยู่ในใจนานแล้ว
“ไอ้น้องกัว ไม่สิ น้องไฮว่ ไม่สิ กัวไฮว่ เป็นไงบ้าง มีวิธีบ้างไหม” หลิวชิงซงถามขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ “ฉันต้องไปบ้านตระกูลเซวียนหยวนก่อน บุคคลชั้นสูงแห่งตระกูลเซวียนหยวนบอกฉันว่าฉันพร่องมาแต่กำเนิด ไม่อาจรักษาได้”
“ลุงไม่เป็นอะไรครับ แค่พร่องอสุจิมาตั้งแต่กำเนิด โรคนี้…” กัวไฮว่ส่ายศีรษะเบาๆ
“พี่ไฮว่ พี่ก็ไม่มีวิธีรักษาใช่ไหม” หลิวฉ่วงถามขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ
“ฉันลองดูก่อนได้ แต่ว่าไม่ชัวร์นะ” กัวไฮว่พูดเบาๆ
“มีความหวังก็ยังดี ไม่ทราบว่าหลานกัวไฮว่มั่นใจแค่ไหนเหรอ” หลิวชิงซงถามขึ้นเบาๆ คราวนี้เขาไม่ได้เรียกผิด
“น้อง เอากระดาษมาแผ่นนึง” กัวไฮว่พูดกับพนักงานเสิร์ฟที่ยืนอยู่ข้างๆ “พวกคุณหาวิธีหาของในกระดาษแผ่นนี้มาให้ครบ ถ้าหาไม่ครบ ผมก็มั่นใจแค่เก้าส่วน ถ้าหาครบ งั้นลุงสี่หลิวก็เตรียมอุ้มลูกได้เลย”
“เป็นพระคุณยิ่งนัก พวกเธอคุยกันไปก่อนนะ ลุงจะไปหาของ” หลิวชิงซงรู้สึกราวกับได้รับเส้นฟางแห่งชีวิต เขาวิ่งออกไปจากร้านอาหารอย่างรวดเร็วราวกับบินไป
“พี่ไฮว่ แน่ใจนะว่าจะรักษาอาการป่วยลุงได้น่ะ” หลิวฉ่วงถามขึ้นด้วยความกังวล
“นายกลัวว่ายิ่งคาดหวังยิ่งผิดหวัง กลัวว่าลุงสี่ของนายจะทนรับไม่ไหวอย่างนั้นเหรอ” กัวไฮว่ถามยิ้มๆ “วางใจเถอะ ขอแค่หาของครบ นายก็ให้ลุงสี่นายมาหาฉัน ไม่เพียงแค่จะให้ลุงสี่นายมีลูกนะ แต่จะให้พวกเขามีลูกแฝดหญิงชายด้วยล่ะ”
“เจ้าสี่ ถ้าแกมีฝีมือจริงๆ ถึงเวลาก็มารักษาให้ฉันบ้างสิ ฉันเองก็อยากมีสองคน” เจี่ยหยวนพูดขึ้นเบาๆ
“ฮ่าๆ พี่สอง ผมว่าคงจะไม่ได้เพราะพี่ถูกกำหนดให้มีลูกชายสามคน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “แถมยังเป็นสามคนในคราวเดียวกันด้วย พี่หยวนเชื่อผมไหม ฮ่าๆ”
“เจ้าสี่ แกนี่รู้จักล้อกันเล่นนะ ถ้ามีลูกชายสามคนจริงนะ แกขับรถฉันในโรงจอดรถฉันตามใจชอบเลย แม่มันเถอะ” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง ทว่าสามปีหลังจากนั้น ตอนที่เจี่ยหยวนให้รถในโรงจอดแก่กัวไฮว่นั้น เจี่ยหยวนก็ร้องไห้เจ็บปวดใจพลางอุ้มเปลี่ยนแพมเพิสให้ลูก
“เหอะๆ พี่ไฮว่ เมื่อกี้พี่พูดถึงเขตแดนเซียนเทียนเหรอ มีวิธีจริงเหรอ” หลิวฉ่วงถามขึ้นพลางถูมือ
“รอให้พี่เย่ากลับมาก่อนแล้วพวกนายค่อยฝึกด้วยกัน เขตแดนเซียนเทียนเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการบำเพ็ญเพียร ตอนนี้นายยังเด็กอยู่ แค่บำเพ็ญเพียรให้ดีก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“กัวไฮว่ ครูรู้นะว่าเธอกลับโรงเรียนมาแล้ว ทำไมไม่มาเข้าเรียน” ในขณะที่พวกเขากำลังคุยอยู่นั่นเอง โทรศัพท์ของกัวไฮว่ก็ดังขึ้นมา หลิวซวงที่อยู่ปลายสายพูดขึ้นเสียงดัง ตอนเช้าเธอเห็นกัวไฮว่กับเจี่ยหยวนอยู่ในโรงเรียน หลินซวงรู้จักเจี่ยหยวน นานมาแล้วตาอ้วนนี้เคยคิดนอกลู่นอกทางกับเธอ ทว่าจีบไม่สำเร็จ ตอนนี้กว่ากัวไฮว่ซึ่งเป็นนักเรียนของตนจะเข้าลู่เข้าทางได้ ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ด้วยกันกับเจี่ยหยวน ในใจของเธอเลยคิดจะแยกกัวไฮว่กับเจี่ยหยวนออกจากกัน
“ยายหนูเวยเวยไม่ได้บอกครูว่าวันนี้ผมลาเรียนเหรอครับ” กัวไฮว่ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นเบาๆ “คุณครูหลิน ครูคิดถึงผมใช่ไหมล่ะ วางใจเถอะครับ เดี๋ยวตอนบ่ายผมกลับโรงเรียนแน่นอน ถึงตอนนั้นผมจะรักษาอาการป่วยให้ครู” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็วางสายไปโดยไม่รอให้หลินซวงปริปากพูดอะไร
“ตาบ้า ไอ้ตาบ้า กล้าวางสายฉันเหรอ โมโหชะมัด” หลินซวงพูดเสียงดังอยู่ในห้องทำงาน
“เจ้าสี่ บอกตามตรงเลยนะว่าตอนนี้พี่อิจฉาแกมาก พี่เคยจีบครูหลินของพวกแกด้วย สุดท้าย…ช่างมันเถอะ หวังว่านายจะดีลเธอมาได้นะ ผู้หญิงแบบนี้เป็นของดีชัดๆ” เจี่ยหยวนพูดพลางส่ายศีรษะ
“พี่สอง ต่อไปเธอจะเป็นน้องสะใภ้ของพี่ ถ้าพี่กล้าเล่นหูเล่นตากับเธออีกล่ะก็ พี่ได้เป็นหมันแน่ ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ส่วนเรื่องทรัพย์สินตระกูลฉิน พี่สองช่วยผมจัดการก่อนเถอะ ยังไงซะผมก็ไม่ขาดเงิน ถึงตอนนั้นต้องการอะไรอีก ผมจะไปเอาจากพี่ ผมไปโรงเรียนก่อนล่ะ อยู่กับสี่ตัวอันตรายครูเขาไม่ค่อยจะวางใจ ไปล่ะ”
“ให้ตาย ตอนนั้นฉันถูกคนเรียกว่าสี่ตัวอันตรายก็เพราะตัวอสรพิษอย่างนายนั่นแหละ เจ้าสี่ แกรอดูเลย รอให้พี่เย่ากลับมาพวกเราจะคิดบัญชีแกอีกครั้ง” เจี่ยหยวนมองแผ่นหลังของกัวไฮว่ที่จากไปพร้อมทั้งพูดขึ้นด้วยเสียงดัง
“พี่หยวน ข้อมูลของตระกูลฉินอยู่นี่หมดแล้ว มีอะไรก็มาหาลุงสี่ผมได้เลยนะครับ ผมไปเข้าเรียนก่อนล่ะ” หลิวฉ่วงพูดยิ้มๆ
“แม่มันเถอะ เด็กอย่างแกก็คิดว่าอยู่กับฉันแล้วเสียหน้าเหรอ” เจี่ยหยวนก่นด่าเสียงดัง “เคลียร์เงินค่าข้าวแล้วค่อยไป ฉันไม่มีเงินติดตัวสักนิด”
ตอนเที่ยงกัวไฮ่วกินข้าวเป็นเพื่อนสาวๆ อยู่ที่ร้านอาหาร ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน กัวไฮว่สัมผัสได้อีกครั้งว่า ชีวิตบนแดนมนุษย์สบายเหลือเกิน สวรรค์ สรวงสวรรค์บ้าสิ จะให้กลับข้าก็ไม่กลับหรอก ทว่าความคิดแบบนี้เพิ่งจะปรากฏอยู่ในสมองของกัวไฮว่ จากนั้นเขาสัมผัสได้ถึงไปความเย็นเยือกระลอกหนึ่งพุ่งมาจากทางด้านหลังศีรษะของตนเอง ในใจก็พลันตระหนกขึ้นมา
“หลานกัวไฮว่ ของที่เธอต้องการ ฉะ…ฉันหามาครบแล้ว เธอดูสิว่าจะรักษาอาการเป็นหมันของฉันยังไง” โทรศัพท์ของกัวไฮว่ก็ดังขึ้นมา เขาเพิ่งจะรับโทรศัพท์ ก็ได้ยินเสียงลุงสี่หลิว หลิวชิงซงตะโดนเสียงดังมาจากอีกฝั่ง
“ฮ่าๆ พี่ไฮว่ เมื่อไหร่พี่จะเริ่มรักษาอาการเป็นหมันให้ล่ะ”