[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 81 คุยกันดึกดื่น
“คุณปู่ มาปลุกคนอื่นตอนฝันหวานได้ยังไงกัน” กัวไฮว่อยู่ในห้องได้ราวสิบกว่านาทีก็เดินเข้าไปในห้องหนังสือ เขาเห็นปู่ของตนชงชาดื่มเอง
“เสี่ยวไฮว่ นั่งสิ” นายท่านไฮว่มองกัวไฮว่แวบหนึ่งแล้วพูดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“จัดการอากุ่ยที่ร้านใต้หล้าอู่เฉิง ในคาบเรียนก็ทำครูโมโหจนออกไป ขายเหล้าราคาสูงที่สุดในงานประมูล เป็นเพื่อนต่างวัยกับปรมาจารย์อวี้เฟิง ได้ที่หนึ่งการคัดเลือกแข่งวิชาการ ดีลลูกสาวตระกูลซุนที่โรงแรม ได้เป็นผู้เข้าแข่งขันดีเด่นในงานแข่งขันวิชาการ ลูกสาวตระกูลมู่หรง ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนตระกูลถังและซู คุณหนูใหญ่ตระกูลโหยว เด็กอัจฉริยะตระกูลหนานกง แถมยังมีอวี้เอ๋อร์ที่ปู่หาเอกสารจากฝ่ายรักษาความปลอดภัยของประเทศแล้วแต่ก็ไม่พบอะไรใดๆ เสี่ยวไฮว่ แกเป็นหลานชายแสนเกเรของฉันจริงๆ หรือเปล่า” นายท่านกัวมองกัวไฮว่ด้วยสายตาที่ดูเหมือนกับเปลวไฟพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ
“คุณปู่ งั้นปู่หวังให้ผมเป็นหลานปู่หรือว่าไม่ใช่ล่ะ ปู่คิดว่าผมเป็นแบบในตอนนี้ดีหรือว่าแบบเมื่อก่อนดีล่ะครับ” กัวไฮว่นั่งลงข้างๆ นายท่าน เขาหยิบแก้วชาขึ้นมา ค่อยๆ จิบ แล้วถามขึ้นเบาๆ
“เด็กบ้าเมื่อก่อนนั่นคอยให้ฉันตามเช็ดก้น แต่เด็กบ้าในตอนนี้ทำให้ฉันกังวลใจ” นายท่านกัวค่อยๆ ลุกขึ้นมา เขาเหม่อมองไปยังภาพอักษรที่ปรมาจารย์อวี้เฟิงเขียนให้บนกำแพงแล้วพูดขึ้นเบาๆ
“เสี่ยวเทียนกับเสี่ยวเหมยจากไปเร็ว หัวใจของปู่กับย่าได้ตายไปแล้วล่ะ แต่พวกเราจะตายไม่ได้ เพราะพวกเรามีหลานชาย ลูกชายของเสี่ยวเทียนกับเสี่ยวเหมย” นายท่านพูดต่อ
“สี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง ตัวอสรพิษ อสรพิษแล้วยังไง เขาเป็นลูกชายของกัวเทียน เป็นหลานชายของฉัน กัวเจิ้งหยาง ฉันทุ่มเทเพื่อนประเทศชาติมามากมาย ขอแค่หลานชายฉันไม่ฆ่าคน ต่อให้มีเรื่องที่ใหญ่กว่านี้ฉันก็จะแบกเขาไว้ คนที่อยากจะหัวเราะตระกูลกัวของฉันก็ต้องหุบปากไปซะ” นายท่านพูดเสียงดัง
“ต่อให้หลานชายฉันฆ่าคน ฉันก็ต้องปกป้องชีวิตของเขา เพราะเขาคือหลานชายของฉัน กัวเจิ้งหยาง” นายท่านกัวตบเข้าที่โต๊ะพลางพูดขึ้น
“หลายปีมานี้ผมก่อเรื่องวุ่นวายไม่น้อย ผมรู้ดี แต่ว่าจากนี้ผมจะไม่ก่อเรื่องให้ปู่อีกแล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ก่อเรื่อง? ไม่ก่อเรื่อง อย่าว่าแต่เมืองเล็กๆ อย่างเมืองอู่เฉิงเลย ต่อให้ไปเยี่ยนจิง จะมีอะไรขวางตาแก่อย่างฉันได้อีก” กัวเจิ้งหยางพูดยิ้มๆ “เรื่องของเสี่ยวเทียนกับเสี่ยวเหมยฉันจะไม่ไปสืบค้นมากมาย จะไม่หาความจริงอีก ถ้าพวกเธอทำให้ตระกูลกัวของฉันสิ้นสุดลง งั้นฉันก็ต้องฆ่าทิ้งทั้งครอบครัว”
“คิดว่าปู่จะไม่รู้สาเหตุการตายของพ่อแม่ผมอีก เรื่องทุกอย่างไม่รอดสายตาปู่ไปได้จริงๆ” กัวไฮว่พูดเบาๆ
“ไม้เด่นเกินป่า จะถูกหักโค่น[1] เสี่ยวไฮว่ ผลงานแกในตอนนี้ทำปู่กลัว ถ้าแกเหมือนกับเมื่อก่อน ฉันก็จะตามเช็ดก้นแกต่อไป ทำไปจนกว่าแกจะปกป้องตัวเองได้ แต่ตอนนี้แกแสดงความสามารถออกมาให้ได้เห็น ปู่กลัวว่าคนพวกนั้นจะลงมือต่อ” กัวเจิ้งหยางพูดเบาๆ
“คุณปู่ ปู่รู้เรื่องของผมทะลุปรุโปร่ง ปู่ไม่อยากรู้จริงๆ เหรอว่าร่างผมในตอนนี้มาจากไหน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ความยิ่งใหญ่ของหัวซย่าคือความลับของหัวซย่า เรื่องบางเรื่องไม่ใช่ว่าปู่อยากรู้แล้วจะรู้ได้ แกไม่บอก ปู่ก็จะไม่ถาม” กัวเจิ้งหยางพูดยิ้มๆ “ปู่คิดว่าถึงปู่ถามแกก็คงไม่ตอบตามจริง ถึงตอนนั้นแกบอกปู่แล้วแกถูกเทพทหารจับตัวไป ความสามารถที่เรียนรู้มาทั้งชีวิตก็หมดสนุกน่ะสิ”
“อะแฮ่มๆ จินตนาการปู่ล้ำมากเลยนะ” เมื่อกัวไฮว่ได้ยินที่กัวเจิ้งหยางพูดก็กระแอมไอสองสามครั้ง ตาแก่หัวหงอกนี่ใช้ได้จริงๆ ข้าก็พูดไปงั้น แต่ก็เดารายละเอียดของตนได้เกือบครบถ้วน
“จากนี้ไปผมจะไม่ทำให้ปู่กังวลใจแล้ว ให้พวกที่ตามมาแอบปกป้องผมแยกย้ายกันไปได้แล้ว ถ้ามีคนอยากฆ่าผมจริงๆ คนพวกนั้นปกป้องผมไม่ได้หรอก” กัวไฮว่พูดเบาๆ “ผมมียาลูกกลอนอยู่สองเม็ด พรุ่งนี้เช้าปู่กับย่ากินหน่อยนะครับ ปู่กับย่าควรจะอยู่อย่างมีความสุข คอยดูแลหลานชายให้ดีก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดพลางนำกล่องหยกกล่องหนึ่งวางไว้บนโต๊ะ
“ฮ่าๆ หลานชายฉันโตแล้ว โตแล้วจริงๆ” กัวเจิ้งหยางพูดยิ้มๆ
“ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ผมกลับไปนอนก่อนนะครับ ปู่ครับ เรื่องอื่นที่ต้องสอดส่องก็สอดส่องไป แต่มาสอดส่องดูหลานชายกับหลานสะใภ้นอน ปู่ไม่กลัวจะเป็นตากุ้งยิงเหรอ ฮ่าๆ” กัวไฮ่วดื่มชาแก้วสุดท้ายเสร็จก็ยิ้มพลางดินออกจากห้องหนังสือไป
“เด็กบ้า” กัวเจิ้งหยางยิ้มพลางพูดด่า
“เหลยเฟิง หลายปีมานี้ขอบใจแกมากนะ แกให้ราชาทหารนั่นกลับมาเถอะ ไม่มีเรื่องอะไรกับเสี่ยวไฮว่แล้วล่ะ ใช่ ถ้ามีเรื่องอะไรฉันจะติดต่อแกอีกที” เมื่อกัวเจิ้งหยางดื่มชาในแก้วจนหมดก็ต่อสายโทรหาเหลยเฟิง ผู้บังคับบัญชาการทหารหัวซย่า เขาไม่ได้มีฐานะทางทหาร แต่เป็นยอดฝีมือหลังเขตแดนเซียนเทียน
“ในที่สุดก็เรียบร้อย ราชาทหารมีแปดคน แต่ละคนยังมีศักยภาพแกร่งกว่าพี่เย่าอีก นายท่านนี่ก็ทุ่มเทกายใจไปไม่น้อยเลยนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “วันนี้บำเพ็ญเพียรไม่ได้แล้วล่ะ แต่จะมาเสียคืนวันเพ็ญเปล่าๆไม่ได้ เพราะยังต้องรักษาอาการป่วยของหลิงหลิงอีก” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็เปิดประตูห้องซุนหลิงหลิงเบาๆ จากนั้นก็หายตัวไปในห้อง
“เด็กบ้า ดึกดื่นป่านนี้ไปห้องผู้หญิง ไม่ใช่เรื่องดีแน่” กัวไฮว่นึกไม่ถึงว่าย่าของตนจะยังไม่นอน ทั้งยังเห็นตัวเองเข้าไปในห้องของซุนหลิงหลิง “หรือว่าจะได้อุ้มเหลนจริงๆ เฮ้อ งั้นก็ดี ตระกูลกัวจะได้ไม่ขาดตอน ตายไปก็จะได้บอกเทียนเอ๋อร์ได้”
“ซุนหลิงหลิงจ๋า สามีมาแล้ว” กัวไฮว่เป่าไอเซียนเข้าไปในหูของซุนหลิงหลิง ทำให้ซุนหลิงหลิงตื่นขึ้นมา เมื่อเธอเห็นกัวไฮว่เปลือยท่อนบนนั่งอยู่หน้าเตียงของตนเอง ยังไม่ทันให้ตนเองมีปฏิกิริยาตอบกลับ ริมฝีปาดของเขาก็ทาบอยู่บนริมฝีปากของตนเองเสียแล้ว
“ตาบ้า ทำไมไม่ไปนอนดีๆ ออกไปเลย ถ้าคุณย่ารู้เข้าจะไม่ดีเอานะ” ซุนหลิงหลิงพูดด้วยความเขินอาย
“รู้ก็รู้ไปสิ นี่ฉันทำเพื่อรักษาเธอนะ นี่มันเรื่องจริงจัง” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็มุดเข้าไปในผ้าห่ม ไม่นานในห้องก็เกิดทัศนียภาพแห่งวสันตฤดู
“พี่อวี้เอ๋อร์ ด้านนอกนั่นเสียงอะไรเหรอ” เสี่ยวหลิงโม่ตื่นขึ้นมาจากการนั่งสมาธิแล้วถามขึ้นเบาๆ
อวี้เอ๋อร์หน้าแดงเถือกไปทั้งหน้าแล้วส่ายมือใหญ่ จากนั้นก็ทำให้ห้องกลายเป็นห้องเก็บเสียงเพื่อไม่ให้เสี่ยวหลิงโม่ได้ยินเสียงแบบนั้นอีก
“ยายหนู บำเพ็ญเพียรให้ดี อย่าให้ถูกรบกวนจากภายนอก” อวี้เอ๋อร์พูดเบาๆ แต่ในใจกลับก่นด่าอย่างหนัก “ตาม้าพ่อพันธุ์ ตาบ้า นายมันม้าพ่อพันธุ์ของจริง”
“หลิงหลิง พักผ่อนเยอะๆ นะ วันนี้รักษาถึงแค่นี้ก่อน ผมกลับไปนอนก่อนนะ” ประมาณสองชั่วโมงให้หลัง สีฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเล็กน้อย กัวไฮว่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย เขามองซุนหลิงหลิงหน้าแดงระเรื่อแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“ตาบ้า รังแกคนอื่นเสร็จแล้วก็ไป” ซุนหลิงหลิงเบ้ปากพูด
“ถ้างั้นเรามาอีกรอบไหมล่ะ ขืนออกไปกินข้าวเช้าพร้อมกัน เดี๋ยวพวกเขาก็จะหึงเอาน่ะสิ ถึงตอนนั้นวังหลังก็โกลาหล ฉันก็ซวยน่ะสิ” เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จ ก็มีไอเซียนสะพัดเข้าไปในร่างกายของซุนหลิงหลิงระลอกหนึ่ง จากนั้นเธอก็สลบไสลไป
[1] อุปมาว่าคนที่โดดเด่นเกินหน้าเกินตาสุดท้ายก็จะถูกผู้อื่นเล่นงาน