[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 80 พาคนสวยกลับบ้าน
“เด็กบ้า ไม่เห็นเหมือนพ่อแกสักนิดเลย เทียนเอ๋อร์ยังซื่อสัตย์กว่าแกเยอะเลย” นายหญิงพูดยิ้มๆ
“คุณย่า ผมพาหลานสะใภ้มาให้ย่าเยอะขนาดนี้ ย่าดีใจไหมครับ” กัวไฮว่มองนายหญิงแล้วพูดยิ้มๆ “ให้ผมไปกินข้าวก่อนเถอะ ผมเดินเข้าบ้านมาก็ได้กลิ่นหอมแล้ว”
“เด็กบ้า” นายหญิงกัวจูงมือกัวไฮว่ไปยังโต๊ะอาหาร
“ขอต้อนรับเด็กๆ ทุกคนมาเป็นแขกที่บ้านฉันนะ หวังว่าต่อไปพวกเธอจะมาที่นี่กันบ่อยๆ ให้คิดซะว่าเป็นบ้านของตัวเอง กินให้อิ่มล่ะ” นายท่านกัวพูดยิ้มๆ
“ตาแก่ คุณรีบกินอะไรแล้วก็ไปนอนเถอะ คุณออกจะดุ คุณดูสิคุณอยู่นี่แล้วเด็กๆ เขาเกร็งกันหมด” นายหญิงพูดยิ้มๆ
“แค่กๆๆ ใครว่ากัน ผมดุตรงไหน กินๆๆ ตาไฮว่ หลังจากที่แกหายป่วย ฉันยังไม่เคยดุแกเลยไม่ใช่เหรอ” นายท่านกัวพูดเสียงดัง
“คุณย่า ย่าดูสิย่าทำปู่ร้อนใจอีกแล้ว วันนี้กว่าครอบครัวจะมากินข้าวด้วยกันได้ เป้าหมายของเราในวันนี้ก็คือกินดื่มอิ่มหนำนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ปู่น่าจะเคยได้ยินเรื่องเหล้าของผมใช่ไหมครับ ผมงงนิดหน่อยที่ปู่รู้อยู่แล้วว่าผมมีเหล้าอยู่ แต่ก็ไม่ได้จะหิวเหล้า”
“เด็กบ้า ดูแกพูดเข้า ฉันได้ยินมาจากเหล่าฮั่วแล้วว่าแกมีเหล้าดี แล้วพวกเขาเอาแต่จะมาขอจากฉัน แกทำฉันลำบากแล้วล่ะ ในเมื่อฉันไม่เอาจากแก แกก็ไม่คิดจะส่งมาให้ฉันก่อนหน่อยเหรอ” นายท่านกัวเบิกตาพูดขึ้น
“คุณปู่คะ เรื่องนี้กัวไฮว่ทำไม่ถูก ตาบ้านี่” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ “หนูมีแก้วเหล้าดีๆ อยู่ชุดหนึ่ง วันนี้เรามาใช้ดื่มกันดีกว่าค่ะ ให้ตาบ้านี่” ระหว่างพูด อวี้เอ๋อร์ก็เอาแก้วคริสตัลใสแวววาวชุดหนึ่งออกมาราวกับเล่นมายากล แล้ววางเรียงรายอยู่เบื้องหน้าทุกคน
“ยายหนู แก้วเหล้าเธอชุดนี้นี่ไม่ธรรมดาเลยนะ” นายท่านกัวหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วพูดหยอกล้อขึ้น
“ถ้าคุณปู่ชอบ เดี่ยวพอเรากินข้าวเสร็จก็เก็บไว้ที่คุณปู่ดีไหมคะ ยังไงก็น่าจะได้มากินข้าวที่นี่บ่อยอยู่แล้ว” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ อันที่จริงแก้วเหล้าชุดนี้ไม่ใช่ของธรรมดา เธอเอามาจากห้องเก็บสมบัติของตระกูลโลซานตอนอยู่ที่อเมริกา
“เหอะๆ งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ” นายท่านกัวพูดยิ้มๆ
“ตาแก่ ยังไม่ทันจะมีงานพบปะหลานสะใภ้ คุณยังจะหน้าหนาเอาของจากหลานสะใภ้แล้ว แก่แล้วไม่รู้จักเกรงใจซะจริง” นายหญิงยิ้มพลางพูดดุ
“คุณย่า ดูย่าพูดเข้า ปู่หน้าเสียหมดแล้วเนี่ย คนครอบครัวเดียวกันไม่แบ่งของใครของมันหรอกค่ะ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ ส่วนกัวไฮว่ก็เติมเหล้าลงแก้วจนเต็ม
“คุณปู่ ชิมดูสิครับว่าเหล้านี่เป็นไงบ้าง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ไอ้พวกตาแก่นั่นบอกว่าเหล้าแกน่ะมีแค่บนสวรรค์ บนโลกมนุษย์ไม่มี ขอปู่ชิมหน่อย แกอย่าเอาเหล้าอื่นมาหลอกปู่นะ” พูดเสร็จ นายท่านกัวก็หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มหมดในอึกเดียว
“เด็กบ้า เหล้าแกนี่ไม่เป็นไรใช่ไหม ปู่แกเป็นอะไรไปแล้วล่ะ” นายหญิงกัวเห็นนายท่านกัวดื่มเหล้าหนึ่งแก้วหมดภายในอึกเดียวก็ยืนอึ้งๆ อยู่ที่ไกลๆ ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย จากนั้นก็ขอบตาก็เธอแดงก่ำ เธอร้องไห้ออกมาพร้อมกับถามขึ้นเบาๆ
“คุณย่า ไม่มีอะไรครับ เลิกมองได้แล้ว ไปกินข้าวกินเหล้ากันเถอะ” กัวไฮว่พูดพลางดื่มเหล้าที่อยู่ตรงหน้าหมดในอึกเดียว
เด็กสาวทุกคนรู้รสชาติของเหล้านี่ดี เลยไม่ได้รีบทานอาหาร แต่ดื่มเหล้าในแก้วของตัวเองจนหมดก่อน ด้วยกลัวว่ากัวไฮว่จะเทเหล้าให้ตัวเองขาดเหลือไป
ในขณะที่กัวไฮว่กับสาวๆ ดื่มแก้วที่สองหมดแล้ว นายท่านกัวก็คืนสติขึ้นมา
“ตาไฮว่ ปู่ใช่ปู่แกหรือเปล่า เป็นปู่แท้ๆ ของแกหรือเปล่า” นายท่านพูดขึ้นเสียงดัง “ทำไมฉันถึงได้มีหลานชายอกตัญญูแบบแกได้เนี่ย” นายท่านตบเข้าที่โต๊ะแล้วพูดตะโกนเสียงดัง
“ตาแก่ คุณพูดอะไรน่ะ ดื่มเหล้าแล้วเลอะเทอะเหรอ เสี่ยวไฮว่เอาเหล้าดีขนาดนี้ออกมาให้คุณดื่มแล้วนี่ คุณยังพูดมั่วซั่วอะไรอีก” ตอนนั้นเองนายหญิงกัวก็มีสติขึ้นมา จากนั้นก็พูดกับนายท่านกัวด้วยเสียงดัง
“คุณปู่ครับ ผมทำผิดตรงไหนเหรอ ปู่บอกมาเลย อย่ามาวิจารณ์ผมต่อหน้าเมียผมแบบนี้สิ” กัวไฮว่มองนายท่านแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“เด็กบ้า พ่อแกตายไว ปู่เห็นแกเติบโตมาตั้งแต่ยังเล็ก ถึงจะละเลยการอบรมแกมามาบ้าง แต่เรื่องเช็ดก้นแกนี่ปู่ก็เป็นคนแบกหน้าจัดการให้แกนะ” นายท่านกัวพูดเสียงดัง “ปู่ไม่มีความชอบอะไรหรอก แต่ปู่ชอบดื่มเหล้า แต่แกกลับเอาเหล้าไปขายในงานประมูล ไม่รู้จักให้ปู่ได้ลองชิมก่อนสักนิด แกว่าแกอกตัญญูไหมล่ะ”
“อะแฮ่มๆๆ ตกใจแทบแย่ ผมก็นึกว่าเรื่องใหญ่อะไร” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “คุณปู่ ปู่น่าจะรู้ดีนะว่าที่ฟู่จงให้กลับบ้านแค่เดือนละครั้ง ผมไม่มีเวลา ปู่ดูสิ นี่ตั้งเดือนกว่าถึงได้กลับบ้าน ผมพาเมียมาเยี่ยมปู่ด้วย ปู่ยังจะมาบอกว่าผมไม่กตัญญูอีก ผมล่ะเจ็บปวดใจจริงๆ”
“ไม่ต้องมานอกเรื่องเลยนะ เทเหล้า รีบเทเหล้าเร็ว” นายท่านกัวพูดเสียงดัง “ไอ้พวกตาแก่นั่นจะมาเอาเหล้าที่ฉัน ตอนนี้ดีแล้วล่ะที่หลานชายกลับมา ฉันอยากกินแค่ไหนก็ได้กินตามนั้น” เมื่อนายท่านพูดจบ ทุกคนต่างก็หัวเราะเฮฮาขึ้นมา
อาหารมื้อดึกเป็นไปอย่างมีความสุข เมื่อนายหญิงรับประทานได้ครึ่งหนึ่งก็ขอตัวออกไป คนมาเยอะมากมายขนาดนี้ เธอก็ต้องไปจัดการห้องหับให้เหล่าเมียๆ ของหลานชายตนเองเสียหน่อย ตอนนี้พวกเธอยังเด็กนักจะให้มานอนด้วยกันไม่ได้
“นายหญิงคะ นายน้อยเก่งขนาดนี้เลยเหรอ คนอื่นพาแฟนมาก็พามาแค่คนเดียว แต่นายน้อยพามาหนึ่งคันรถ แถมยังสวยๆ ทั้งนั้น” แม่บ้านตระกูลกัวพูดยิ้มๆ กับนายหญิง
“ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือเปล่านะ” นายหญิงพูดด้วยความภูมิอกภูมิใจ
นายท่านกัวดื่มเยอะเกินไป เขาดึงมือกัวไฮว่มาพร้อมทั้งพูดจาเลอะเทอะ สุดท้ายก็ถูกกัวไฮว่พยุงพาเข้าไปในห้อง เมื่อหัวถึงหมอนก็หลับผล็อยไป
“เด็กบ้า แกกลับไปนอนห้องตัวเองเถอะ อย่ามาคิดอะไรไม่ซื่อ ฉันรู้นะว่าเด็กวัยรุ่นสมัยนี้เขาเปิดกว้างกัน แต่ไม่งั้นกฎที่บรรพบุรุษเราตั้งขึ้นมาจะเละเทะเอา แกยังมองอะไรอยู่ รีบไปนอนสิ” นายหญิงกัวจ้องกัวไฮว่พร้อมกับพูดขึ้น เด็กสาวที่ฟังนายหญิงอยู่ต่างก็หน้าแดงระเรื่อขึ้นมา ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าหรือเพราะเขินอายกันแน่
นอน? ไม่ง่ายเลยกว่าจะรอจนถึงคืนเดือนเพ็ญ กัวไฮว่ อวี้เอ๋อร์และหนานกงหลิงโม่ต่างก็ไม่ได้นอนหลับ พวกเขานั่งขัดสมาธิอยู่ในห้อง เพื่อสูดรับพลังบริสุทธิ์จากแสงจันทร์
“เด็กบ้า ปู่รู้นะว่าแกไม่ได้นอนน่ะ ปู่รอแกอยู่ที่ห้องหนังสือนะ เรามาคุยกันหน่อยสิ” ในขณะที่กัวไฮว่นั่งสมาธิจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้น นายท่านมาเรียกตนดึกดื่นขนาดนี้ ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น