[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 79 ผ่านไปหลายปีค่อยรวบ
“ใคร ใครกัน?” ในขณะที่ซย่าโหวเทียนเป็นลมไปนั่นเอง ชายชราร่างกายหย่อนยานที่อยู่ที่สระแห่งฟ้าภูเขาฉางไป๋ซานก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา “ใครทำร้ายเสี่ยวเทียน ใครกัน”
แน่นอนว่ากัวไฮว่ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นที่สระแห่งฟ้า แต่จู่ๆ เขาก็พลันนึกถึงคำพูดของหลิวเทียนกังขึ้นมา เขาควรจะกลับไปเยี่ยมนายท่านที่บ้านตนเองได้แล้ว แม้เขาจะใช้ร่างของกัวไฮว่ ทว่าตอนนี้เขาก็คือกัวไฮว่ ทุกสิ่งย่อมเป็นไปตามกรรม เรื่องบางเรื่องเขาก็ควรต้องกระทำ
“เวยเวย เสี่ยวซี โยวโยว พวกเธอกลับโรงเรียนไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันจะกลับไปเยี่ยมที่บ้านสักหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ไม่ชวนพวกเราไปด้วยกันหน่อยเหรอ” มู่หรงเวยเวยพูดยิ้มๆ เมื่อการแข่งขันวิชาการสิ้นสุดลง เธอก็ได้ยอมรับกัวไฮว่ผู้อยู่ตรงหน้าผู้นี้แล้ว ไม่ว่าเมื่อก่อนคนอื่นจะว่าเขาเป็นตัวอสรพิษ สี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิงอย่างไร ตอนนี้เธอก็ไม่ได้สนแล้ว
“ไม่งั้นพวกเธอก็กลับไปกับฉันไหมล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เสี่ยวซีติดต่อเยี่ยจื่อหน่อย โยวโยวติดต่อพี่หลิงหลิงหน่อย กลับบ้านฉันไปด้วยกัน ฮ่าๆ”
ถังซียิ้มพลางพยักหน้า ส่วนโยวโยวก็ต่อสายโทรหาซุนหลิงหลิงเพื่อนัดสถานที่พบ
“เสี่ยวหลิงโม่ เธอจะไปบ้านฉันกับพวกเราไหม หรือจะกลับโรงเรียน” กัวไฮว่ถามยิ้มๆ
“พี่อวี้เอ๋อร์ยังอยู่ที่โรงเรียน ฉันกลับไปดูพี่อวี้เอ๋อร์ก่อนดีกว่า ถ้าพี่อวี้เอ๋อร์ไม่มีอะไรเดี๋ยวพวกเราจะไปหาพวกพี่ที่บ้าน มีแต่คนเก่งๆ แบบพี่อวี้เอ๋อร์กับพี่อยู่ ฉันว่าฉันออกไปเที่ยวเล่นคุณปู่คงไม่โกรธหรอก” หนานกงหลิงโม่พูดยิ้มๆ
กัวไฮว่ผงกศีรษะเบาๆ จากนั้นทุกคนก็เดินไปตามทางเดินของผู้เข้าแข่งขันเพื่อออกจากหอประชุมไป และในการแข่งขันวิชาการ ทำให้กัวไฮว่มีชื่อเสียงได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
“ต้องซื้อรถหน่อยแล้วล่ะ” กัวไฮว่มองสาวๆ ทั้งห้าคนที่ยืนออกันอยู่ข้างนอกก็ลอบคิดในใจ “โทรหาพี่สอง ให้เขาส่งรถมาให้ดีกว่า” กัวไฮว่ต่อสายโทรหาเจี่ยหยวน ไม่ถึงห้านาที รถออฟโรดขนาดใหญ่เจ็ดที่นั่งก็จอดอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา จากคำพูดของเจี่ยหยวน ถ้าแกเพิ่มให้อีกสักร้อยล้านรถคันนี้ก็จะเป็นของแกแล้วล่ะ
“เป็นพี่สองที่แสนดีจริงๆ รถมือสองแบบนี้ พี่ยังจะกล้าจะเอาร้อยล้านอีก” กัวไฮว่พูดเสียงดังกับโทรศัพท์
“เจ้าสี่ แกเป็นเศรษฐีพันร้อยล้าน เอาร้อยล้านจากแกนี่ไม่เยอะหรอก” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ “แกรู้เรื่องรถเยอะกว่าฉันอีก เดี๋ยวแกลองขับแล้วก็จะรู้เองว่ารถนี่คุ้มกับราคาร้อยล้านหรือเปล่า” พูดเสร็จ เจี่ยหยวนก็ตัดสายโทรศัพท์ไปโดยไม่ฟังว่ากัวไฮว่จะพูดว่าอะไร
“ตาบ้า รถนี่เป็นของนายแล้วเหรอ” ซุนหลิงหลิงนั่งบนรถ แล้วถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ถูกเจี่ยหยวนขุดหลุมหลอกไปร้อยล้านแล้วล่ะ หลิงหลิง รถนี่ไม่คุ้มกับร้อยล้านเหรอ” กัวไฮว่มองซุนหลิงหลิงที่มีอาการตื่นเต้นดีใจอยู่แวบหนึ่งก่อนจะถามยิ้มๆ
“ร้อยล้าน คุ้มสิ คุ้มมากเลย เจี่ยหยวนนี่สุดยอดเลย” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ “แค่รถเปล่าๆ คันนี้ก็ห้าสิบล้านแล้ว ทั้งยังบอกได้อีกว่านายรู้จักกับเจ้าของบริษัทบูกัตติอีกด้วย รถรุ่นนี้ทั้งโลกมีแค่เจ็ดคันแค่นั้นแหละ เจี่ยหยวนยังยอมยกให้นายได้”
“แหะๆ ไม่เพิ่มราคาก็ดีแล้ว เห็นว่าเงินร้อยล้าน แต่คนอื่นมีเมียแค่คนเดียว ฉันมีเมียตั้งหลายคน หารกันแล้วเหลือคนละไม่เท่าไหร่” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นเด็กสาวทั้งห้าก็หน้าแดงขึ้นมา
“ฉันเป็นคนขับพวกเธอน่าจะวางใจใช่ไหม” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เรียบร้อยแล้ว ให้นายท่านบ้านฉันได้ดูหน่อยว่าหลานชายตัวเองเก่งกว่าเขาในตอนนั้นมากขนาดไหน” ตาแก่กัวจามอยู่ที่บ้านไม่หยุด ส่วนสาวๆ ทั้งห้าที่อยู่บนรถก็หน้าถอดสี
“นี่คุณ เดี๋ยวอย่าออกไปเดินเล่นนะ เพราะที่บ้านจะมีแขกมา” หลังจากที่นายท่านกัวได้รับโทรศัพท์เขาก็จามไม่หยุดไม่หย่อน เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าหลานตนเองเป็นสี่ตัวอันตรายและสุดท้ายเกิดอุบัติเหตุรถชน แต่หลานเขาเพิ่งไปเรียนที่ฟู่จงได้แค่เดือนกว่าๆ พริบตาเดียวก็ได้ที่หนึ่งแข่งขันวิชาการมา เขาสืบข่าวมาอย่างดี และเพราะกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับกัวไฮว่เลยส่งคนของตัวเองไปปกป้องข้างกายกัวไฮว่ไว้ตลอด ตลอดหนึ่งเดือนมานี้ นายท่านจึงนอนหลับฝันดีหายห่วง
“พวกแก่ๆ มาที่บ้าน ฉันจะไปจอยทำไมล่ะ ฉันจะไปเดินเล่น พวกแกจะวุ่นวายแค่ไหนก็ตามใจ” นายหญิงกัวพูดยิ้มๆ
“งั้นคุณก็ออกไปเดินเล่นเถอะ เดี๋ยวเสี่ยวไฮว่จะพาแฟนมา เดี๋ยวผมจะให้ในครัวทำกับข้าวเอาไว้ ผมอยู่เป็นเพื่อนคุยกับหลานชายแล้วก็แฟนมันหน่อยดีกว่า” นายท่านกัวพูดยิ้มๆ
“ตาแก่ เรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมเพิ่งมาบอกล่ะ ฉันไปเปลี่ยนชุดก่อน” นายหญิงกัวเดินเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าปริ่มสุข
“ตาแก่ คุณว่าชุดฉันเป็นไงบ้าง” ไม่นานนัก นายหญิงกัวมองดูเด็กไปกว่าหลายปี “ไม่ได้ ฉันจะเปลี่ยนชุดตอนนี้ไม่ได้ ฉันต้องไปทำของอร่อยๆ ให้เสี่ยวไฮว่หน่อย นี่ก็เดือนกว่าแล้ว เด็กนี่ไม่รู้จักโทรหาที่บ้านบ้างเลย” พูดเสร็จ นายหญิงก็แล่นเข้าไปในห้องอีกครั้ง
เป็นเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง พวกกัวไฮว่หกคนก็ขับรถเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลกัว
“ถึงบ้านแล้ว ลงมาเถอะ” กัวไฮว่ยิ้มพลางเปิดประตูรถ เด็กสาวห้าคนก็เดินยิ้มๆ ลงจากรถ คฤหาสน์ตระกูลกัวขนาดไม่เล็กนัก นายหญิงจัดโต๊ะอาหารไว้นอกบ้าน เมื่อนายหญิงได้ยินเสียงรถก็เดินออกมาจากบ้านพร้อมกับนายท่าน
“เด็กบ้า นี่ก็เดือนกว่าแล้ว ไม่รู้จักโทรมาหาที่บ้านเลยเหรอ” นายหญิงพูดด่ายิ้มๆ “รีบเข้ามาสิ”
“คุณปู่ คุณย่า” กัวไฮว่พูดเสียงดัง “พวกเธออึ้งอะไรกันอยู่ ทักทายสิ”
“สวัสดีค่ะคุณปู่คุณย่า” สาวๆ ทั้งห้าพูดยิ้มๆ ขึ้นพร้อมกัน เสี่ยวซีมีท่าทางตื่นเต้น เยี่ยจื่ออาย โยวโยวดีใจ เวยเวยหน้าแดงเล็กน้อย ส่วนซุนหลิงหลิงท่าทีสุภาพเรียบร้อย
“คะ…คนไหนแฟนแกเหรอ” นายหญิงถามขึ้นเบาๆ
“อะแฮ่มๆ ทั้งหมด ทั้งหมดเลยครับ ยังมีอีกคนยังไม่มา แต่เดี๋ยวก็ถึงแล้วล่ะ” กัวไฮว่กระแอมไอสองครั้งแล้วพูดยิ้มๆ
“เด็กบ้า เดี๋ยวฉันจะจัดการแก เข้ามาก่อนสิ” นายหญิงพูดยิ้มๆ พลางดึงมือของซุนหลิงหลิงแล้วเดินเข้าบ้านไปพร้อมกับสาวๆ
“เด็กบ้า ใช้ได้นะเนี่ย เก่งกว่าพ่อแกอีก” นายท่านกัวพูดยิ้มๆ หลายปีมาแล้ว วันนี้เป็นวันที่นายท่านมีความสุขที่สุด
“พี่ไฮว่พี่อวี้เอ๋อร์ฟื้นแล้ว พี่ส่งที่อยู่มาให้พวกเราเดี๋ยวพวกเราตามไป” หนานกงหลิงโม่โทรศัพท์คุยกับกัวไฮว่
เป็นเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง หนานกงหลิงโม่กับอวี้เอ๋อร์ก็มาถึงที่บ้านของกัวไฮว่ หน้าตาของอวี้เอ๋อร์ทำเอานายหญิงกัวอึ้งไป เด็กสาวที่มาก่อนหน้านี้ก็ว่าทำเอานายหญิงอึ้งไปแล้ว งดงาม ใช่ งดงามจริงแท้แน่นอน หน้าตาของเด็กสาวทั้งห้าคนในเมืองอู่เฉิงแล้วเรียกได้ว่าเป็นหงส์ท่ามกลางหมู่คน ทว่ายายเด็กอวี้เอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ สวยจนทำเอาคนอดริษยาไม่ได้
“เด็กบ้า หกคนนี้เป็นแฟนแกฉันไม่ว่าอะไรเลยนะ แต่อย่าบอกนะว่ายายเด็กคนนี้ก็แฟนแกด้วยน่ะ” นายหญิงชี้ไปที่หนานกงหลิงโม่ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ
“ฮึ! ตอนนี้ไม่ใช่ แต่ถ้าผ่านไปหลายปีโตไปแล้วสวย ผมก็จะรวบด้วยเหมือนกัน”