[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 78 สิ้นสุดการแข่งขัน
“ขอแสดงความยินดีกับกัวไฮว่ด้วยนะคะ ตอบไม่ผิดเลย โรงเรียนฟู่จงเพิ่มอีก 700 คะแนนค่ะ” เมื่อหานเฟยเฟยเห็นกรรมการพยักหน้ากันเกรียวกราว จึงพูดขึ้นเสียงดัง ส่วนอีกทางรถพยาบาลได้มาถึงและหามซย่าโหวเทียนออกไปแล้ว
“จู่ๆ ซย่าโหวเทียนก็เป็นลมไปนะคะ เรามาปรบมือให้ซย่าโหวเทียนเพื่อเป็นการขอบคุณที่เขาทำให้งานแข่งขันวิชาการครั้งนี้สนุกกันเถอะค่ะ” หานเฟยเฟยพูดต่อ
“เมื่อก่อนเราพูดกันบ่อยนะครับว่า วิชาการไร้ที่หนึ่ง การต่อสู้ไร้ที่สอง แต่ว่าวันนี้ ได้มีที่หนึ่งการแข่งขันวิชาการเมืองอู่เฉิงแล้ว นั่นก็คือโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงนั่นเอง เรามาปรบมือแสดงความยินดีให้พวกเขากันดีกว่าครับ” เหอเถี่ยจุ่ยพูดด้วยเสียงดัง
“ขอเชิญผู้ว่าเมืองอู่เฉิง คุณจางต้าเหลยมามอบถ้วยรางวัลที่สองพร้อมทั้งเกียรติบัตรแก่นักเรียนจากสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนค่ะ” หานเฟยเฟยพูดยิ้มๆ
จางต้าเหลย ผู้ว่าเมืองอู่เฉิงเดินขึ้นเวทีไป จากนั้นก็มอบถ้วยรางวัลและเกียรติบัตรแก่ผู้เข้าแข่งขันที่เหลือทั้งหกคนจากสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนด้วยความยิ้มแย้ม
“ลำดับถัดไป ขอเสียงปรบมือต้อนรับปรมาจารย์อวี้เฟิงมามอบรางวัลแก่โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง ผู้ชนะการแข่งวิชาการในครั้งนี้ด้วยค่ะ” หานเฟยเฟยพูดเสียงดัง จากนั้นล่างเวทีก็มีเสียงปรบมือดังสนั่น
ปรมาจารย์อวี้เฟิงค่อยๆ เดินขึ้นเวทีมา เขายิ้มพลางมองไปยังเจ็ดคนที่อยู่บนเวที มู่หรงเวยเวยเป็นศิษย์ของเขา กัวไฮว่เป็นเพื่อนต่างวัยของเขา งานแข่งขันวิชาการครั้งนี้มีมูลค่าสูงนัก สู้กันหนึ่งต่อเจ็ด ก็ยังได้รับชัยชนะมาและชนะมาได้อย่างงดงามอีกด้วย “ฟู่จงได้แชมป์ คู่ควรแล้วล่ะ! ยินดีกับพวกเธอด้วย” ปรมาจารย์อวี้เฟิงมอบถ้วยรางวัลที่หนึ่งแก่กัวไฮว่ กัวไฮว่ยิ้มจากนั้นก็ส่งต่อให้มู่หรงเวยเวย
“ที่หนึ่งการแข่งวิชาการ กัวไฮว่พูดคำไหนคำนั้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับมู่หรงเวยเวย ซูเยี่ยเบ้ปาก ส่วนถังซีกับโยวโยวยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากด้วยความอิจฉาเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร มีแฟนหนุ่มที่พูดคำไหนคำนั้นแบบนี้ พวกเธอไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือจะเสียใจดี
“หลังการแข่งวิชาการเสร็จสิ้นก็ไปนั่งเล่นที่บ้านฉันสิ นี่ก็เดือนนึงแล้ว ฉันอยากเหล้าเธอเต็มทนแล้วนะ” ปรมาจารย์อวี้เฟิงมองกัวไฮว่แล้วพูดยิ้มๆ
“ได้ครับ จัดการเรื่องแข่งวิชาการเสร็จเมื่อไหร่ผมกับเวยเวยจะไปหาครับ แต่คราวนี้คนเยอะหน่อยนะ ท่านอาจารย์ก็รู้นี่ว่าผมมีแฟนเยอะน่ะ ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับปรมาจารย์อวี้เฟิง
“ได้ ก่อนมาบอกอู๋มาก่อนล่ะ เธอจะได้ทำกับข้าวไว้รอ” เมื่อปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดเสร็จก็ยิ้มพลางเดินลงจากเวที ทิ้งเวทีไว้ให้พวกกัวไฮว่ทั้งเจ็ดคน
“ลำดับถัดไปขอเชิญแขกรับเชิญพิเศษ นายพลหลิวเทียนกังมามอบของรางวัลแก่ผู้เข้าแข่งขันยอดเยี่ยมในการแข่งขันวิชาการครั้งนี้ด้วยครับ” เมื่อเหอเถี่ยจุ่ยพูดเสร็จ ทั้งหอประชุมก็คึกคักกันอีกครั้ง จากนั้นก็มีชายชราผมหงอกเดินขึ้นเวทีมาด้วยท่าทางน่าเกรงขาม
“นายผลหลิวจริงๆ ด้วย เขาไม่ได้อยู่ที่เมืองเยี่ยนจิงเหรอ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ขณะที่หลิวเทียนกังลุกขึ้นมาจากด้านล่างเวที ชายวัยกลางคนกลุ่มหนึ่งก็ลุกขึ้นมาทำความเคารพชายชราผู้นั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ให้ตาย นายท่านบ้านฉันมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ทำไมไม่บอกกันก่อนสักนิด” เมื่อหลิวฉ่วงได้ยินคำว่าหลิวเทียนกังก็แทบจะหล่นจากเก้าอี้ ในตระกูลหลิวเขาจะกลัวใครเสียอีกนอกจากนายท่านผู้นี้
“งานแข่งต่อสู้ครั้งก่อนนายพลหลิวไม่เห็นจะมาเลย แต่นายพลหลิวมางานแข่งวิชาการครั้งนี้ไว้หน้ากันดีจริง” หลี่สวินอวี้พูดยิ้มๆ
“เหล่าหลี่ ยินดีด้วยนะ แต่กัวไฮว่เองก็เคยอยู่ที่จิ่วจงพักหนึ่ง กัวไฮว่ได้รางวัลผู้เข้าแข่งขันยอดเยี่ยม โรงเรียนจิ่วจงของเราก็พลอยได้หน้าไปด้วย” เฉาสิงหลงพูดยิ้มๆ แพ้การแข่งขัน แพ้ก็แพ้ไปสิ ใครมันจะไปคิดว่าเจ้าเด็กสี่ตัวอันตราย อสรพิษนี่อยู่ที่ฟู่จงแล้วจะเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้
“ฮ่าๆ เหล่าเฉา แกคำนวณไว้ดีนี่ สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนแพ้ก็แพ้ไป ตอนนี้แกย้ายข้างแล้วสินะ” สวี่อู๋อี้พูดยิ้มๆ จากนั้นเฉาอวี้หลงก็หน้าแดงเถือกขึ้นมา
“ไอ้หนู ยินดีด้วยนะ” หลิวเทียนกังมอบรางวัลผู้เข้าแข่งขันยอดเยี่ยมแก่กัวไฮว่พร้อมกับพูดยิ้มๆ “ฉันเป็นตัวแทนของตระกูลหลิวมาขอบใจเธอ ขอบคุณที่เธอช่วยชีวิตหลิวฉ่วง หลานชายของฉันเอาไว้ ต่อไปเราก็มาสนิทสนมกันเถอะ มีเรื่องอะไรในเมืองอู่เฉิงก็สามารถมาหาฉันที่บ้านตระกูลหลิวได้เลย ฉันกับปู่เธอเคยพูดถึงเธอบ่อยๆ จะว่าไปเธอก็ควรกลับไปบ้านบ้าง นายท่านที่บ้านเธอคิดถึงหลานชายอย่างเธอแล้วล่ะ ฮ่าๆ”
“ขอบคุณครับนายพลหลิว” กัวไฮว่พูดพลางชูถ้วยรางวัลขึ้นด้วยความดีใจ ในหอประชุมก็มีเสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง
“ขอผมทำทุกคนเสียเวลาไม่กี่นาที” หลิวเทียนกังไม่ได้มีท่าทีจะลงไป เขาหยิบไมค์โครโฟนขึ้นมาพูดยิ้มๆ “งานแข่งวิชาการครั้งนี้สนุกมากเลย สนุกมาตั้งแต่ตอนโรงเรียนฟู่จงคัดเลือกผู้เข้าแข่งขันแล้วล่ะ ตอนแรกคนแก่อย่างผมเตรียมจะเข้าโลงแล้ว แต่ล่าสุดได้ยินคำพูดบ้าๆ ว่าตระกูลฉินจะไม่จ่ายค่าพนันในครั้งนี้ ผมไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่ผมเชื่อว่าถึงคนอื่นในตระกูลฉินไม่จ่ายแต่ก็น่าจะจ่ายค่าโลงศพให้ผมล่ะมั้งครับ”
คำพูดที่ดูเหมือนจะล้อเล่น ทว่าผู้นำตระกูลฉินกลับหน้าถอดสี สิ่งที่ตนวาดฝันไว้สลายกลายเป็นฟองสบู่ คำพูดของหลิวเทียนกังเหมือนจะพูดล้อเล่น แต่อันที่จริงจะบอกตนว่า กล้าพนันก็ต้องกล้าจ่าย ไม่งั้นเงินค่าโลงศพนี่จะเอาไว้ให้ตระกูลหลิวทำโลงศพ
“นายพลหลิววางใจเถอะครับ คนที่พนันทุกคนก็โปรดวางใจ เงินที่ตระกูลฉินพนันไว้จะจ่ายให้ครบหมดเลยครับ” ฉินป๋อเทียนลุกขึ้นมาพูดเสียงดังฟังชัด แม้ในใจจะขมขื่น แต่เขาก็อดที่จะลุกออกมาไม่ได้
“ฮ่าๆ ในเมื่อป๋อเทียนพูดแล้ว งั้นผมก็วางใจล่ะนะ” เมื่อหลิวเทียนกังพูดจบเขาก็ลงจากเวทีไป “ไอ้เด็กบ้า ไว้การแข่งขันสิ้นสุดแล้วกลับบ้านมาพบฉัน” เมื่อลงจากเวที หลิวเทียนกังก็เห็นหลิวฉ่วงไม่รู้จะไปซ่อนตัวที่ไหนก็พูดขึ้นเสียงดัง
หลิวฉ่วงพยักหน้าด้วยความเกรงกลัว นายท่านบ้านตนไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องด้วยได้
“ขอแสดงความยินดีกับกัวไฮว่ที่ได้รางวัลผู้เข้าแข่งขันยอดเยี่ยมในการแข่งขันครั้งนี้ด้วยค่ะ การแข่งขันในครั้งนี้ก็สิ้นสุดลงแล้ว ขอบคุณทุกคนมากจริงๆ” เหอเถี่ยจุ่ยกับหานเฟยเฟยโค้งให้กับผู้เข้าชม จากนั้นล่างเวทีก็มีเสียงปรบมือดังสนั่นอีกครั้ง
“สนุก สนุกจริงๆ กัวไฮว่ตอบคำถามสุดท้ายได้งดงามมากๆ ไม่แค่บอกชื่อมาตามลำดับนะ ยังบอกฉายาของพวกเขาได้อีก ไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเขาถึงทำอะไรแบบนี้ได้” ด้านล่างเวทีต่างวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา
“อย่ายิ้มสิ ดูเธอมีความสุขเข้า ไม่เห็นแฟนเธอเอาถ้วยรางวัลให้มู่หรงเวยเวยนั่นเหรอ” เสิ่นปี้โหรวพูดหยอกล้อซุนหลิงหลิงที่ยิ้มหน้าบาน
“ปี้โหรว เธอไม่เข้าใจหรอก” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ เธอไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย ให้มู่หรงเวยเวยแล้วอย่างไรล่ะ จะว่าไปฉันก็เป็นผู้หญิงคนแรกของเขา ซุนหลิงหลิงลอบคิดในใจ
“ตาพี่บ้า ครั้งนี้พี่ได้หน้าจริงๆ อย่าลืมเรื่องที่พี่รับปากฉันล่ะ” หนานกงหลิงโม่พูดเบาๆ อยู่ด้านข้าง “แถมยังมีเรื่องซย่าโหวเทียนนั่นอีก พี่เป็นคนทำใช่ไหม พี่ระวังเลยนะ ถ้ากลุ่มผู้มีพลังวิเศษรู้เข้า พี่ไม่รอดแน่”
“เสี่ยวหลิงโม่ ใครบอกเธอว่าที่ซย่าโหวเทียนเกิดเรื่องนั่นเป็นเพราะฉันกัน คงเป็นเพราะเขาไม่ได้ที่หนึ่งเลยเจ็บใจจนเป็นลมไปน่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เรื่องของเธอวางใจเถอะ ฉันพอจะรู้แล้วล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกับพลังวิเศษของเธอ”