[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 76 จิตลอบสังหาร
“เป็นไปไม่ได้” ซย่าโหวเทียนที่นั่งอยู่ก็ลุกพรวดขึ้นมาพูดเสียงดัง
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ก็แค่คำถามที่คิดต่อจากทฤษฎีของแฟร์มาเองไม่ใช่เหรอ” กัวไฮว่พูดพลางหยิบปากกามาเขียนคำตอบบนกระดานอย่างรวดเร็ว อันที่จริงเขาเคยอ่านทฤษฎีแฟร์มาในห้องสมุด แต่คำถามนี้ สำหรับเทพเซียนที่อยู่มาไม่รู้เป็นกี่พันปีแล้ว จะไปยากอะไร
“ที่พวกคุณรู้น่าจะเป็นคำตอบแบบนี้ แต่ผมยังสามารถคิดคำตอบแบบที่สองให้อีกได้ด้วย” กัวไฮว่หยิบกระดานแผ่นที่สองออกมา แล้วเขียนอีกครั้ง
“เหล่าหลู่ รบคุณช่วยขึ้นมาดูหน่อยว่าที่ผมเขียนถูกต้องหรือไม่” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับหลู่หย่งเซินที่สั่นสะท้านไปทั้งตัว
“อัจฉริยะ อัจฉริยะคณิตศาสตร์ พ่อหนุ่ม ไม่ต้องเรียนมอปลายแล้ว มาที่มหาวิทยาลัยอู่เฉิงเลยเถอะ ฉันจะรับเธอเป็นศิษย์คนสุดท้าย ไม่สิ ฉันจะใช้วันเวลาที่เหลืออยู่ไปกับการถกปัญหาคณิตศาสตร์กับเธอ” หลู่หย่งเซินพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
“เหล่าหลู่ ดูก่อนเถอะว่าถูกไหม” กัวไฮว่พูดเสร็จก็นั่งลงแล้วหลับตา
“คำตอบแบบที่สองเธอคิดได้ยังไงกัน บอกฉันมา ช่วยบอกฉันมาเถอะ” หลู่หย่งเซินเห็นคำตอบแบบที่สองก็พูดด้วยความตื่นเต้น
“รอให้การแข่งขันจบก่อน ผมจะไปพบเหล่าหลู่เองครับ ถ้าคำตอบไม่ผิด งั้นหลู่เหล่าช่วยประกาศหน่อยครับ” กัวไฮว่ปลอบประโลมหลู่หย่งเซินพร้อมกับพูดขึ้นยิ้มๆ
“คำตอบถูกต้อง พ่อหนุ่มกัวไฮว่ตอบถูกหมดเลย จากคำตอบแบบที่สองความรู้ด้านคณิตศาสตร์ของพ่อหนุ่มกัวไฮว่อยู่เหนือกว่าที่พวกเราคิดไว้เยอะนัก” หลู่หย่งเซินสงบสติอารมณ์แล้วหยิบไมค์โครโฟนขึ้นมาพูดเสียงดังฟังชัด
“ซย่าโหวเทียน ไม่ทราบว่าเธอมีอะไรจะแย้งไหม” หานเฟยเฟยมองซย่าโหวเทียนที่มีสีหน้าไม่สบอารมณ์ก่อนจะถามขึ้น
“ไม่มีอะไรจะแย้งครับ พวกเราแพ้รอบแรก” ซย่าโหวเทียนหรี่ตามองกัวไฮว่
“ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายได้คะแนนไปหนึ่งพันหกร้อยสามสิบคะแนน ลำดับถัดมากัวไฮว่ต้องตอบคำถามไวหนึ่งร้อยข้อ ขอให้ทุกคนปรบมือให้กำลังใจเขาหน่อยครับ” เหอเถี่ยจุ่ยพูดเสียงดังฟังชัด
“กัวไฮว่ได้โปรดฟังคำถาม” หานเฟยเฟยมองกัวไฮว่ผู้ทำเอาทุกคนตกตะลึงที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ก่อนจะพูดยิ้มๆ
ราวกับว่ากัวไฮว่และหานเฟยเฟยได้คุยเกี่ยวกับคำถามทั้งหมดกันไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อหานเฟยเฟยพูดจบ กัวไฮว่ก็พูดคำตอบออกมาทันที
“อาจารย์เถี่ยจุ่ย คุณจะมาเห็นคนตายแต่ไม่ช่วยไม่ได้หรอกมั้ง ฉันแทบจะหมดลมอยู่แล้ว” กัวไฮว่ตอบถูกไปติดกันห้าสิบข้อ หานเฟยเฟยถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพูดยิ้มๆ กับเถี่ยจุ่ย
“ฮ่าๆ ฉันเห็นว่าพวกเธอเข้ากันได้ดีเลยหาจังหวะขัดไม่ได้ ในเมื่อเธอเหนื่อยแล้ว งั้นห้าสิบข้อที่เหลือให้เป็นหน้าที่ฉันเถอะ หวังว่าระหว่างนี้กัวไฮว่จะตอบผิดสักข้อนะ ผมจะได้เลิกงานไวๆ” เหอเถี่ยจุ่ยพูดยิ้มๆ
ในเวลาไม่ถึงสิบนาที กัวไฮว่ก็ตอบคำถามห้าสิบข้อที่เหลือจนหมด ตอบถูกไปทั้งหมดสี่สิบเก้าข้อ ส่วนข้อสุดท้ายเขาตอบผิด
“กัวไฮว่เชิญบอกระยะห่างระหว่างดวงจันทร์กับโลกด้วยครับ” เหอเถี่ยจุ่ยกลั้นลมหายใจเฮือกสุดท้ายเพื่อพูดคำถามสุดท้าย
“วังแห่งจันทราอยู่คนละโลกกับโลกมนุษย์ จะมามีแนวคิดระยะห่างได้ยังไงกัน คำถามนี้มีปัญหานะ” กัวไฮว่พูดเสียงดังฟังชัด เขาได้ยินคำว่าดวงจันทร์เป็นจันทรา
“ฮ่าๆ ในหนึ่งร้อยคำถาม กัวไฮว่ตอบถูกไปเก้าสิบเก้าคำถาม ไม่คิดเลยว่ากัวไฮว่จะรู้เรื่องวรรณคดีด้วย” เหอเถี่ยจุ่ยพูดยิ้มๆ “การแข่งขันรอบแรกสิ้นสุดลงแล้ว โรงเรียนฟู่จงนำสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนไปเก้าสิบเก้าคะแนน ตอนนี้พักเป็นเวลาห้านาทีครับ”
“ตาพี่บ้า เหลือไว้อันนึงทำไม ฉันตอบไม่เห็นถูกสักข้อเลย” หนานกงหลิงโม่ยู่ปากพูด
“รอให้การแข่งขันจบก่อน ฉันจะช่วยให้พลังวิเศษควบคุมสิ่งของได้ของเธอเพิ่มเท่าตัวเลยเป็นไง เลิกคุยได้แล้ว รอบสองพยายามอย่ามีปัญหากับซย่าโหวเทียนนั่นนะ ไม่งั้นฉันช่วยเธอไม่ได้แน่” ช่วงความฝันงั้นเหรอ น่าสนใจนี่ อย่าบอกนะว่าซย่าโหวเทียนจะเป็นลูกหลานของมารฝัน
ห้านาทีผ่านไป ผู้คนทั้งบนและล่างเวทีต่างก็มีท่าทางที่ต่างกันออกไป หลี่สวินอวี้หน้าตาเอิบอิ่ม ส่วนผอ.เจ็ดโรงเรียนจากสมาพันธ์ต่างก็ไม่ยิ้มแย้มกันตั้งนานแล้ว จากศักยภาพที่กัวไฮว่แสดงออกมา ที่หนึ่งของการแข่งวิชาการครั้งนี้ นับได้ว่าเข้ากระเป๋าโรงเรียนฟู่จงไปแล้วเก้าส่วน
“ไม่ได้ จะยอมแพ้แบบนี้ไม่ได้ ฉันสัมผัสถึงพลังวิเศษของกัวไฮว่นั่นไม่ได้เลย ถึงเขาจะได้ยินเสียงพูด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นผู้มีพลังวิเศษ คงเป็นเพราะได้ดิบได้ดีด้านการต่อสู้ เดี๋ยวฉันจะพาเขาเข้าสู่โลกแห่งความฝัน ฉันอยากให้มันตาย” ซย่าโหวเทียนมองกัวไฮว่ที่พูดหยอกล้ออยู่กับมู่หรงเวยเวย ในใจก็เกิดจิตสังหารที่ไม่อาจจะข่มเอาไว้ได้
“หมดกัน ครั้งนี้ฟู่จงได้ที่หนึ่ง พันร้อยล้าน ต่อให้เอาทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลฉินมาขายก็ไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น” ฉินอวี้หลงเดินอย่างกับศพเดินได้ พร้อมกับลอบคิดขึ้นในใจ
“ฉินป๋อเทียน ถ้าจะตัดความสัมพันธ์พ่อลูกกับลูกชายตัวดีของคุณตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะ พวกคุณคอยภาวนาไม่ให้ฟู่จงได้ที่หนึ่งเลยนะ ถ้าพวกเขาได้ที่หนึ่ง เงินพนันทั้งหมดคุณต้องจ่ายไม่ให้ขาดสักแดงเดียว ไม่งั้นหลังจากนี้ เมืองอู่เฉิง หรือไม่ก็ทั้งหัวซย่า ก็จะไม่ยุ่งกับพวกคุณอีก” ตระกูลมู่หรงติดต่อให้ตระกูลหลิวไปที่บ้านตระกูลฉินด้วยกัน ถ้าตระกูลมู่หรงกดดันอยู่ฝ่ายเดียว จากอำนาจหลักอยู่ที่เมืองหลวง กับแค่ในเมืองอู่เฉิงตระกูลฉินอาจลอยนวลได้ แต่ถ้าตระกูลหลิวที่เป็นตัวแทนฝ่ายทหารเมืองอู่เฉิงมาออกหน้าด้วยกัน นั่นก็หมายความว่าพวกเขาต้องการจะจัดการตระกูลฉินให้สิ้นซาก
“ฉัน ฉินป๋อเทียนให้กำเนิดลูกชายตัวดี ไปแอบฆ่ากัวไฮว่นั่นก็แล้วไป ทำไมต้องไปหาเรื่องตระกูลหลิวด้วยเนี่ย” หลังจากที่ฉินป๋อเทียนรอให้คนจากตระกูลมู่หรงกับตระกูลหลิวจากไป ก็พูดขึ้นกับป้ายบรรพบุรุษอยู่คนเดียว เงินตั้งพันสี่ร้อยร้อยล้าน ในเมืองอู่เฉิงคงจะไม่มีตระกูลฉินอีกต่อไปแล้ว “เวลาครบห้านาทีแล้ว เรามาเริ่มการแข่งขันรอบสองกันได้เลยครับ รอบที่สองง่ายกว่ารอบแรกหน่อยนึง โรงเรียนฟู่จงกับสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนมีทั้งหมดเจ็ดคำถาม แต่ละข้อคะแนนไม่เหมือนกัน ระดับความยากก็ไม่เหมือนกัน แต่ละคนได้หนึ่งคำถาม ตอบกันเอง หรือจะให้อีกฝ่ายตอบก็ได้ ถ้าตอบถูกก็จะได้คะแนนไป แต่ถ้าตอบผิด ก็จะหักคะแนน” เหอเถี่ยจุ่ยพูดยิ้มๆ
“ถ้าให้อีกฝ่ายตอบ จะต้องหักคะแนนที่ได้มาแล้วของฝ่ายตนเองก่อน ถ้าอีกฝ่ายตอบถูก อีกฝ่ายจะได้คะแนนไป ถ้าอีกฝ่ายตอบไม่ถูก ก็จะหักคะแนนเป็นสองเท่า” หานเฟยเฟยพูดยิ้มๆ
“พี่เทียน คะแนนมีทั้งหมดประมาณร้อยถึงเจ็ดร้อยคะแนน คำถามพวกนี้ไม่ถือว่ายากไป พวกเราแพ้แน่” หลินเซี่ยวเซี่ยวพูดอย่างเศร้าใจ
“แพ้ แพ้อะไรกันล่ะ ฉัน ซย่าโหวเทียนไม่รู้จักคำว่าแพ้ พวกเธอทำข้อที่ตัวเองทำถูกไป อีกฝ่ายคงไม่ให้พวกเธอตอบคำถามแน่ เชื่อฉัน ฉันจะทำให้สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนเกมพลิกแน่” ซย่าโหวเทียนมองทั้งเจ็ดคนจากฟู่จงแล้วพูดขึ้นเบาๆ
“คำถามง่ายมากเลย พวกเราทำได้หมดแน่” เมื่อทางฝั่งโรงเรียนฟู่จงได้เห็นคำถามก็พูดยิ้มๆ
“ตอบคำถามของตัวเองไป จำไว้นะว่าอย่าไปขัดแย้งกับซย่าโหวเทียน” กัวไฮว่พูดกำชับถังซีและคนอื่นๆ