[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 74 สละสิทธิ์ติดกัน
“เฉียนตัวตัว ปีที่แล้วฉันอยู่ล่างเวทีเคยเห็นนายแล้ว ไม่คิดเลยนะว่าครั้งนี้เราจะได้มาเจอกันบนเวที” หลินเซี่ยวเซี่ยว คนที่หกจากสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน ลุกขึ้นมาพูดยิ้มๆ กับเฉียนตัวตัว
“ดาวโรงเรียนจิ่วจง สวยจริงๆ เลย ให้พี่ตัวตัวดูแลหน่อยไหมจ๊ะ” เฉียนตัวตัวพูดขึ้นอย่างหยาบกระด้าง
“งานใหญ่ๆ อย่างการแข่งขันวิชาการ หรือว่าพี่ตัวตัวจะอ่อนข้อให้” หลินเซี่ยเซี่ยวพูดเบาๆ
“ถ้าคนสวยตกลงกับพี่จะไปกินข้าวด้วยกันหลังแข่งเสร็จ รอบนี้ฉันจะสละสิทธิ์” เฉียนตัวตัวพูดยิ้มๆ
“พี่ตัวตัวไม่ได้ล้อกันเล่นหรอกใช่ไหม ถ้าพี่กล้าทำแบบนี้จริงๆ งั้นหลังแข่งเสร็จฉันจะไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่ตัวตัวมื้อนึง” หลินเซี่ยวเซี่ยวพูดยิ้มๆ
“คุณเถี่ยจุ่ย คุณหานคนสวย ผมขอสละสิทธิ์ เซี่ยวเซี่ยว หลังแข่งเสร็จอย่าลืมคำพูดของเธอล่ะ เดี๋ยวฉันจะจองร้านอาหารในเน็ตรอนะ ฮ่าๆ” เมื่อหลินเซี่ยวเซี่ยวพูดเสร็จ เฉียนตัวตัวก็พูดขึ้นเสียงดังอยู่บนเวที เมื่อพูดเสร็จเขาก็มองหลินเซี่ยวเซี่ยวที่มีท่าทางตกอกตกใจด้วยความยิ้มแย้ม
“เฉียนตัวตัว การแข่งวิชาการครั้งนี้ เธอแน่ใจใช่ไหมว่าจะสละสิทธิ์” หานเฟยเฟยได้ยินคำพูดของเฉียนตัวตัวก็พลันเบิกตาโพล่ง พร้อมกับถามขึ้นอย่างไม่อาจเชื่อได้ คนในหอประชุมทั้งสามหมื่นคน ต่างก็มองเฉียนตัวตัวราวกับมองสัตว์ประหลาดอย่างไรอย่างนั้น
“คุณหานคนสวย หรือว่าสละสิทธิ์ไม่ได้หรือไง” เฉียนตัวตัวถามขึ้นยิ้มๆ “ลูกผู้ชายอกสามศอก พูดคำไหนคำนั้น บอกว่าสละสิทธิ์ก็คือสละสิทธิ์”
“ไอ้เด็กบ้า คอยดูเถอะว่าถ้าฟู่จงแพ้ฉันจะจัดการกับเธอยังไง สละสิทธิ์ ดันมาสละสิทธิ์การแข่งวิชาการ” เมื่อหลี่สวินอวี้ที่อยู่ข้างล่างได้ยินเฉียนตัวตัวพูดว่าสละสิทธิ์ พ่นถึงกับพ่นน้ำลายที่เพิ่งกลืนไปเมื่อสักครู่ออกมาราดศีรษะเฉาสิงหลง แต่กลับแปลกที่เฉาสิงหลงไม่ได้โกรธ แถมทั้งใบหน้ายังเต็มไปด้วยความรู้สึกดีอกดีใจ
“เฉียนตัวตัวโรงเรียนฟู่จงสละสิทธิ์ ช่วยส่งผู้เข้าแข่งขันมาคนหนึ่งด้วยครับ” เหอเถี่ยจุ่ยพูดยิ้มๆ เสียงดังฟังชัด “ตัวตัว เธอนี่มันสุดยอดไปเลยนะ ไม่ทราบว่าสนใจด้านพิธีกรไหม ถ้าสนใจหลังแข่งเสร็จมาหาฉันได้นะ ฮ่าๆ”
“มู่หรงเวยเวย มู่หรงเวยเวย มู่หรงเวยเวย” มู่หรงเวยเวยเพิ่งจะลุกขึ้นมา ด้านล่างเวทีก็ส่งเสียงจะโกนดังราวเสียงฟ้าผ่า ที่หนึ่งการแข่งต่อสู้ สาวหวานเมืองอู่เฉิง มู่หรงเวยเวย
“เวยเวย เอาชนะหลินเซี่ยวเซี่ยว ให้เธอสละสิทธิ์ให้ได้” การแข่งขันยังไม่ทันจะเริ่ม เสียงของกัวไฮว่ก็ดังขึ้นข้างหูของมู่หรงเวยเวย เธอชะงักไปแล้วก็มองกัวไฮว่แวบหนึ่ง กัวไฮว่ก็ผงกศีรษะเบาๆ
“เซี่ยวเซี่ยวห้าบุปผาแปดสำนักหมายถึงอะไร เชิญตอบด้วย” ผ่านไปประมาณสี่สิบกว่าข้อ มู่หรงเวยเวยก็เอ่ยถามยิ้มๆ
“เวยเวยช่วยตอบด้วย ข้อนี้ฉันตอบไม่ได้” หลินเซี่ยวเซี่ยวพูดเบาๆ คำถามออกจะยากไป เธอเองรู้คำตอบแค่นิดหน่อย แต่ไม่อาจตอบให้ถูกหมดได้
“ห้าบุปผาหมายถึงดอกเก๊กฮวยเหลือง สาวขายดอกไม้ ดอกฝ้าย ขุนนางที่รักษาโรคให้ผู้คนอยู่ตามถนน ดอกดารารัตน์ นางรำในหอสุรา ดอกหั่วล่า นักเล่นกล ดอกถูหนิว พวกแบกหาม ส่วนแปดประตูหมายถึง ปู้ นักดูดวง ผี คนขายสมุนไพร ไฉ่ พวกนักมายากล กว้า จิตรกรในยุทธภพ ผิง นักให้ความรู้ ถวน นักแสดงตามท้องถนน ต้ง นักเย็บปักถักร้อย เหลียว พวกนักร้องบนเวที”
“ดูเหมือนว่ารอบแรกสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนจะต้องแพ้แล้วนะคะ ฝั่งโรงเรียนฟู่จงมีอีกสองคนที่ยังไม่ได้แข่ง ทางฝั่งสมาพันธ์เหลือแค่สุดหล่อคนนั้นแล้วล่ะ” ในขณะที่หานเฟยเฟยประกาศให้หลินเซี่ยวเซี่ยวออกจากการแข่งขัน ด้านล่างเวทีก็พลันวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา
“นั่นก็ไม่แน่นะ รอบแรกใช้ระบบ koF สุดหล่อนั่นอาจจะแข่งหนึ่งต่อสามได้ก็ได้” เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นเบาๆ
“ใช่แล้ว ซย่าโหวเทียนนั่นอยู่หลังสุด น่าจะมีของแน่ๆ” ฝูงชนวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา
“อย่าลืมกัวไฮว่โรงเรียนฟู่จงนั่นล่ะ เขาเองก็เป็นปีศาจ แถมยังมียายเด็กหนานกงหลิงโม่นั่นอีก แกร่งมากแน่นอน มู่หรงเวยเวยที่อยู่ตรงหน้านี่ก็อย่าไปดูถูกเชียว” ชายวัยกลางคนหนึ่งพูดยิ้มๆ
“สนุกจริงๆ การแข่งวิชาการครั้งนี้น่าจะเป็นประวัติการณ์แล้วล่ะ” คนในฝูงชนพูดขึ้นมา
“พี่เฟยเฟยคะ หนูขอสละสิทธิ์” ในขณะซย่าโหวเทียนลุกขึ้นมานั่นเอง มู่หรงเวยเวยก็หยิบไมค์ขึ้นมาพูดยิ้มๆ
“อะไรนะ มู่หรงเวยเวยพูดอะไรนะ เธอจะสละสิทธิ์ ฉันหูแว่วไปหรือเปล่า ตบฉันที” นักเรียนโรงเรียนฟู่จงรายหนึ่งพูดเสียงดัง
“เพียะ!” เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ตบเข้าที่หน้าของเขาฉาดหนึ่ง “จะให้ตบอีกทีไหม”
“ตบอีกกับผีสิ มู่หรงเวยเวยนั่งลงแล้ว” นักเรียนคนนั้นกุมเข้าที่หน้าแล้วพูดขึ้นเสียงดัง
หลี่สวินอวี้เองก็นั่งไม่ติดเก้าอี้แล้ว เขาลุกขึ้นมา ถลึงตามองนักเรียนฟู่จงที่อยู่บนเวที ถ้าเด็กบ้าเฉียนตัวตัวจะสละสิทธิ์เพื่อจีบสาวหลี่สวินอวี้เองก็เชื่อ แต่มู่หรงเวยเวยสละสิทธิ์แบบนี้หมายความว่าไง หลี่สวินอวี้ถึงกับอึ้งไป
“เหล่าหลี่ นักเรียนแกนี่มั่นใจในตัวเองมากเลยนะ” เฉาสิงหลงอดไม่ได้จะหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง จากศักยภาพของซย่าโหวเทียนแล้ว เขามีศักยภาพเก่งพอที่จะแข่งหนึ่งต่อสองได้
“ฮ่าๆ เหล่าเฉา นี่มันสไตล์ของเหล่าหลี่เขา แกอย่าไปหัวเราะสิ ฮ่าๆ” สวี่อู๋อี้พูดพลางหัวเราะดังลั่น
“หนูขอสละสิทธิ์” หนานกงหลิงโม่ไม่อ้อมค้อมยิ่งกว่า ยังไม่ทันจะตอบคำถามสักข้อเดียว ก็เลือกที่จะสละสิทธิ์ จากนั้นก็เดินตรงไปยังเก้าอี้นั่ง
ทั้งหอประชุมพลันลุกเป็นไฟ มู่หรงเวยเวยชนะไปคนหนึ่งจึงเลือกจะสละสิทธิ์ แต่ทำไมหนานกงหลิงโม่ต้องสละสิทธิ์ด้วย ทุกคนต่างอึ้งตะลึง หลี่สวินอวี้นั่งลงบนเก้าอี้ ในใจเขาไม่วางใจกัวไฮว่เล็กน้อย หลังจากที่มู่หรงเวยเวยสละสิทธิ์ เขาก็ไม่ได้จะกดดันอะไรมากมาย แต่หนานกงหลิงโม่ดันมาสละสิทธิ์ด้วย ครั้งนี้ในใจหลี่สวินอวี้ก็กลับกลัวขึ้นแล้ว
“ฮ่าๆ ฉันรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น อยากจะให้โอกาสกัวไฮว่ลงแข่งสินะ ถ้าให้เวยเวยจัดการสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน ผอ.หลี่คงกลัวว่าผอ.โรงเรียนอื่นๆ จะขายหน้าเอาน่ะสิ” นักเรียนมอห้าโรงเรียนฟู่จงคนหนึ่งพูดยิ้มๆ
“แล้วถ้ากัวไฮว่แพ้ล่ะจะทำยังไง ถ้ากัวไฮว่แพ้แล้วซย่าโหวเทียนนั่นตอบถูกหนึ่งร้อยคำถาม งั้นก็จะมีคะแนนนำร้อยคะแนน ถึงตอนนั้นโรงเรียนฟู่จงก็ตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะ” นักเรียนที่เป็นนักเรียนฟู่จงเหมือนกันคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยความตระหนก
“น้องเหนี่ยนจิง พี่ไฮว่จะแพ้ได้ไงล่ะ บุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่สามารถคบกับดาวโรงเรียนเราหลายคนในเวลาเดียวกันได้เนี่ย ไม่มีทางแพ้หรอก ฮ่าๆ” นักเรียนคนเมื่อสักครู่พูดยิ้มๆ
“ตาพี่บ้า พี่ต้องชนะนะ ถ้าพี่แพ้ ผอ.หลี่ด่าพวกเราตายแน่” หนานกงหลิงโม่พูดกับกัวไฮว่เบาๆ “แต่พี่ให้ฉันสละสิทธิ์ ฉันเชื่อใจพี่ขนาดนี้ พี่คงไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม”
“คนสวย ผม…” กัวไฮ่ลุกขึ้นมา ทั้งสามคำที่เขาพูดเมื่อสักครู่ ถูกคนคนหนึ่งพูดแทรกขึ้น
“เด็กบ้า ถ้าแกกล้าสละสิทธิ์นะ แกคอยดูได้เลย” หลี่สวินอวี้ตะคอกเสียงดังลั่น ทั้งหอประชุมถึงกับเงียบเชียบขึ้นอีกครั้ง
“นายท่าน ผมจะพูดแค่ว่าขอกินน้ำแก้วหนึ่งก่อนเริ่มได้ไหมไม่ได้เหรอ” กัวไฮว่มองไปยังหลี่สวินอวี้ที่โมโหหัวฟัดแล้วตอบกลับเสียงดัง ไม่นานทั้งหอประชุมก็มีเสียงหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง