[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 70 ดีใจที่ได้ฆ่าคน
“อวี้เอ๋อร์ เธอว่าไงนะ” ตอนแรกมู่หรงเวยเวยคิดจะดึงกัวไฮว่เอาไว้แต่สุดท้ายก็ดึงไม่ได้ จึงได้แต่ฟังอวี้เอ๋อร์พูดพึมพำอะไรบางอย่าง
“ไม่มีอะไร ตาบ้านั่นเรียกชื่อเธออยู่บนเวทีน่ะ รนหาที่ตายจริงๆ ให้หมอนั่นไปจัดการเขาเถอะ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ
“เวยเวย อวี้เอ๋อร์ พวกเธอก็อยู่ด้วยเหรอ เมื่อกี้มีคนบอกว่าพี่ไฮว่จะสู้กับเขา จริงหรือเปล่าเนี่ย พี่ไฮว่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ในขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นั่นเอง ถังซีกับซูเยี่ยก็วิ่งมาพร้อมกับมีเหงื่อท่วมตัว
“กัวไฮว่ ถ้าเป็นลูกผู้ชายก็ลงสัญญาเป็นตายซะ จะเป็นตายบนเวทีก็ไม่เป็นไร” สวี่หู่พูดขึ้นด้วยเสียงดัง
“ฉันไม่อยากฆ่าคนนะ” กัวไฮว่เริ่มมีจิตสังหาร ทว่าเขาก็พยายามระงับมันลง ถึงแม้ตัวเขาเองจะไม่รู้ว่าตัวเองจะรักษาเวลาบนแดนมนุษย์ได้นานแค่ไหน เขาสะสมกุศลในตอนนี้จะเป็นผลหรือไม่ ทว่าเขายังเลือกที่จะอยากสั่งสอนเขาแทนที่จะเข่นฆ่าเขา
“ไอ้ขยะ ไอ้ป๊อด” สวี่หู่พูดเสียงดัง
“ฉันรู้ว่าใครเป็นคนส่งแกมา อย่ามัวชักช้าเลย พวกแกแปดคนลุยมาด้วยกันเถอะ” กัวไฮว่มองสวี่หู่พลางพูดขึ้นยิ้มๆ
“พวกแกได้ยินแล้วยัง นายน้อยสี่กัว สี่ตัวอันตรายให้พวกเราลุยด้วยกัน งั้นพวกเราก็ลุยด้วยกันเถอะ จำไว้นะ ในเมื่อลงสัญญาเป็นตายไว้แล้ว ก็ให้นายน้อยสี่กัวได้หายใจหายคอหน่อย” สวี่หู่พูดพลางหัวเราะเสียงดัง
ครั้งนี้กัวไฮว่ไม่ได้ไปมองไปยังสวี่หู่ แต่เขาเคลื่อนสายตาไปจับจ้องที่มุมลับมุมหนึ่งในแผนกต่อสู้ รอยยิ้มเย็นเยียบปรากฏขึ้น ฉินอวี้หลง ฉันจะไม่ฆ่าแก แต่เงินพันร้อยล้านนั่น ฉันต้องได้
จู่ๆ ฉินอวี้หลงที่อยู่ในมุมมืดก็รู้สึกได้ถึงเหงื่อท่วมร่างกาย เขากดหมวกให้ต่ำลงโดยไม่รู้ตัว ไม่สนว่าโรงเรียนฟู่จงจะได้ที่เท่าไหร่ขอแค่ซัดกัวไฮว่ให้ล้มได้เท่านั้น อย่างไรเขาจะเป็นคนที่นำฟู่จงคว้าแชมป์ไม่ได้เด็ดขาด การพนันจะต้องเป็นโมฆะ
“พี่ๆ ยังเหม่ออะไรอยู่ ลุยด้วยกัน” สวี่หู่ตะโกนเสียงดังลั่น แล้วพุ่งตรงไปยังทางกัวไฮว่
“พลังกรงเล็บอินทรี ในเมื่อเป็นผู้บำเพ็ญเพียร ทำไมต้องมาเกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์ด้วยเนี่ย” กัวไฮว่ส่ายศีรษะ ในตอนที่มือของสวี่หู่จับกัวไฮว่เอาไว้ได้ เพียงแค่กัวไฮว่หันข้าง มือทั้งสองก็ประสานเข้ากับนิ้วมือของสวี่หู่ได้ด้วยความไวราวสายฟ้าแลบ
เสียง “เปรี๊ยะ!” ดังขึ้น ในเวลาเดียวกันกับที่สามนิ้วบนมือด้านขวาของสวี่หู่ถูกหักออก ความเจ็บปวดราวฉีกใจแล่นขึ้นมาจากนิ้วมือ
“อ๊าก! มือฉัน” สวี่หู่ตะโกนเสียงดังลั่น “ขึ้นมา ฆ่ามัน พวกแกต้องฆ่ามัน หากมีอะไรสำนักเหยี่ยวดำจะรับผิดชอบเอง”
เจ็ดคนที่เหลือไม่ทันเห็นว่ากัวไฮว่ลงมือยังไง ทั้งเจ็ดคนมาจากคนละสำนัก แต่เพียงชั่วขณะเดียว ทั้งเจ็ดคนก็ล้มกองกับพื้น แต่ละคนเอามือกุมเอวหรือไม่ก็คอของตัวเองเอาไว้ ไม่อาจขยับเขยื้อนได้
“กัวไฮว่ ฉันอยากให้แกตาย” สวี่หู่เบิกตาโพล่ง เขาไม่คิดเลยว่ากัวไฮว่จะเก่งขนาดนี้ ถึงตอนนี้เขาก็ทนไม่ไหวแล้ว และไม่รู้ว่าในมือของเขามีปืนตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาเตรียมจะยิงไปยังศีรษะของกัวไฮว่
“อ๊ะ! รีบหนีเร็ว เขามีปืน” คนคนหนึ่งในฝูงชนตะโกนเสียงดัง ไม่นานทั่วทั้งแผนกต่อสู้ก็วุ่นวายโกลาหล
“พี่ไฮว่ระวัง!” เด็กสาวสองสามคนที่อยู่ไม่ไกลยังไม่ทันพูดจบ ปืนสั้นของสวี่หู่ก็ลั่นเสียงเสียแล้ว
“ปัง ปัง ปัง!” เสียงปืนดังติดกันสามครั้ง ในระยะที่ใกล้เช่นนี้ ถังซีและซุนหลิงหลิงวิ่งไปยังเวทีมวยอย่างบ้าคลั่ง ซูเยี่ยตะลึงอึ้งไปแล้ว ส่วนมู่หรงเวยเวยทรุดไปกองกับพื้น
“ในเมื่อแกมีจิตสังหาร งั้นแกก็ตายซะเถอะ” ลูกกระสุนลอยออกมาจากมือกัวไฮว่ ทะลุผ่านศีรษะสวี่หู่ เสียชีวิตคาที่
“พี่ไฮว่ พี่ไฮว่ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม” ถังซีร้องตะโกนเสียงดัง ทั้งหน้าเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา
“หลิงหลิง ดูแลพวกเขาให้ดี ฉันไม่เป็นไร” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร
“คุณพ่อตา เกิดเรื่องที่โรงเรียนครับ ตายไปหลายคนเลย เป็นคนของสำนักเหยี่ยวดำหมด คุณหาวิธีจัดการหน่อยเถอะ เดี๋ยวผมพาเวยเวยออกไปก่อน” เมื่อกัวไฮว่พูดจบ ก็พาสาวๆ ออกไปจากแผนกต่อสู้
“สวี่หู่ตายไปแล้ว กัวไฮว่ฆ่าเขา” ฉินอวี้หลงที่อยู่ที่ไกลๆ พูดพึมพำขึ้น “กัวไฮว่ฆ่าคน เขาเป็นฆาตกร เขาอาจถูกลงโทษ เขาไม่อาจเข้าร่วมการแข่งขันวิชาการได้แล้ว”
“ไอ้บ้า รู้จักคำว่าป้องกันตัวหรือเปล่า ถึงแม้คนอื่นไม่ปริปากแต่ฉันก็จะไปเป็นพยานให้พี่ไฮว่ได้ ว่านี่เป็นการป้องกันตัว” ไม่รู้ว่าหลิวฉ่วงปรากฏตัวอยู่ข้างหลังฉินอวี้หลงตั้งแต่เมื่อไหร่ “ฉินอวี้หลง เรื่องของเรายังไม่จบ ค่อยๆ ว่ากันนะ” พูดเสร็จ หลิวฉ่วงก็เดินออกออกจากแผนกต่อสู้ไป
“อะไรนะ ปู่บอกว่ากัวไฮว่ใช้มือรับกระสุนเหรอ” เมื่อหลิวฉ่วงออกจากแผนกต่อสู้มาแล้วก็ต่อสายโทรหาสายทหาร แล้วพูดขึ้นเบาๆ กับไมค์ “ถ้าพี่เย่าเป็นราชาทหาร งั้นก็เกรงว่าเขาจะเป็นยอดฝีมือแดนเซียนเทียนแล้วล่ะ สู้ตัวคนเดียว ต่อให้มีผมสิบคนก็สู้กับเขาไม่ไหว ถ้าเป็นสงครามจริงผมไม่มีทางต้านเขาได้เลย”
“กัวไฮว่นี่เป็นคนในผู้มีพลังวิเศษหรือเปล่า” ปลายสายถามขึ้น
“ไม่ทราบครับ คุณอยากรู้ก็ไปหาเองสิ” พูดเสร็จ หลิวฉ่วงก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูด ตัดสายโทรศัพท์ไป
“เด็กบ้า กล้าตัดสายปู่ ไม่รู้ว่าลูกชายบ้าฉันมันสั่งสอนลูกชายยังไง” ชายชรานายทหารชั้นกลางที่อยู่ปลายสายด่าขึ้น
“ฉันฆ่าคน” กัวไฮว่มองสองสามคนที่ตกอกตกใจอยู่แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “ฉันไม่ได้อยากฆ่าเขาเลย แต่เหมือนเขาจะฆ่าฉัน”
“ฆ่าก็ฆ่าไป ไม่เห็นต้องพูดอะไรมากมาย” อวี้เอ๋อร์พูดขึ้นยิ้มๆ เธอมีท่าทีที่นิ่งเฉยที่สุด
“ฉันติดต่อพ่อฉันแล้ว ทุกเรื่องเป็นไปอย่างเรียบร้อย นายไม่ต้องกังวลนะ” ซุนหลิงหลิงพูดขึ้นเบาๆ
“ฉันโทรศัพท์หาคุณปู่แล้ว เขาจะจัดการสำนักเหยี่ยวดำเอง” โหยวโยวโยวพูดขึ้นเบาๆ
“ไม่ต้องกังวลหรอก ฉันโทรศัพท์หาพ่อเวยเวยแล้วล่ะ ตระกูลมู่หรงจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเอง” กัวไฮว่พูดเบาๆ “พวกเธอจะรู้สึกว่าฉันโหดเหี้ยมไหมนะ”
“เขาสมควรตาย เขาเอาปืนออกมาจะฆ่านายก่อน” ถังซีกับซูเยี่ยพูดขึ้นเสียงดัง
กัวไฮว่หัวเราะด้วยความอารมณ์ดี จะมีอะไรดีไปกว่าการที่ผู้หญิงของตนเองเข้าใจอีกล่ะ
“ฮ่าๆ ไปกัน ไปกินข้าว วุ่นวายกันครั้งนี้ทำฉันหิวจริงๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นก็พาสาวสวยทั้งห้าไปยังโรงอาหาร
“กัวไฮว่ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม เมื่อกี้ครูได้ยินว่าเธอถูกนักเรียนจากต่างโรงเรียนยิงเข้า ไม่เป็นไรใช่ไหม” หลินซวงพูดทางโทรศัพท์ด้วยความกระสับกระส่าย
“ขอบคุณครูหลินที่เป็นห่วงนะครับ ผมไม่เป็นไร มากินข้าวด้วยกันที่โรงอาหารเถอะ ดูเหมือนว่าการได้ดูคนสวยกินข้าวจะช่วยให้ผมหายช็อคได้นะ”
“ไม่เป็นอะไรก็ดี เดี๋ยวครูไป” พูดเสร็จ หลินซวงก็ตัดสายโทรศัพท์ไป เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องตอบตกลงกัวไฮว่ด้วย จากนั้นก็เดินมายังโรงอาหาร
“เรื่องจัดการเรียบร้อยแล้ว ทางด้านสำนักเหยี่ยวดำเซียวฉันจะออกหน้าเอง” มู่หรงกูพูดยิ้มๆ “ถ้าเธอมีพลังพิเศษ งั้นก็ไปที่กลุ่มผู้มีพลังพิเศษหน่อยสิ ฉันมีคนสนิทอยู่ที่นั่น”
“ขอบคุณคุณพ่อตาครับ เขตแดนเซียนเทียนนี่ไม่นับว่าเป็นพลังพิเศษนะ ฮ่าๆ” กัวไฮว่ยิ้มแล้วกดตัดสายไป