[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 65 สาวสวยอวี้เอ๋อร์
“เสี่ยวไฮว่ ครั้งนี้เธอบุ่มบ่ามเกินไป” เมื่อมู่หรงกูเห็นว่าหนานกงเชี่ยนจากไป ก็พูดขึ้นเบาๆ พลางส่ายศีรษะ
“ที่ตบไปเมื่อกี้ คงไม่ทำให้พ่อตาปวดใจหรอกใช่ไหม ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ แล้วเดินเข้าห้องไป “เวยเวย พี่หลง ที่ฉันตบไปเมื่อกี้สุดยอดเลยไหมล่ะ”
“พี่ไฮว่ เมื่อกี้พี่บุ่มบ่ามไปแล้ว ยายผู้หญิงตระกูลหนานกงไม่ปล่อยพี่ไปง่ายๆ แน่” มู่หรงเวยเวยพูดขึ้นด้วยความกังวล
“อยากทำอะไรก็ทำ อยากตบก็ตบ มีเวลาคิดนานที่ไหนกันล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “วางใจเถอะ ถ้าพวกเขาอยากแก้แค้น มาก็มาสิ”
“ฮ่าๆ น้องเขยสุดยอดเลย” มู่หรงหลงพูดยิ้มๆ แต่คำว่าน้องเขย ทำเอามู่หรงเวยเวยหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง
“พี่หลง ยาลูกกลอนที่ผมให้พี่ไป ร่างกายยังไม่ได้ดูดเอาฤทธิ์ยาไปใช้ทั้งหมด รอให้พี่ดูดเอาจนหมดก็น่าจะถึงขั้นเขตแดนเซียนเทียนแล้วล่ะ พี่ไปศึกษาคัมภีร์โบราณไทเก๊กเล่มนี้หน่อยเถอะ จะศึกษาได้ถึงขนาดไหนก็อยู่ที่ตัวพี่เองแล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดพลางส่งตำราที่ตนเองเขียนเองกับมือให้กับมู่หรงหลง
“ทั้งสามท่านครับ เรื่องเมื่อกี้ขอบคุณมากเลยนะครับ ผมคิดวิธีรักษาอาการป่วยแฝงบนตัวพวกคุณออกแล้วล่ะ แต่ว่ามีสมุนไพรบางอย่างที่พวกคุณต้องไปเอามาเอง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เดี๋ยวผมจะเขียนชื่อสมุนไพรให้พวกคุณ แล้วพวกคุณให้เสี่ยวเฟยส่งมาให้ผมไปยังที่ที่หนึ่ง แล้วเดี๋ยวผมจะให้คนเอาไปให้อาจารย์” แล้วกัวไฮว่ก็บอกที่อยู่ของบ้านพักตนให้กับคนทั้งสาม
“พ่อหนุ่มวางใจเถอะ จะส่งสมุนไพรไปภายในเจ็ดวันอย่างแน่นอน” ทั้งสามคนพูดขึ้นด้วยความดีใจ “พ่อหนุ่มไม่ต้องกังวลเรื่องหนานกงเชี่ยนนะ ในแดนยุทธแห่งนี้ ถ้าคิดจะข่มขู่ใครก็ต้องถามพวกเราก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่”
“ทั้งสามคนเป็นคนในยุทธภพ ยุ่งเรื่องบุญคุณความแค้นให้น้อยหน่อยจะดีกว่า จะดีชั่วย่อมได้รับผลคือ ถ้ายุ่งมากไปจะไม่เป็นการดีกับพวกท่านในอนาคต ถ้าตระกูลหนานกงอยากจะมา ก็ให้พวกเขามาเถอะ ผมจะทำให้พวกเขาได้รู้ว่าอะไรคือความเจ็บปวด อะไรคือความเสียใจ”
“พี่เขย เดี๋ยวพวกเราจะกลับโรงเรียนกันแล้ว ร่างกายพี่เพิ่งจะฟื้นฟู ร่างกายของพี่เป็นยังไงพี่ย่อมรู้ดีกว่าผม เขตแดนเซียนเทียนนี่ก็นับว่าเป็นนักยุทธแล้วนะ อย่าเอาพลังยุทธไปทำร้ายใครล่ะ ไม่งั้นมันจะวกกลับสู่ตน เดี๋ยวจะสำเร็จอีกทียากแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“เข้าใจแล้ว เมื่อกี้ฉันปรึกษากับพ่อแล้วว่าจะแอบส่งบอดี้การ์ดไปดูแลนายกับเวยเวย อย่าปฏิเสธล่ะ สู้กันซึ่งๆ หน้ารับมือได้ง่ายกว่าแทงข้างหลัง” มู่หรงหลงพูดยิ้มๆ
“พี่ไฮว่ ขอบคุณนะ” เช้าวันต่อมา มู่หรงเวยเวยกับกัวไฮว่กำลังจะกลับไปยังโรงเรียน มู่หรงเวยเวยก็พูดขึ้นยิ้มๆ กับกัวไฮว่ระหว่างทาง ทว่าพวกเขาทั้งสองไม่รู้ว่าเมื่อวานก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง
“สวัสดีทุกคน ฉันชื่อฉางเสี่ยวอวี้ พวกเธอเรียกฉันว่าอวี้เอ๋อร์ก็ได้ เป็นนักเรียนใหม่ห้องหนึ่ง ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ” หลินซวงรอนักเรียนที่มาใหม่ที่ห้องของตนตั้งแต่เช้า ฉางเสี่ยวอวี้ แต่เมื่อเห็นฉางเสี่ยวอวี้แวบแรก หลินซวงก็ถึงกับนิ่งอึ้งไป สวย ใช่แล้ว สวยมาก ออร่า ใช่แล้ว มีออร่า รูปร่าง ใช่แล้ว รูปร่างนางฟ้า ชีวิตในอดีต ใช่แล้ว ผู้สืบทอดของตระกูลใหญ่ในอเมริกา จากคำพูดของหลี่สวินอวี้ก็คือ สิ่งที่สวรรค์จะให้คนหนึ่งได้ก็ให้เด็กผู้หญิงคนนี้ไปหมดแล้ว
“คนสวย เธอมีแฟนแล้วหรือยัง ถ้าไม่มี ฉันช่วยเป็นให้ช่วงหนึ่งก่อนได้นะ จะกินดื่มเที่ยวพนัน พี่ทำไม่เป็นเลย” เด็กหนุ่มในห้องหนึ่งพูดขึ้นกับเสี่ยวอวี้ด้วยเสียงดัง
“พี่ไฮว่ไม่อยู่ สาวสวยแบบนี้ก็ควรต้องเป็นของเฉียนตัวตัวสิ เมื่อกี้เธอบอกแล้วว่าฝากเนื้อฝากตัว ที่บอกว่าฝากเนื้อฝากตัวนี่ไม่ใช่ว่าให้ฉันดูแลเธอหรอกเหรอ” เฉียนตัวตัวกระพริบตา มองไปยังฉางเสี่ยวอวี้อย่างเจ้าเล่ห์
“สวยจังเลย หน้าตาระดับเดียวกับมู่หรงเวยเวยเลย ส่วนรูปร่างนี่แน่นอนว่าชนะขาด รูปร่างพอๆ กับครูหลินเลย” นักเรียนชายแถวหลังเบิกตากว้างพลางพูดพึมพำกัน
สิ่งที่ทำให้หลินซวงประหลาดใจไม่ใช่ท่าทีของนักเรียนชายแต่เป็นท่าทีของนักเรียนหญิง นักเรียนหญิงทุกคนในห้องไม่ได้พูดวิจารณ์นักเรียนหญิงที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ทุกคนล้วนแต่ต้อนรับเธอ
“เสี่ยวอวี้ ไปหาที่นั่งก่อนเถอะ เดี๋ยวจะเข้าเรียนแล้ว” หลินซวงพูดยิ้มๆ กับฉางเสี่ยวอวี้
อวี้เอ๋อร์มองไปรอบห้อง แล้วเดินไปทางเฉียนตัวตัวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วนั่งลงด้านหน้าของเฉียนตัวตัวซึ่งเป็นที่นั่งของกัวไฮว่
“คนสวย ตรงนี้มีคนนั่งแล้ว แค่ลาเรียนยังไม่ได้กลับมาน่ะ เธอนั่งตรงนี้ไม่ได้” เฉียนตัวตัวพูดแล้วยิ้มให้กับอวี้เอ๋อร์
“งั้นฉันนั่งด้านใน” พูดเสร็จ อวี้เอ๋อร์ก็เขยิบเข้าไปนั่งข้างใน
“ข้างในเป็นที่นั่งซ้อฉัน ลาเรียนด้วยกันน่ะ เธอก็นั่งไม่ได้” เฉียนตัวตัวพูดขึ้นเบาๆ
“งั้นข้างๆ นายมีคนนั่งรึเปล่า ฉันจะนั่งข้างนาย” อวี้เอ๋อร์มองเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้แล้วพูดยิ้มๆ แม้จะมีพลังเซียนเหลือแค่เล็กน้อย แต่เธอก็สัมผัสได้ว่าร่างกายของเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เคยถูกรักษาด้วยยาลูกกลอน แม้ยาลูกกลอนนี้จะไม่มีอะไร แต่ก็ไม่ใช่สิ่งของของแดนนี้แน่ คนผู้นี้ย่อมเกี่ยวพันกับเทพแห่งจิต
“ไม่มีใครนั่ง ไม่มีใครนั่ง เธอนั่งข้างในได้เลย” เฉียนตัวตัวพูดยิ้มๆ
“ถ้าข้างในไม่มีคน งั้นนายไปนั่งข้างในได้ไหม ฉันชอบนั่งด้านนอกน่ะ” อวี้เอ๋อร์มองเฉียนตัวตัวแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“ได้ ได้ ได้ ฉันนั่งข้างใน เธอนั่งข้างนอก” เฉียนตัวตัวพูดขึ้นยิ้มๆ โดยไม่เห็นเซวียนต้าจู้ที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา
“ขอบคุณนะ” พูดเสร็จ อวี้เอ๋อร์ก็นั่งที่ที่นั่งของเฉียนตัวตัว
“พี่ตัวตัว พี่ออกมาก่อนหน่อยได้ไหม ผมอยากจะกลับไปนั่งที่ของผม” เฉียนตัวตัวยังไม่ทันจะได้นั่งลงบนเก้าอี้ ก็มีเสียงหยาบดุดันก็ดังขึ้นข้างหูของตน ใช่แล้ว ที่ที่เขานั่งตรงนี้เป็นที่ของเซวียนต้าจู้
“ต้าจู้ นายไปหาที่อื่นนั่งไป ให้ฉันนั่งตรงนี้” เฉียนตัวตัวพูดขึ้นด้วยความหน้าหนา
“ไม่ได้” ต้าจู้พูดเสียงดัง
“ข้าวเดือนนึง นายอยากกินอะไรฉันให้นายหมดเลย” เฉียนตัวตัวพูดขึ้นเบาๆ
“ไม่ต้อง ผมไม่ขาดเงินแล้วก็ไม่ขาดของกินด้วย เดี๋ยวอีกไม่กี่วันพี่ไฮว่จะได้ที่หนึ่งการแข่งขันวิชาการ ผมก็จะมีเงินหลายสิบล้านแล้ว ไม่ขาดเงินหรอก” เซวียนต้าจู้พูดยิ้มๆ
“เดี๋ยวฉันช่วยนายจีบยายเสิ่นปี้โหรวมอหกนั่น” เฉียนตัวตัวพูดเสียงดัง
“ไม่ต้องหรอก ผมจีบติดแล้ว” พูดเสร็จ เซวียนต้าจู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา หน้าจอโทรศัพท์เป็นรูปเซวียนต้าจู่โอบกับเสิ่นปี้โหรว
“ให้ตายสิ นายมีแฟนแล้วนายจะยังนั่งตรงนี้อีกทำไม” เฉียนตัวตัวเบิกตาโพล่งพลางพูดขึ้น
“ผมแค่อยากนั่งใกล้ๆ กับพี่ไฮว่” เซวียนต้าจู่พูดเสียงดัง “พี่ตัวตัว ถ้าพี่ยังไม่ไปอีก ผมจะโทรหารุ่นพี่หูแล้วนะ ถึงตอนนั้นพี่ได้สวยแน่”
เฉียนตัวตัวถลึงตามองเซวียนต้าจู้แวบหนึ่ง แล้วเดินออกมาจากด้านในอย่างช่วยไม่ได้ เซวียนต้าจู่นั่งลงบนเก้าอี้เตี้ย จากนั้นก็มองอวี้เอ๋อร์แวบหนึ่ง อวี้เอ๋อร์เองก็เบิกตามองชายร่างใหญ่ที่ดูไม่เหมือนนักเรียนผู้อยู่ตรงหน้าคนนี้