[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 59 ชีวิตคุณไม่มีค่า
“ดี!” กัวไฮว่พูดด้วยความกล้าหาญ
“พี่ไฮว่ พี่มั่นใจแค่ไหนเหรอว่าจะรักษาพี่ชายฉันให้หายดีได้” มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่ เธอยังทนไม่ไหวจึงถามออกไป
“ฉันต้องเห็นเขาก่อนถึงจะมั่นใจได้ แต่เธอวางใจนะ ฉันจะพยายามสุดความสามารถ” กัวไฮว่ดึงมือมู่หรงเวยเวยมากุมไว้แล้วพูดเบาๆ
มู่หรงเวยเวยพยักหน้าเล็กน้อย ในเมื่อกัวไฮว่เอายากันแก่เจ็ดสีออกมาได้ อาการป่วยของพี่ก็มีเพียงแค่เขาที่สามารถรักษาได้
“คุณหนู ท่านผู้นำให้คุณไปตรงนั้นก่อน ให้คุณกัวไฮว่รอนอกบ้านก่อนครับ” หลังจากที่มู่หรงเหยียนจอดรถ ก็มองไปที่กัวไฮว่และมู่หรงเวยเวยแล้วพูดยิ้มๆ
“ไม่ให้พี่ไฮว่ไปเจอพ่อกับฉันหน่อยเหรอ” มู่หรงเวยเวยขมวดคิ้วมุ่นแล้วถามขึ้นด้วยเบาๆ
“ท่านผู้นำอยากเจอคุณก่อนครับ” มู่หรงเหยียนพูดยิ้มๆ “เสี่ยวเฟยกับคุณกัวไฮว่อยากจะทดสอบกันพอดีเลย ให้พวกเขาอยู่คุยกันที่นี่ก่อนดีกว่า
มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่แวบหนึ่ง กัวไฮว่พยักหน้าเล็กน้อย “ยายหนู ตามเขาไปเถอะ ฉันไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันฝึกวิชากับเสี่ยวเฟย”
“ฮ่าๆ พี่เวยเวย พี่เข้าไปเถอะ พวกเราฝึกกันพอเป็นพิธีน่ะ พอเป็นพิธี” มู่หรงเฟยพูดยิ้มๆ
เมื่อเห็นมู่หรงเวยเวยกับมู่หรงเหยียนเดินไปไกล มู่หรงเฟยก็ยิ้มแย้มขึ้นมา “พี่แก่กว่าผมปีสองปี งั้นผมเรียกพี่ว่าพี่ไฮว่นะ ปู่เหยียนพาพี่เวยเวยไปแค่คนเดียว พี่เข้าใจใช่ไหมว่าหมายความว่าไง”
“เข้าใจสิ ฉากแบบนี้ในนิยายมีเยอะจะตายไป นายเป็นด่านทดสอบพี่ด่านแรกล่ะสิท่า” กัวไฮว่มองมู่หรงเฟยพูดยิ้มๆ
“ในเมื่อพี่ไฮว่เข้าใจ งั้นผมไม่พูดมากแล้วนะ” พูดเสร็จ มู่หรงเฟยก็ตั้งท่าต่อสู้
“ไม่ต้องแปดมวยสุดยอด หรือมวยตั๊กแตนเจ็ดดาวหรอก กลัวนายจะเสียใจทีหลังน่ะ” กัวไฮว่มองมู่หรงเฟยแล้วพูดยิ้มๆ “มวยตั๊กแตนเจ็ดดาวมีอีกชื่อว่ามวยตั๊กแตนอรหันต์ เป็นหนึ่งในวิชามวยดั้งเดิมของชาวฮั่น เป็นมวยตั๊กแตนของสำนักเหนือประเภทหนึ่ง ท่าต่อสู้นี้มี ‘ท่าเท้าเจ็ดดาว’ เป็นพื้นฐาน” กัวไฮว่พูดพลางตั้งท่ามวยตั๊กแตนเจ็ดดาว
“พูดอย่างเดียวแต่ไม่ทำก็ไม่ใช่ทักษะนะ พี่ไฮว่ มาเลย ถึงผมจะถนัดมวยแปดสุดยอด แต่มวยตั๊กแตนเจ็ดดาวนี่ผมฝึกมาสามปีแล้ว จัดการพี่แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว” พูดเสร็จ มู่หรงเฟยก็พุ่งโจมตีกัวไฮว่
“หลักการพื้นฐานของมวยตั๊กแตนเจ็ดดาวก็คือ เตะ ต่อย ฟาด ตั้งมือ ชี้ การเตะแบ่งเป็น ‘ยี่สิบสี่ขายวนยาง’ กับ ‘สามสิบหกขาลับ’ การฟาดมี ‘สามฟาดหกล้ม’ มีการฉกสามสิบหก การชกมีวิธีชกร้อยแปดวิธี การตั้งมือมีสิบเจ็ดท่าใหญ่ๆ สไลด์สามสิบหก นิ่งเกร็งสามสิบหก รวมทั้งหมดมีเจ็ดสิบสองท่า การชี้มีสิบสองท่วงท่าใหญ่ๆ รวมทั้งหมดเป็นยี่สิบสี่ท่วงท่า” มู่หรงเฟยโจมตีได้อย่างสมบูรณ์แบบ ส่วนกัวไฮว่ก็พูดได้อย่างถูกต้อง มู่หรงเฟยตั้งท่าทั้งหมดเจ็ดสิบสองท่า กัวไฮว่ก็ตอบได้ทั้งเจ็ดสิบสองท่า
“เหนื่อยแล้วล่ะสิ งั้นฉันจะให้นายดูว่ามวยตั๊กแตนเจ็ดดาวที่แท้จริงมันเป็นยังไง” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็ชกไปทางมู่หรงเฟย
“มวยตั๊กแตนเจ็ดดาวเน้น ‘แปดชก แปดไม่ชก แปดแข็ง สิบสองอ่อน’ ท่วงท่ามือเน้นสิบสองอย่าง คือ เกี่ยว โอบ เด็ด ห้อย ต่อย สับ ฉก ทุบ ประชิด ตั้งมือ” กัวไฮว่พูดไปพลางโจมตีโดยทุกๆ ท่วงท่าจนมู่หรงเฟยไม่อาจต้านทานไหว
“จำไว้นะ จุดเด่นมวยตั๊กแตนเจ็ดดาวมี ก้าวถอยปลอมจริง ยาวสั้นขึ้นลง หลบยืดลิ่วเคลื่อน หนีโดดออกเข้า แข็งแกร่งอ่อนนุ่ม เปิดรวมรับปิด ส่วนในศิลปะการต่อสู้มี จริงปนปลอม เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ยกขึ้นต่อยลง ต่อยลงยกขึ้น โจมตีกลับนอกโดยใน โจมตีกลับในโดยนอก เรียกมาแล้วต่อย ต่อยมันแล้วเรียก ชกไม่ยั้ง ชกออกตีตก เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง ยาวมีเจ็ดความยาว สั้นมีแปดความสั้น แปดแปดหกสิบสี่ท่วง เก้าเก้าแปดสิบเอ็ดท่า จุดแข็งของมวยคือ เร็ว เปราะ แน่น ส่วนท่วงท่ามวยมี กระหน่ำ กระทืบ ยั้งก้าว ยับยั้ง เข้มแข็ง อ่อนโยน สิบแปดกระสวย รถเล็กคว่ำ รถใหญ่คว่ำ หกเส้นทางหลัก สี่ท่อนแปดข้อ สับฟาด ศอกฟาด” เมื่อกัวไฮว่ทำท่าสุดท้ายเสร็จ มู่หรงเฟยก็ลอยไปกองกับพื้น
“พี่ไฮว่ สุดยอดเลย มวยตั๊กแตนเจ็ดดาวของพี่เก่งกว่าอาจารย์ผมอีก ผมนับถือเลย” มู่หรงเฟยหอบหายใจลวกๆ แม้ทุกท่วงท่าของกัวไฮว่จะโดนตัวมู่หรงเฟย แต่กลับไม่ได้ทำให้มู่หรงเฟยบาดเจ็บ การควบคุมแรงเช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองปราดเดียวก็ดูออกแล้ว
“กินยานี่หน่อยสิ อาจารย์ของนายไม่เลวเลยนะ คิดจะใช้มวยตั๊กแตนเจ็ดดาวในการบรรเทาอาการป่วยแฝงที่มวยแปดสุดยอดมีต่อร่างกายของนาย แต่เขาก็ประเมินพลังของมวยแปดสุดยอดต่ำไปหน่อย” กัวไฮว่พูดพลางโยนยาให้มู่หรงเฟยเม็ดหนึ่ง “ถ้าอยากจะทะลวงขีดจำกัด ก็หาเวลามาเจอฉันที่ฟู่จงสิ”
“ทะลวงขีดจำกัด? เป็นไปได้ยังไง เขาอายุเท่าไหร่กันเชียว ถึงกล้าพูดคำแบบนี้ออกมาได้ ขนาดอู่ชือตระกูลเซวียนหยวนยังไม่กล้าพูดขนาดนั้นเลยมั้ง” มู่หรงกูยืนมองกัวไฮว่กับมู่หรงเฟยอยู่ตรงหน้าจอขนาดใหญ่แล้วพูดขึ้นเบาๆ
“ท่านผู้นำ คุณหนูรอคุณอยู่ที่ห้องรับแขกครับ” มู่หรงเหยียนเดินไปข้างมู่หรงกูแล้วพูดขึ้นเบาๆ
“เด็กที่เวยเวยพามานี่ไม่เลวเลยทีเดียว ลุงเหยียน ลองดูคลิปที่เขากับเสี่ยวเฟยต่อสู้กันเมื่อกี้สิ ดูว่าลุงเอาชนะเด็กนี่ได้ไหม” มู่หรงกูพูดยิ้มๆ
ประมาณห้านาทีผ่านไป บนหน้าผากมู่หรงเหยียนก็มีเหงื่อผุดขึ้นเต็มไปหมด เมื่อดูจนจบ มู่หรงเหยียนก็อดตะโกนออกมาไม่ได้ “ดี!”
“ท่านผู้นำ กัวไฮว่คนนี้คาดเดาได้ยากมากเลย ผมไม่มีโอกาสจะชนะเขาหรอก” มู่หรงเหยียนพูดเบาๆ
“เรียกมู่หรงอิ๋งมา” มู่หรงกูขมวดคิ้วแน่นแล้วพูดขึ้นเบาๆ
“ฉันอยากจะให้แกรวบรวมข่าวของกัวไฮว่มาใหม่ สี่ตัวอันตราย หลอกซะเนียนเลย” มู่หรงกูมองไปยังชายวัยกลางคนที่ใส่ชุดสีดำ แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ เมื่อพูดเสร็จ ก็เดินตรงไปยังห้องรับแขก
“เวยเวย ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง” มู่หรงกูเพิ่งจะมาถึงห้องรับแขก ก็เห็นมู่หรงเวยเวยนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับแขกจึงพูดขึ้นยิ้มๆ
“หนูพาเขามาแล้ว หนูอยากเจอพี่ค่ะ” มู่หรงเวยเวยเงยหน้าขึ้นมาพูดเบาๆ
“ลุงเหยียน พาเด็กนั่นมา” มู่หรงกูพูดเบาๆ “เวยเวย ต่อไปคนตระกูลข่งจะไม่หาเรื่องเธออีกแล้ว เรื่องนี้พ่อจัดการให้ไม่ดีเอง”
“เรื่องของพี่ในตอนนั้นก็เป็นเพราะพ่อไม่จัดการให้ดี พี่นอนบนเตียงมาหกปีเต็มๆ แล้วนะคะ” มู่หรงพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ยายหนู ร้องไห้ทำไม ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย” กัวไฮว่เดินเข้ามาในห้องรับแขก เขาพูดขึ้นยิ้มๆ เดินดิ่งมาตรงหน้ามู่หรงเวยเวยโดยไม่ได้สนใจมู่หรงกู
“นี่คือมู่หรงกู ผู้นำตระกูลมู่หรงคนปัจจุบัน” มู่หรงเวยเวยชี้ไปที่มู่หรงกูแล้วแนะนำให้กัวไฮว่ได้รู้จัก
“เข้าเรื่องกันเลยเถอะ ฉันอยากเจอพี่ชายเธอ” กัวไฮว่พูดขึ้นยิ้มๆ โดยที่ตาของเขายังไม่ได้ออกห่างมู่หรงเวยเวย “ในเมื่อเธอไม่ชอบที่นี่ งั้นฉันจะรีบรักษาพี่เขยให้ไวแล้วเราก็ออกไปจากที่นี่กัน”
“เด็กนี่ ระวังท่าทีด้วย ที่นี่บ้านมู่หรงนะ” มู่หรงเหยียนทนไม่ไหวจึงพูดออกไป
“คุณฝึกไทเก๊กมานิดหน่อย แต่ศักยภาพของคุณยังไม่พอเลยนะ” กัวไฮว่เหลือบมองมู่หรงเหยียนตั้งแต่อยู่บนรถแล้ว ก็หรี่ตาแล้วพูดขึ้น
“ไปกันเถอะ ฉันจะพาพวกเธอไปเจอเสี่ยวหลง ถ้าเธอรักษาเสี่ยวหลงให้หายดีได้ ก็ถือว่าฉัน มู่หรงกู ติดหนี้ชีวิตเธอ” มู่หรงกูมองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้น
“จำไว้นะ ชีวิตคุณไม่มีค่าสำหรับผมหรอก ผมมาก็เพื่อเวยเวย” กัวไฮว่ลากมู่หรงเวยเวยเดินไปโดยไม่ไว้หน้ามู่หรงกูแม้แต่น้อย