[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 58 พี่แข็งขึ้นมาแล้ว
“ผอ.หลี่ ตอนนี้ให้หนูย้ายโรงเรียนได้แล้วใช่ไหมคะ” เด็กสาวมองหลี่สวินอวี้แล้วพูดยิ้มๆ “นักเรียนคนนี้น่าจะเป็นนักเรียนที่ฟู่จง หนูเห็นรูปเขาในเว็บบอร์ดโรงเรียนฟู่จง หนูอยากอยู่ห้องเดียวกับเขา รบกวนผอ.ช่วยจัดการให้หน่อยนะคะ”
“ไม่มีปัญหา” หลี่สวินอวี้รับเช็คมูลค่าร้อยล้านใบนั้นมาแล้วรับปากตามคำขอของเด็กสาวโดยทันที คำขอแค่นี้จะไปยากอะไร
“ผอ. คุณถูกคนซื้อไปแล้วเหรอคะ” หลินซวงมองหลี่สวินอวี้แล้วพูดขึ้น “อยากมาห้องฉันก็มา ไม่แน่ว่าอาจจะจัดการกัวไฮว่หมอนั่นได้ก็ได้”
“ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย ใครคิดถึงฉันเนี่ย ต้องเป็นครูหลินแน่เลย อยากให้ฉันรักษาให้ครูล่ะสิท่า เดี๋ยวจัดให้” กัวไฮว่ยิ้มเจ้าเล่ห์พลางเดินกลับมายังห้องนอน
“พี่ไฮว่ เอามา เอามา ยังมีอีกไหม” กัวไฮว่เพิ่งจะถึงห้อง เฉียนตัวตัวกับเซวียนต้าจู้ก็ขวางกัวไฮว่ไว้ที่ตรงประตู ทั้งสองคนดูเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้เฉียนตัวตัวเป็นเหมือนเด็กหนุ่มผู้หยาบกระด้าง ส่วนเซวียนต้าจู้เป็นไอ้โง่จากบ้านนอก แต่ตอนนี้เฉียนตัวตัวให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเด็กหนุ่มสุดเท่ ส่วนเซวียนต้าจู้เป็นเหมือนราชาทหาร
“ถ้าพวกนายไม่กลัวตาย เดี๋ยวฉันจะหาวิธีทำให้พวกนายอีก ตอนนี้พวกนายโอเคแล้วล่ะ หนทางบำเพ็ญเพียรจะใช้ยาลูกกลอนอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เมื่อเห็นท่าทีของทั้งสองกัวไฮว่ก็รู้ได้ว่ายาลูกกลอนที่ตนเองให้เขากินออกฤทธิ์แล้ว
“พี่ไฮว่ ยาที่พี่ให้พวกเรากินมันให้พลังงานจริงๆ นะ วันนี้ทั้งวันไม่จามแม้แต่นิดเดียว วิ่งจากห้องเรียนถึงห้องนอนในเฮือกเดียวก็ไม่เหนื่อยแม้แต่น้อย” เฉียนตัวตัวพูดยิ้มๆ
“ผมก็ด้วย วันนี้กระตือรือร้นมากเลย” เซวียนต้าจู้พูดยิ้มๆ
“ต่อไปถ้ามีของดี ฉันจะให้พวกนายอีก ฮ่าๆ เราเป็นพี่น้องกัน พี่น้องที่ดี” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “แต่ว่าอย่าเผยเรื่องความสามารถของฉันในโรงเรียนนะ ชีวิตร้อยปีนี้ พวกเราต้องใช้ให้สนุกหน่อย”
“ชีวิตร้อยปี ใช้ให้สนุก ฮ่าๆ ลูกพี่ ต่อไปพวกเราจะติดตามพี่” เฉียนตัวตัวชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดพลางหัวเราะเสียงดัง “ถึงว่าพี่ไฮว่ถึงเขียนพู่กันได้น่าสนใจขนาดนี้ ที่แท้ก็ถ่องแท้ในชีวิต เกรงว่าอาจารย์สองท่านของผมยังสู้พี่ไฮว่ไม่ได้เลย”
“พี่ไฮว่ พรุ่งนี้แปดโมง เรามาเจอกันที่หน้าประตูโรงเรียนนะ ฉันบอกครูหลินซวงแล้วว่าลาเรียนสามวัน” มู่หรงเวยเวยต่อสายโทรหากัวไฮว่แล้วพูดขึ้นเบาๆ “พี่ว่าต้องเอาอะไรไปบ้าง หรือว่าให้ฉันเตรียมอะไรไหม บอกฉันหน่อยสิ”
“แค่เธอแต่งตัวสวยๆ ให้ฉันเพลินตา อาการป่วยของพี่เธอเดี๋ยวฉันช่วยเธอจัดการเอง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ยายหนู วางใจเถอะ ฉันเตรียมของไว้หมดแล้ว พอถึงเวลาฉันจะทำให้เต็มที่”
ทั้งสองคุยกันอีกสักพักก็วางสายไป
“มีคนปิดบังความลับสวรรค์ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ จู่ๆ ก็มีความรู้สึกบอกไม่ถูก หรือว่าตอนนี้ยังมีเซียนท่านอื่นถูกเนรเทศมาแดนมนุษย์อีก” เดิมทีกัวไฮว่คิดจะคำนวณดูในครานี้ สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร เพราะความลับสวรรค์ถูกปิดบัง
“ไม่ใช่สุขไม่ใช่ภัย แต่เป็นหลบภัยไม่ได้ ไม่สนแล้ว วันนี้ไม่ฝึกปราณแล้ว นอนๆ” พูดจบ กัวไฮว่ก็พิงไปบนเตียง ไม่นานก็ผล็อยหลับไป
“เทพแห่งจิต นี่ตั้งใจจะให้ข้าหาเจอหรือ ใช้ชีวิตในแดนมนุษย์ได้ไม่เลวเลยนี่ ยากันแก่ ยากระตุ้นชีพจร ฝีมือการเขียนไม่เลว รอวันมะรืนเราจะได้เจอกันแล้ว ท่านจะตกใจหรือไม่” อวี้เอ๋อร์นอนพิงเตียงอยู่คนเดียวแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“คุณไฮว่ ออกไปอีกแล้วเหรอ” หลี่เวยเห็นกัวไฮว่จูงมือมู่หรงเวยเวยเดินมายังประตูโรงเรียน ก็พูดต้อนรับ
“พี่เวย หลายวันก่อนผมบังเอิญเจอนักพรตเต๋าด้านนอก เขาให้ยาลูกกลอนผมมาสองสามเม็ด ผมให้พี่เม็ดนึง ไม่แน่ใจว่าจะช่วยกันแก่ได้หรือเปล่า” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็โยนยาลูกกลอนที่ดูท่าทางไม่เลวเม็ดหนึ่งให้หลี่เวย หลี่เวยเองก็ไม่ได้เกรงใจ รีบเอาเข้าปากไป
“คุณไฮว่ รสชาติไม่เลวเลย บังเอิญเจอที่ไหนเหรอ พี่ก็อยากบังเอิญเจอบ้าง” หลี่เวยพูดยิ้มๆ “คุณไฮว่ ถ้าพวกเธอมีเรื่องอะไรก็ไปทำเลย พี่มีธุระนิดหน่อย” พูดจบ หลี่เวยก็เดินเข้าไปในฝ่ายรปภ.โดยไม่หันกลับมามอง
“พี่ไฮว่ พี่ให้เขากินอะไรไป ทำไมจู่ๆ ถึงเข้าไปเลยล่ะ” มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่ที่ยิ้มร้ายอยู่เลยถามขึ้นเบาๆ
“ไม่มีอะไร แค่ให้ยาปรับสภาพร่างกายน่ะ เรารีบไปกันเถอะ” กัวไฮว่จูงมือมู่หรงเวยเวยออกจากโรงเรียนไป
“พี่เวย เกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ก็วิ่งเข้ามาทำอะไรเหรอ” รปภ.สองสามคนเห็นหลี่เวยหน้าแดงเถือกก็ถามขึ้นยิ้มๆ
“พี่แข็ง พี่แข็งขึ้นมาแล้ว” หลี่เวยชี้ไปยังส่วนล่างของร่างกายตนเองแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงดังว่า “แม่มันเถอะ บาดแผลฉันหายดีแล้ว”
ก่อนที่จะปลดประจำการทหาร มีครั้งหนึ่งที่เขาปฏิบัติภารกิจ ทำให้น้องชายบาดเจ็บเข้าโดยไม่ตั้งใจ เป็นเวลาสองปีมาแล้ว ขอยาหมอมาแล้วหลายที่ก็ยังไม่หายดี เขาได้ละทิ้งความหวังไปนานแล้ว แต่ยาลูกกลอนเม็ดเดียวของกัวไฮว่ทำให้เขาหายดีได้ ทำไมเขาจะไม่ตื่นเต้นล่ะ
“พี่ไฮว่ เรารออยู่นี่ก่อนนะ เดี่ยวจะมีคนมารับพวกเรา” เมื่อทั้งสองเดินไปถึงปากทาง มู่หรงเวยเวยก็พูดขึ้นยิ้มๆ “พ่อฉันอารมณ์แปลกๆ นะ พอถึงเวลาพี่ก็อย่าคิดมากเลยนะ”
กัวไฮว่ยิ้มพลางผงกศีรษะ เขารู้เกี่ยวกับตระกูลมู่หรงมาไม่น้อย ตระกูลมู่หรง ตระกูลหนานกงและตระกูลเซวียนหยวนเป็นสามตระกูลจักรพรรดิ จะเห็นได้จากอิทธิพลของตระกูลมู่หรงต่อประเทศจีน
“คุณหนูครับ” รถยนต์โรลส์รอยซ์สีบรอนซ์ขาวคันหนึ่งจอดอยู่ข้างๆ กัวไฮว่กับมู่หรงเวยเวย โดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นคนขับ ชายชราคนหนึ่งเดินลงมาจากด้านหลัง เขามองมู่หรงเวยเวยพลางพูดด้วยความนอบน้อม
“ปู่เหยียน ทำไมวันนี้เป็นปู่ได้ล่ะคะ” มู่หรงเวยเวยมองชายชราที่อยู่ตรงหน้าแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“ทำไม ผมมาไม่ได้เหรอ” ชายชราพูดยิ้มๆ “รีบขึ้นรถเถอะ ท่านผู้นำรอคุณอยู่นะ”
“เสี่ยวเฟย ไม่เห็นต้องเก๊กเท่เลย ก็แค่ขับรถเองไม่ใช่เหรอ” ทันทีที่ขึ้นรถ มู่หรงเวยเวยก็มองคนขับแวบหนึ่งแล้วพูดยิ้มๆ
“พี่เวยเวย พี่เห็นผมแล้วเหรอ พี่ชายคนนั้นก็คือคนที่พี่บอกว่าจะมาดูอาการป่วยให้พี่หลงใช่ไหม เดี๋ยวนี้สิบแปดมงกุฎเยอะนะ พี่อย่าโดนเขาหลอกเข้าล่ะ” มู่หรงเฟยที่ขับรถอยู่พูดขึ้นยิ้มๆ
“เสี่ยวเฟย พูดอะไรระวังหน่อย พี่ไฮว่มีพลังวิเศษ ถ้าเขาโกรธขึ้นมา นายจะเจ็บตัวเองนะ” มู่หรงเวยเวยพูดขึ้นอย่างโมโห
“พลังวิเศษ? อาจารย์ผมก็มีพลังวิเศษ ไว้ให้เขาแข่งกับอาจารย์ดูดีกว่า เหอะๆ” มู่หรงเฟยพูดยิ้มๆ
“อายุยังไม่เยอะ แต่ฝึกวิชาจนได้ขนาดนี้แล้ว ไม่เลวเลย ประมาทเลินเล่อจริงๆ” กัวไฮว่มองมู่หรงเฟยที่ขับรถอยู่แวบหนึ่ง แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“อืม พี่ก็ดูออกเหรอว่าผมเคยฝึกมาก่อน” มู่หรงเฟยอึ้งไปก่อนจะถามขึ้นยิ้มๆ
“ฝึกมวยแปดสุดยอดสำเร็จตั้งแต่เด็ก แต่การฝึกไทเก๊กขาดสมดุลไปหน่อยนึง ชงยาดองทำได้ไม่เลว มวยภายในยังแย่ไปหน่อย อาจารย์ของนายคงจะเป็นยอดฝีมือสินะ” กัวไฮว่หลับตาพลางพูดขึ้น
“เสี่ยวเฟย ตั้งใจขับรถ” ชายชราเห็นมู่หรงเฟยที่อึ้งงันไปก็รีบพูดเตือน
“พี่สุดหล่อ พี่สุดยอดไปเลย ยังไม่ทันจะจับมือผมก็รู้รายละเอียดผมซะชัดขนาดนี้ เดี๋ยวลงรถไปเราไปฝึกวิชากันเถอะ” มู่หรงเฟยพูดยิ้มๆ