[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 54 เปิดห้องรอฉัน
“ตระกูลสมิธ ดีทรอยต์ คอยดูเถอะ ฉันจะกลับมาแน่” หลังจากยิงกลุ่มอันธพาลตายไปแล้วสี่สิบกว่าคน หลี่เย่าก็ตะโกนเสียงดังลั่น จากนั้นกระโดดลงสู่แม่น้ำ
“ให้ตาย! ไปหาตามแม่น้ำ ต้องหาคนจีนคนนั้นให้เจอ!” ชายฉกรรจ์ผิวขาวคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง
“พี่เย่ากินยาไปแล้ว หรือว่าจะเจออันตรายที่อเมริกาจริงๆ ลองคำนวณหน่อยดีกว่า ดูว่าพี่เย่าเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ หรือเปล่า” กัวไฮว่ไปถึงห้องนอน จู่ๆ ในใจก็พลันสั่นสะท้านขึ้นมา สติที่เขาได้ใส่เอาไว้ในยาลูกกลอนสูญหายไปแล้ว เขาจึงทราบได้ว่าหลี่เย่าได้พบกับปัญหา
“ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว รอหลี่เย่ากลับมา ต้องให้เขาถ่ายเลือดออก แล้วค่อยพาไปร้านใต้หล้าอู่เฉิงก็ไม่เลวนี่นา ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดพลางหัวเราะเสียงดัง
“พี่ไฮว่ เมื่อไหร่จะไปร้านใต้หล้าอู่เฉิงเหรอ พาน้องไปด้วยสิ” เฉียนตัวตัวมองหน้ากัวไฮว่พลางพูดด้วยสีหน้าเป็นจริงเป็นจัง
“ไว้ตอนนั้นฉันจะเรียกนายไปนะ พาจู้จื่อไปด้วยกัน ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ฉันโทรหาซุนหลิงหลิงหน่อยดีกว่า ฉันทุ่มเทเพื่อรักษาอาการป่วยของเธอไปไม่น้อย เธอก็ควรจะรักษาสัญญาไม่ใช่เหรอ”
“พี่ไฮว่ คนอื่นเหยียบเรือสองแคมสุดท้ายก็ซวยซ้ำแล้วซ้ำเล่า พี่อยู่กับอาซ้อหลายคนในเวลาเดียวกันแบบนี้ พี่มีเคล็ดลับอะไรเหรอ เมื่อไหร่จะสอนน้องสักที” เฉียนตัวตัวถามขึ้นยิ้มๆ
“พี่น่ะ มือซ้ายดรรชนีกระบี่หกชีพจร มือขวาพลังเก้าสุริยัน สองมือประกบกันเป็นสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร ทั้งสองมือยังต่อสู้กันเองอีก คนเก่งน่ะ ย่อมต้องเหนื่อยกว่าคนอื่นเป็นธรรมดา” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ฮัลโหล พี่หลิงหลิง คิดถึงผมล่ะสิ ถ้าคิดถึงก็เรียกผมว่าพี่ให้ฟังหน่อยสิ” กัวไฮว่ต่อสายโทรไป แล้วพูดยิ้มๆ กับปลายสาย
“หลิงหลิง ผู้ชายคนนึง ไม่สิ ผู้ชายหน้าไม่อายคนนึงถามว่าเธอคิดถึงเขาหรือเปล่า เธอจะรับโทรศัพท์ไหม” เพียงแค่ได้ยินปลายสาย เด็กสาวเสียงหวานคนหนึ่งก็ตะโกนถามด้วยเสียงดัง
“บอกให้เขารอก่อน เดี๋ยวฉันไป” ซุนหลิงหลิงพูดอย่างตื่นเต้น เธอรอสายนี้มานานแล้ว ถึงแม้จะได้รับสายเพราะมีคนโทรหาเธอตลอด แต่จะมีใครถามตรงๆ อย่างหน้าไม่อายอีกว่าเธอคิดถึงเขาไหม คงจะมีเพียงกัวไฮว่เท่านั้นแหละ
“พี่ พี่ชอบผู้ชายพูดตรงๆ นี่เอง” เด็กสาวหน้าตาไม่เลวคนหนึ่งส่งโทรศัพท์ให้ซุนหลิงหลิง แล้วพูดขึ้นเบาๆ
“ใช่ เสี่ยวโหรว ผู้ชายคนนี้ไม่เลวเลยนะ ให้พี่แนะนำให้เอาไหม ลองรู้จักกันสักหน่อยสิ” ซุนหลิงหลิงรับโทรศัพท์มาแล้วพูดล้อเล่น
“ช่างเถอะ ฉันไม่มีจุดประสงค์แอบแฝงอะไรแบบนั้น อย่างกัวไฮว่มอสี่นั่นหรอกน่ะ” เสิ่นปี้โหรวพูดยิ้มๆ
“เธอจะต้องเสียใจ” ซุนหลิงหลิงหรี่ตาพร้อมกับพูดขึ้น “กัวไฮว่ โทรหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ ฉันคิดถึงเธอจริงๆ สองวันนี้ไปไหนมาล่ะ”
“ไปวุ่นวายกับเรื่องของพี่อยู่น่ะสิ จะทำอะไรได้อีกล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เมื่อไหร่ว่างก็ออกมาเถอะ ผมจะช่วยรักษาพี่เอง”
“ตอนนี้นายอยู่ไหน ฉันจะออกไปหานาย” เมื่อซุนหลิงหลิงได้ฟังคำพูดของกัวไฮว่ก็พูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น
“ไปเปิดห้องรอผมที่โรงแรมมหาลัยอู่เฉิงเถอะ เดี๋ยวผมใกล้จะไปถึงแล้ว ไปเปลี่ยนชุดรอเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับโทรศัพท์
“ได้ เดี๋ยวพอฉันเปิดห้องเสร็จจะบอกเลขห้องกับนายนะ” ซุนหลิงหลิงพูดด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ
“พี่หลิงหลิง พวกพี่จะทำอะไรน่ะ พี่ชอบคนตรงๆ แบบนี้จริงๆ เหรอ ปลายสายเป็นกัวไฮว่จริงๆ เหรอ” เมื่อเสิ่นปี้โหรวได้ยินบทสนทนาของซุนหลิงหลิงกับกัวไฮว่ ก็ถึงกับตกตะลึง
“พี่ไฮว่ ไม่สิ คุณไฮว่ ช่วยสอนน้องหน่อยสิ ผมคบกับหูซีมาจะปีนึงแล้ว จับมือก็แล้ว คุณไฮว่เจอพี่หลิงหลิงแค่ครั้งเดียว ก็ให้เปิดห้องเลย ที่สุดยอดไปเลยก็คือ คุณให้พี่เขาเปิดห้องรอ คุณทำได้ยังไงกัน สอนผมหน่อยสิ” เฉียนตัวตัวแทบจะคุกเข่าลง ถามขึ้นเสียงดัง
“อยากได้อะไรก็บอกตรงๆ เลย ถ้านายไม่พูด อีกฝ่ายจะรู้ได้ยังไงว่านายต้องการอะไร เธอจะทำให้นายพอใจได้ยังไงล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เฉียนตัวตัว จะบอกอะไรให้นะ ถ้าคราวนี้นายกล้าตามฉันมา นายได้ตายแน่” พูดจบ กัวไฮว่ก็ออกจากห้องนอนไป แล้วมุ่งหน้าเดินไปยังโรงแรมมหาลัยอู่เฉิง
“เสี่ยวซี ฉันว่าวันนี้อากาศไม่เลวเลย ไม่งั้นเธอไปเปิดห้องที่โรงแรมมหาลัยอู่เฉิงห้องหนึ่ง แล้วเราก็มาคุยเรื่องชีวิตกันหน่อยเป็นไง” เมื่อเห็นกัวไฮว่จากไป เฉียนตัวตัวก็ทนไม่ไหวรีบต่อสายโทรหาหูซี แล้วพูดขึ้นเบาๆ
“ไปโรงแรมเปลืองเงินมากเลย มาบ้านฉันเถอะ ที่บ้านฉันไม่มีคน” ปลายสายพูดเบาๆ ด้วยความเขินอาย
“เสี่ยวซี เธอพูดจริงนะ ได้ เธอรอนะ เดี๋ยวสักครึ่งชั่วโมงฉันก็ไปถึงแล้ว เธอรอเลยนะ” เมื่อเฉียนตัวตัวพูดเสร็จก็รีบกดวางสาย “เชื่อคุณไฮว่ ได้ชีวิตนิรันดร์”
“พี่หลิงหลิง พี่จะไปจริงเหรอ” เมื่อเสิ่นปี้โหรวเห็นซุนหลิงหลิงหยิบชุดตัวโปรดเตรียมจะออกไป ก็รีบไปขวางอยู่ที่หน้าประตู “พี่คะ พี่ต้องคิดให้ดีนะ พี่ชอบเขาจริงๆ เหรอ”
“ยายหนู หึงเหรอ ฉันบอกแต่แรกแล้วไงว่าจะแนะนำให้เธอแต่เธอก็ไม่ตกลง” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ “ไม่งั้นเธอก็มาด้วยกันสิ ฉันไม่คิดมากหรอกว่าจะเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง เธอสวยขนาดนี้ ฉันว่ากัวไฮว่ก็คงไม่คิดมากหรอก ฮ่าๆ” พูดจบ ซุนหลิงหลิงก็เดินออกมาจากห้องนอน เหลือเพียงแค่เสิ่นปี้โหรวยืนนิ่งอยู่กับที่
“บ้า พี่หลิงหลิงบ้าไปแล้ว” หลังจากเหนื่อยมานาน เสิ่นปี้โหรวก็พูดขึ้นเบาๆ
“กัวไฮว่ เปิดห้องแล้วนะ 608 ฉันมาถึงแล้ว” ซุนหลิงหลิงต่อสายโทรหากัวไฮว่ แล้วพูดขึ้นเบาๆ สีหน้าเธอแดงระเรื่อไปทั่วทั้งหน้า “เขาจะหลอกฉันไหมนะ ฉันเชื่อเขาขนาดนี้ได้ยังไง ถ้าเขาทำอะไรกับฉันขึ้นมา จะทำยังไง” ในเวลานี้ จู่ๆ ซุนหลิงหลิงก็ตื่นเต้นขึ้นมา
“ก๊อกก๊อกก๊อก พี่ ผมมาแล้ว เปิดประตูเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ห้องนี้ไม่เลวเลย พี่รอก่อนนะ ช่วงนี้ผมเหนื่อยมากเลย ผมไปอาบน้ำก่อนล่ะ” พูดจบ กัวไฮว่ก็ตรงเข้าไปในห้องอาบน้ำโดยไม่สนใจซุนหลิงหลิง ไม่นานในห้องอาบน้ำก็มีเสียงตู้มตู้มตู้มดังขึ้นมา
“ตาบ้า ตาบ้านี่ ถ้าเดี๋ยวนายไม่รักษาให้ฉัน ฉันจะไปแจ้งตำรวจ ไม่สิ ฉันเอาที่ช็อตไฟฟ้ามาด้วย ฉันจะช็อตให้นายเป็นลมไปเลย” ซุนหลิงหลิงลอบคิดในใจ
“อะไรกัน ถอดเสื้อสิ ไม่ถอดจะรักษายังไง” ประมาณสิบห้านาทีต่อมา กัวไฮว่แต่งตัวปกติธรรมดาเดินออกมา เขามองไปยังซุนหลิงหลิง แล้วพูดยิ้มร้ายๆ
“ต้องถอดเสื้อด้วยเหรอ” ซุนหลิงหลิงขบริมฝีปากพูด
“อย่ากลัวการรักษาสิ ตอนนี้ฉันเป็นหมอเธอเป็นคนไข้ อย่าคิดอย่างอื่นสิ ถอด” กัวไฮว่พูดเสียงดัง
ซุนหลิงหลิงปลดกระดุมเสื้อนอกออกอย่างระมัดระวังจากนั้นก็ถอดออก ในขณะที่เธอจะถอดเข็มขัดด้วยสีหน้าแดงก่ำนั่นเอง กัวไฮว่ก็พูดขึ้น
“พี่ ถอดแค่เสื้อคลุม ถ้าพี่ยังอยากถอดอีก ผมไม่สนแล้วนะ” กัวไฮว่หรี่ตามองส่วนนูนสูงของซุนหลิงหลิงอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“นี่น้อง ถ้านายอยากดู งั้นฉันจะถอดอีกชิ้น” ซุนหลิงหลิงมองกัวไฮว่พลางพูดขึ้น
“อะแฮ่มๆๆ ปีศาจ พี่มันปีศาจ ปีศาจแบบพี่ถ้าถูกท่านมหาเทพพบเข้า จะต้องกลายเป็นไม้พลองแน่ๆ” กัวไฮว่รีบหลีกสายตาไปจากร่างของซุนหลิงหลิง เขากลัวว่าตนเองจะทนไม่ไหว
“ใครเป็นปีศาจกันล่ะ ตาบ้า จะรักษาให้ฉันยังไง นายบอกมาเถอะ” ซุนหลิงหลิงพูดเบาๆ