[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 53 หลี่เย่าเดือดร้อน
“โอ้โฮ นี่มันฉินอวี้หลงคนดังโรงเรียนฟู่จงของเราไม่ใช่เหรอ” หลิวฉ่วงพูดยิ้มๆ “วันนี้ใส่เสื้อด้วยแฮะ”
“หลิวฉ่วง ก็ว่าทำไมนายเก่งขนาดนี้ ที่แท้ก็อยู่กับเจ้าสี่แห่งสี่ตัวอันตรายนี่เอง พวกนายคุยกันต่อเถอะ ฉันไปแล้ว” ตอนที่ฉินอวี้หลงเดินไปข้างๆ ก็พลันมีความเหี้ยมโหดปรากฏอยู่ตรงขอบตาของเขา
“ช่างเถอะ ยังไงวันนี้พวกแกก็ต้องตาย ฉันล่ะอยากเห็นสมองของแกถูกยิงจนเละ เงินสิบล้านทำให้ฉันได้เห็นสมองเละก็คุ้มอยู่นะ” กัวไฮว่ใช้วิชาอ่านจิตกับฉินอวี้หลง จึงทราบความคิดของเขาได้โดยทันที
“น้องหลิว กลับโรงเรียนด้วยกันเถอะ เรากลับไปกินข้าวด้วยกันนะ ฉันต้องเลี้ยงขอบคุณนายสักหน่อย” ตอนแรกกัวไฮว่คิดว่าจะกลับไปก่อนแต่คราวนี้คิดว่าต้องช่วยหลิวฉ่วงเสียหน่อย
“ฉันยังมีธุระ กลับก่อนล่ะ รอฉันกลับโรงเรียนไว้จะไปหานายนะ” หลิวฉ่วงพูดปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม
“ระวังหน่อยแล้วกัน มีมือปืนเล็งนายอยู่ น่าจะเป็นปืนไรเฟิล” ในช่วงขณะที่กัวไฮว่หมุนตัวกลับ ก็กระซิบเบาๆ ขึ้นข้างหูหลิวฉ่วง
“ไอ้ฉินอวี้หลง ฉันอยากจะดูนักว่าแกจะฆ่าฉันยังไง” หลิวฉ่วงไม่ได้หันศีรษะกลับมามองกัวไฮว่ แต่เดินตรงไปนั่งในรถของตน
“ลุงสาม มีคนเล็งผมอยู่ ผมอยากรู้ว่ามันเป็นใคร พวกเรากลับไปทางเดิมกัน คุณช่วยดูสถานที่ที่ใช้ไรเฟิลได้ให้ผมหน่อย ผมจะไปล่องูออกจากถ้ำ” หลังจากที่หลิวฉ่วงขึ้นรถก็พูดขึ้นอย่างโหดเหี้ยม
“นายน้อย คุณจะเสี่ยงอันตรายไม่ได้นะครับ” คนขับรถพูดยิ้มๆ “เสี่ยวเฟย เดี๋ยวลงรถตรงประตูหลังตึกเวิลด์เทรดนะ หลังจากลงรถแล้วให้นับหนึ่งสองสาม จากนั้นก็ไปหลบ ส่วนจะอยู่รอดไหมก็ต้องอยู่ที่แกแล้วล่ะ”
“ลุงสาม หลิวเฟยยังตายไม่ได้นะ โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ลุงสามต้องดูให้ดีนะครับว่าใครเป็นคนยิง” เด็กหนุ่มแถวหลังที่ใส่ชุดแบบเดียวกับหลิวฉ่วงพูดขึ้น “นายน้อยครับ เหล้าเก่าในตู้ของนายท่าน คุณต้องช่วยผมเอาออกมานะ”
“พี่เฟยระวังตัวด้วยนะ คืนนี้เรามาดื่มด้วยกันเถอะ” หลิวฉ่วงพูดเบาๆ
“ปัง!” กระสุนเฉียดขอบหมวกของหลิวเฟย ลอยไปยังหินริมถนน แล้วก็มีนัดที่สองตามมา จากนั้น มือปืนสไนเปอร์ก็มองไม่เห็นเงานั่นอีกแล้ว
“สมาพันธ์กุ่ยซื่อ นามแฝงหมาป่า” ลุงสามพูดยิ้มๆ “จิ้นจ้านเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณ แต่ก็ระวังนะฉันจะให้เสี่ยวเฟยแอบช่วยคุณเอง”
เมื่อลุงสามพูดจบ หลิวฉ่วงก็กระโดดลงจากรถหายไปท่ามกลางฝูงชนที่เวิลด์เทรด
“ซ่อนตัวแล้ว มันซ่อนตัวแล้วอะไรกันเนี่ย” ฉินอวี้หลงอยู่ที่ชั้นสามของเวิลด์เทรด ใช้มือบีบกล้องส่องทางไกลของตัวเองจนเละพูดขึ้นเสียงดัง
“มันไม่ใช่นักเรียนด้วยซ้ำ แต่มันเป็นศัตรูตัวฉกาจ สู้ตัวคนเดียวเถอะ ฉันไม่ใช่คู่แข่งของมัน ฉันไปล่ะ ไว้ฉันจะหาโอกาสฆ่ามัน เงินสิบล้านเดี๋ยวฉันจะลดเป็นห้าล้าน แต่คราวหลังฉันจะไม่ให้แกตามมาแล้ว” พูดจบชายอายุราวสามสิบปีก็เก็บปืนไรเฟิลของตัวเอง
“หมาป่า สวัสดีนะไม่คิดเลยจริงๆ ว่าสมองของฉันจะมีค่าขนาดนั้น” ในขณะที่ทั้งสองคนคุยกันอยู่จู่ๆ ประตูก็ถูกเปิดออก
“ปังปังปัง” หมาป่าหยิบปืนของตนออกมา จากนั้นก็ยิงไปทางหลิวฉ่วงสามนัดติดกัน ทว่าหลิวฉ่วงก็หลบได้ทั้งหมด
“ภารกิจล้มเหลว อย่าว่าแต่หนีไปตั้งแต่แรกเลย แถมยังคุยอยู่กับลูกจ้างไร้สมองนี่อีก แกทำสมาพันธ์กุ่ยซื่อขายหน้าหมดแล้วล่ะ” หลิวฉ่วงตัวดีดึงหมาป่าลงมา
“ปัง!” ฉันเกลียดที่มีคนอื่นจับตามองฉัน” หมาป่าเบิกตากว้าง ปรากฏรูขนาดเท่าหัวแม่มือขึ้นบนศีรษะของเขา
“อย่าฆ่าฉัน แกอย่าฆ่าฉันเลยนะ” ฉินอวี้หลงพูดขึ้น ร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัว ช่วงล่างของร่างกายเขายังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ
“ฉันจะฆ่าแกลงได้ยังไง แกยังติดหนี้น้องไฮว่อยู่ตั้งร้อยล้านนี่นา ฮ่าๆ” พูดเสร็จ หลิวฉ่วงก็เดินออกจากห้องไป เหลือทิ้งไว้เพียงศพศพหนึ่งกับฉินอวี่หลงที่กำลังอกสั่นขวัญแขวน
“วิดีโอในตึกใหญ่ทั้งหมดถูกฉันจัดการหมดแล้ว” หลิวเฟยพูดยิ้มๆ
“บนปืนมีรอยนิ้วมืออยู่ แต่สมาพันธ์กุ่ยซื่อน่าจะลบออกหมดนะ ส่วนรางวัลจากฝ่ายรักษาความปลอดภัยน่ะ ฉันไม่เอาแล้วนะ เฮ้อ แค่สิบล้าน ชีวิตของฉันไม่คุ้มเงินเลยจริงๆ” หลิวฉ่วงพูดทอดถอนหายใจ “ครูฝึกบอกฉันว่าสมองของพี่เย่ามีค่าร้อยล้าน แถมยังเป็นดอลล่าร์ด้วยนะ น่าโมโหจริงๆ”
ถ้าคำพูดของหลิวฉ่วง ถูกหลี่เย่าผู้ที่กำลังถูกคนนับร้อยล้อมรอบอยู่ที่อเมริกาได้ยินเข้า ตอนนี้เขาก็น่าจะกระอักเลือด
“ให้ตายเถอะ มีข้อผิดพลาดกับรายงาน รอให้ฉันมีชีวิตรอดกลับไปก่อนเถอะ ฉันจะเฉือนพวกแกเป็นๆ เลย” หลี่เย่ากำลังวิ่งล้มลุกคลุกคลานอยู่ในเมืองดีทรอยต์ ราวกับถูกกำหนดไว้แล้วว่าไม่ว่าตนเองจะหลบซ่อนอย่างไร แก๊งอันธพาลดีทรอยต์ก็ต้องหาตนเองเจอ
“ไม่ต้องหลบแล้ว ถ้ามาก็ฆ่าแล้วกันตอนนี้ฉันอยากจะดูนักว่าคนที่อยากได้ชีวิตหลี่เย่ามีกี่คนกันแน่” จากแผนการในครั้งนี้ หลี่เย่าต้องอยู่ที่ดีทรอยต์เพื่อช่วยชาวจีนสัญชาติอเมริกาคนหนึ่งในการค้ารถ โดยคนผู้นี้มีความสามารถในการเสริมจุดอ่อนระหว่างประเทศ ซึ่งเดิมทีภารกิจนี้เป็นภารกิจที่ง่าย ทว่าหลังจากที่หลี่เย่าเข้าประเทศอเมริกามา เขาก็ไม่ได้หยุดพักเลยแม้แต่นาทีเดียว เพราะต้องจัดการตำรวจอเมริกาก่อน ต่อมาก็ต้องจัดการกับเอฟบีไอ จึงไม่ง่ายเลยกว่าจะจัดการจนหมด สุดท้าย คนที่ติดตามตนเองก็ตายอย่างไม่ทันตั้งตัว แถมตอนนี้ก็ยังถูกแก๊งอันธพาลท้องถิ่นตามฆ่าอีกด้วย
“ปัง!” ห่างไปแปดร้อยเมตร หัวหน้าแก๊งอันธพาลที่ตามฆ่าหลี่เย่าถูกเขายิงเข้าที่ศีรษะนัดหนึ่ง ในขณะที่หนีไปยังสถานทูต หลี่เย่าก็แอบพูดขึ้นกับตัวเองว่า
“ให้ตาย กระสุนจรวดนี่นา คนพวกนี้บ้าหรือเปล่าเนี่ย” หลี่เย่ายังไม่ทันจะได้ยืนนิ่ง เขาก็ได้ยินเสียงครูฝึกสอนขึ้นที่ข้างหู เมื่อได้ยินเสียง เขาจึงรีบไปหาที่กำบังเอาร่างกายตัวเองเอาไว้ และสัมผัสพื้นให้น้อยที่สุด จากนั้นเปิดปากออก พยายามอย่างที่สุดไม่ให้ได้ยินเสียงร้องบาดเจ็บ
“ปัง” ดังขึ้นกระสุนจรวดยิงไปยังที่ที่ห่างจากตัวหลี่เย่าไม่เกินห้าเมตร ในโรงรถใต้ดินจะมีที่กำบังดีๆ ที่ไหนกัน หลี่เย่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ ในสมองเขาพลันปรากฏเสียงอื้ออึง
“แม่มันเถอะ หมดกัน จะให้มันจับไม่ได้เด็ดขาด ฉันต้องมีชีวิตอยู่ที่นี่” หลี่เย่าลอบคิดในใจ
“พี่ใหญ่ ผมมีลางสังหรณ์ว่าพี่ไปอเมริกาครั้งนี้จะเกิดอันตราย เอานี่ไปนะ มันจะช่วยคุ้มครองชีวิตได้” เสียงที่กัวไฮว่พูดวันก่อนที่เขาจะมาอเมริกาวันนั้นดังขึ้นข้างๆ หู “ให้ตาย เจ้าสี่พูดถูก กล่องหยกเน่าๆ ยังอยู่บนตัวฉันนี่ เจ้าสี่ หวังว่าคราวนี้แกจะไม่ได้หลอกพี่อีกนะ”
“จับมันไปเป็นๆ กระสุนจรวดยิงไม่โดนมัน แต่ยังไงมันก็ไม่มีแรงสู้แล้ว พุ่งไปเลย ไปจับมันเป็นๆ” ชายฉกรรจ์อันธพาลอเมริกาตะโกนเสียงดัง
“เจ้าสี่ หวังว่ายาลูกกลอนบ้านี่ของแกจะใช้ได้ผลนะ” หลี่เย่าตะโกนเสียงดังแล้วเอายาลูกกลอนกรอกเข้าไปในปาก จากนั้นก็ปรากฏความอบอุ่นก็แล่นไปทั่วร่างกาย
“เจ้าสี่รอพี่กลับประเทศไปก่อน แกอยากไปไหนได้หมดเลย พี่จะพาแกไปยิงปืนที่เขตทหาร แกอยากยิงเท่าไหร่ก็ตามใจ ปืนพกอินทรีนั่นพี่ก็ให้แก แม่มันเถอะ ยาลูกกลอนนี้ให้พลังจริงด้วย ไอ้พวกเลว ฉันยังไม่ตายหรอก พวกแกตายซะเถอะ” หลี่เย่ามองไปยังที่ที่ไม่ไกลจากตนประมาณสองร้อยเมตร จากนั้นก็เอาเอ็มสี่ที่ซื้อมาจากตลาดมืดยิงไปยังฝูงคนที่มาอีกรอบ
“ไอ้เสือดำ คนจีนนั่นไม่ได้บาดเจ็บ ทุกคนรีบกดมันลงพื้นเร็ว!” คนผิวสีรูปร่างเตี้ยในกลุ่มเพิ่งจะตะโกนออกมาได้ไม่นานก็ถูกยิงเข้าที่ระหว่างคิ้ว ทำให้ตายคาที่