[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 41 พนันการแข่ง
“พี่ไฮว่ขอบคุณมากนะ”มู่หรงเวยเวยพูดเบาๆ
“ยากันแก่กันแก่อะไรกัน พ่อหนุ่มยังมีอีกหรือเปล่าเอามาให้ฉันชิมสักเม็ดสิ”เริ่นเสวียนเช่อได้ยินอะไรพิศดารๆก็เลยพูดขึ้นเบาๆ
“อะแฮ่มๆ คุณปู่กินมันไม่ได้หรอก มันเป็นของผู้หญิงเขากินกันน่ะ ฮ่าๆ”กัวไฮว่กระแอมไอสองสามทีแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“เสิร์ฟอาหาร รีบเสิร์ฟอาหารเร็ว”เริ่นเสวียนเช่อพูดจบหน้าก็แดงก่ำขึ้นมา จากนั้นก็พูดเสียงดังกับคนข้างนอก
“ไม่อยู่กับพวกเธอแล้ว พวกเธออยากกินอะไรก็ให้พวกข้างหลังไปเสิร์ฟให้เธอได้เลย ฉันไปกินเหล้าแล้ว”เริ่นเสวียนเช่อกินเหล้าไปสองแก้ว กัวไฮว่ก็เทเหล้าให้เต็มอีกแก้วหนึ่งจากนั้นเขาก็เดินยืดยาดออกจากห้องไป
“พี่ไฮว่ยาลูกกลอนนี่พี่เอามาจากไหนกันแน่”ถังซีทนไม่ไหวจึงถามไปอีกครั้ง
“เดี๋ยวต่อไปเธอก็รู้เองแหละ แต่ว่าเรื่องนี้พวกเธอห้ามบอกคนอื่นนะ ถ้ามีคนถามว่าทำไมพวกเธอเปลี่ยนไปก็บอกไปว่าฉันเป็นคนทำให้พวกเธอเปลี่ยนไปเอง”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“คืนนี้พวกเธอก็อาบน้ำให้สะอาดสะอ้านล่ะ บนตัวจะมีสะเก็ดสีดำ พวกเธอก็ไม่ต้องกังวลล่ะ”
“เหอะๆ ฉันเข้าใจว่าแล้วว่าพี่ไฮว่พูดถึงอะไร ยาลูกกลอนนี่มีฤทธิ์ชำระจิตล้างไขกระดูกใช่ไหมล่ะ”ซูเยี่ยพูดขึ้นยิ้มๆ
“เสี่ยวเยี่ยจื่อ เธอรู้มาไม่น้อยเหมือนกันนะเนี่ย”กัวไฮว่ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นยิ้มๆ
ทั้งหมดกินข้าวกันอย่างมีความสุข จากนั้นซูเยี่ย ถังซี และโหยวโยวโยวก็ดิ่งตรงไปยังห้องนอนของตนเอง ทิ้งมู่หรงเวยเวยที่มีสีหน้าแดงระเรื่อเอาไว้อยู่คนเดียว
“ยายหนูมีอะไรก็พูดมาตรงๆเถอะ”กัวไฮว่เก็บวิชาอ่านจิตเอาไว้ เขามองมู่หรงเวยเวยแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“พี่ไฮว่พี่รู้จักตระกูลมู่หรงใช่ไหม”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นเสียงเบา“เรื่องของฉันพี่ก็น่าจะได้ยินมาบ้างใช่ไหม”
“มู่หรงเวยเวยสาวหวานเมืองอู่เฉิง”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“สาวหวานเมืองอู่เฉิง? เมื่อสองปีก่อนคนอื่นเรียกกันแบบนี้ ฉันเป็นลูกสาวนอกสมรสของมู่หรงกูผู้นำตระกูลมู่หรง และเป็นนายท่านสามแห่งตระกูลมู่หรง”
เมื่อสิบห้าปีก่อนเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นที่เมืองอู่เฉิง มู่หรงกูผู้เป็นผู้นำตระกูลมู่หรงได้สละตำแหน่งให้มู่หรงเวย ส่วนตัวเขาเองก็กลับบ้านเก่าตระกูลมู่หรงไป จากนั้นก็มีข่าวลือว่ามู่หรงกูแอบภรรยาตัวเองมีเมียน้อยและมีลูกชายหนึ่งหญิงหนึ่ง เขาถูกกดดันโดยตระกูลเลยสละตำแหน่ง และหนานกงเชี่ยนภรรยาของมู่หรงกูก็ส่งคนไปแอบฆ่าลูกนอกสมรสทั้งสอง
“หกปีก่อนฉันไม่รู้ว่าพ่อของฉันเป็นใคร แม่ของฉันเป็นคนที่ชอบเห็นอกเห็นใจคนอื่นแต่เข้มงวดกับฉันและพี่มากจนกระทั่งผู้ชายคนนั้นปรากฏตัวอยู่หน้าฉัน เขาบอกฉันว่าเขาคือพ่อของฉัน”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงเบา
“ตั้งแต่วันนั้นชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ฉันกับพี่ถูกส่งไปเรียนมารยาทที่อังกฤษ ใบหน้าของแม่ฉันก็เริ่มมีรอยยิ้มขึ้นมา ฉันก็เริ่มจะรู้ว่าตระกูลมู่หรงเป็นตระกูลยังไง มีสถานะเป็นยังไงในเมืองจีน ตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองขึ้นสวรรค์ จนกระทั่งพี่ป่วยเป็นโรคประหลาด แม่ก็เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์”มู่หรงเวยเวยพูดพลางมีน้ำตาไหลรินออกมาจากขอบตา
“ตั้งแต่พี่ป่วย มู่หรงกูก็อยู่ข้างฉันมาตลอด เขาหาหมอมาหลายคนเพื่อดูอาการของพี่ แต่พี่ก็กลับเหมือนกับคนที่ตายแล้วยังไม่ฟื้นมาเลย”มู่หรงเวยเวยพูดพลางร้องสะอื้น
“หนึ่งปีก่อนฉันเห็นพี่เป็นครั้งสุดท้าย คนที่รักษาพี่คือชายคนหนึ่งเหมือนว่าจะเป็นคนจากกลุ่มผู้มีความสามารถพิเศษหัวซย่า เขาบอกพ่อว่าพี่ได้รับพิษซึ่งวิธีรักษามีแค่ยาลูกกลอนเท่านั้น ก่อนจากไปเขาได้ให้พี่กินยาลูกกลอนสามสีเพื่อยืดชีวิตพี่ไว้ แต่ถ้ายังรักษาไม่ทันเวลาพี่อาจจะอยู่ไม่ถึงสิ้นปีนี้”มู่หรงเวยเวยยิ่งพูดเสียงยิ่งเบาลง
“ในเมื่อเป็นเรื่องของพี่เขย งั้นฉันก็ต้องทำให้ดีที่สุด ฉันจะหาเวลาติดต่ออาจารย์ดู แค่ทำยาลูกกลอนก็พอแล้วยายหนูไม่ต้องร้องหรอก”กัวไฮว่ลูบศีรษะมู่หรงเวยเวยแล้วพูดยิ้มๆ
“จริงเหรอพี่ไฮว่ พี่พูดจริงเหรอ”มู่หรงเวยเวยพูดด้วยความตื้นตันหลายปีมานี้ วันนี้เป็นวันแรกที่เธอมีความสุขมากที่สุด
“รอให้ผ่านการแข่งวิชาการไปก่อนแล้วพาฉันไปหาพี่ชายเธอหน่อย เดี๋ยวฉันจะลองติดต่ออาจารย์ดูก่อนเธอวางใจเถอะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆตลกสิ้นดีถ้าเทพเซียนยังแก้พิษของพวกมนุษย์โลกไม่ได้เช่นนั้นก็ยอมตายเสียดีกว่า
“พี่ไฮว่พี่แน่ใจนะว่าการแข่งวิชาการจะไม่เป็นไรน่ะ”มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่แล้วถามขึ้นเสียงเบา แม้คำถามที่ถามก่อนเข้าคาบกัวไฮว่จะตอบได้หมด แต่เนื้อหาการสอบวิชาการนั้นกว้างมาก ใครที่ไม่รอบคอบก็อาจเกิดปัญหาได้
“มีเวลาอีกตั้งอาทิตย์หนึ่ง ถึงตอนนั้นเดี๋ยวก็รู้เองแหละ”กัวไฮว่พูดขึ้นด้วยความมั่นใจ
“ลูกพี่ช่วงนี้โดดเรียนบ่อยนะ หัวหน้าเซวียนถามหาพี่ตั้งหลายครั้ง บอกว่าถ้ามีเวลาให้พี่ไปหาเธอที่ห้องหน่อย”กลับมายังห้องนอนได้ไม่นานเฉียนตัวตัวก็พูดยิ้มๆกับกัวไฮว่
“เข้าใจแล้ว ช่วงนี้ที่โรงเรียนไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม”กัวไฮว่ถามยิ้มๆ
“ไม่มีเรื่องอะไรนะ เรื่องที่ใหญ่สุดก็มีแค่บนเว็บบอร์ดโรงเรียนพนันกันเรื่องการแข่งวิชาการของพี่นั่นแหละ หากกัวไฮว่ถูกคัดออกตั้งแต่รอบแรกจ่ายหนึ่งต่อหนึ่ง ถูกคัดออกรอบสองจ่ายหนึ่งต่อสิบ ถูกคัดออกรอบสามจ่ายหนึ่งต่อร้อยถ้าพี่ได้เป็นตัวแทนฟู่จงเข้าแข่งรอบตัดสินก็จะเป็นหนึ่งต่อพันเลยนะ ถ้าพี่ได้เป็นตัวแทนเข้าแข่งขันของโรงเรียนฟู่จงแล้วก็ได้ที่หนึ่งในการแข่งวิชาการหนึ่งต่อแสนแถมพวกมันจะวิ่งแก้ผ้ารอบเมืองอู่เฉิงอาทิตย์นึงเลยด้วย”เฉียนตัวตัวพูดยิ้มๆ
“อ้อ บนเว็บบอร์ดมีคนอัจฉริยะแบบนี้ด้วยเหรอ ฮ่าๆ ดูท่าหมอนี่จะได้กำไรเยอะนะ เดี๋ยวฉันจะให้ล้านนึงเอาให้แสนนั่นกดดันไปเลย ฉันจะดูสิว่ามันจะจ่ายได้หรือเปล่า”
“ลูกพี่ พี่จะออกล้านหนึ่งจริงเหรอ”เฉียนตัวตัวชะงักไปครู่หนึ่ง ถ้าเอาเงินบนเว็บบอร์ดมาแลกเงินจริงสามารถเอามาซื้อได้หลายอย่างเลย ถึงขั้นที่ว่าสามารถเอาเงินบนเว็บบอร์ดมาจ่ายค่าเทอมค่าหนังสือได้เลย
“ล้านหนึ่งเถอะ ถ้ามากไปกลัวหมอนั่นจะจ่ายไม่ไหว”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เงินหนึ่งล้านถ้ากัวไฮว่เป็นตัวแทนฟู่จงไปแข่งแบบนั้นก็จะเป็นสิบล้านกัวไฮว่อยากจะดูนักว่าหมอนี่จะเอาอะไรมาให้เขา
“รีบมาดูเร็วบนเว็บบอร์ดมีคนโง่พนันตั้งเงินล้านหนึ่ง ฮ่าๆ”ในขณะที่เฉียนตัวตัวช่วยกัวไฮว่เปลี่ยนพนันเงินหนึ่งล้านนั้น ทั้งเว็บบอร์ดก็พลันคึกคักขึ้นมาทำเอาคนที่พนันก่อนหน้านี้ตื่นตระหนก
“เจ้าสี่จะได้เงินล้านหนึ่งมาฟรีๆอีกแล้ว เหรออิจฉาแกจริงๆเลยนะ”ภายในหอพักโรงเรียนฟู่จงชายหนุ่มสี่คนที่ท่าทางไม่ธรรมดาพูดขึ้นยิ้มๆ
“ก็บอกไว้แล้วไง ตอนแรกพวกพี่ร่วมพนันได้นะ ตอนนี้ก็ยังได้”ฉินอวี้หลงพูดยิ้มๆ
“จริงเหรอเจ้าสี่นี่มันลาภลอยชัดๆ มั่นใจเลยว่าครั้งนี้แกได้อย่างน้อยๆร้อยล้านแน่”เจี่ยเปินเปินพูดขึ้นยิ้มๆ
“พวกพี่ไม่ได้ขัดผม ตอนผมเริ่มพนันเงินนี่เป็นของเราสี่คนนะ ถ้าได้เงินมาก็จะแบ่งกันหนึ่งต่อสี่ แต่ถ้าต้องจ่ายเงินก็ต้องจ่ายหนึ่งต่อสี่เหมือนกัน ถ้าพวกพี่ตกลงเดี่ยวผมจะทำสัญญา พวกเราเซ็นชื่อก็เรียบร้อยแล้ว”ฉินอวี้หลงพูดยิ้มๆ
ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นดูเหมือนว่าหุ้นพนันที่ขึ้นๆลงๆจะทำให้ตระกูลฉิน ตระกูลเจี่ย ตระกูลมู่และตระกูลหวังรวมเข้าไว้ด้วยกัน
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^
https://www.kawebook.com/story/6815