[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 31 สาวน้อยผู้ชอบแครอท
“นายท่านไฮว่คุณกลับมาแล้วเหรอคุณปู่ให้ผมมาพบคุณ”จู้จื่อที่ไม่ได้พูดจามาโดยตลอดก็พลันลุกขึ้นเป็นคนแรกแล้วพูดกับกัวไฮว่อย่างเซ่อซ่า
“นั่งลงไม่ต้องเกรงใจในนี้ไม่มีคนนอก”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“ทำไมพี่ๆยังอยู่ที่โรงเรียนล่ะ”
“เจ้าสี่เป็นไงบ้างพวกพี่รอแกอยู่ที่นี่ซาบซึ้งไหมล่ะ”เจี่ยหยวนดื่มเบียร์ไปอึกหนึ่งแล้วพูดยิ้มๆ
“ซาบซึ้งครับซาบซึ้งครั้งนี้ผมดูแลไม่ดีเองมาโรงเรียนพวกเราแล้วผมก็ไม่ได้จัดการข้าวเที่ยงให้แต่ก็โทษผมไม่ได้นะเพราะตอนการประมูลยังไม่จบผมก็ไม่เห็นเงาพี่ๆแล้ว”กัวไฮว่พูดขึ้นยิ้มๆ
“ก็ถูกเหล้าแกทำเสียคนน่ะสิพี่ใหญ่ยังดีนะที่พรุ่งนี้ไปอเมริกาเลยแต่ฉันกับเจ้าสามเนี่ยซวยเมื่อกี้พ่อฉันโทรศัพท์มาหาบอกไม่ว่าจะใช้วิธีไหนฉันก็ต้องเอาเหล้ามาจากแกให้ได้ไม่งั้นก็ไม่ต้องกลับไปอีก”เจี่ยหยวนพูดหน้ามุ่ย
“พี่ๆไม่ต้องร้องไห้แล้วผมให้เหล้าพวกพี่ไปตั้งเท่าไหร่แล้วผู้ใหญ่ในบ้านตัวเองก็จัดการกันเองเถอะเหล้าน่ะผมมีอยู่นิดเดียวแต่จะให้พวกพี่อีกไม่ได้แล้ว”กัวไฮว่พูดพลางถือน้ำเต้าในมือจากนั้นก็ดื่มไปอึกใหญ่
“เหอะๆๆน้องสี่ดูแกพูดเข้าสิทำอย่างกับเรามาหาแกเพราะจะเอาเหล้า”หวังเซิงพูดยิ้มๆ“พวกเรามาครั้งนี้หลักๆแล้วจะมาดูว่าน้องชายเราอยู่ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างไม่ถูกใครรังแกใช่รึเปล่า”
“พี่ๆวางใจเถอะผมเนี่ยบุคคลอันดับหนึ่งของโรงเรียนฟู่จงถ้ามีใครอยากหาเรื่องพี่ไฮว่ของผมต้องมาถามผมก่อนว่าตกลงหรือเปล่า”เฉียนตัวตัวพูดเสียงดัง
“ฮ่าๆไอ้น้องเมื่อก่อนไม่เห็นว่าแกจะมีความสามารถขนาดนี้เลยทั้งเฉียนตัวตัวทั้งจู้จื่อแถมยังมีสาวสวยสี่คนอีกแกเพิ่งมาโรงเรียนได้ไม่กี่วันเองนะแก๊งลูกน้องกับสาวสวยแถมสาวสวยยังเยอะกว่าลูกน้องอีก”หลี่เย่าพูดหยอกล้อ
“เหอะๆพี่ๆก็หยอกผมไปพี่เย่าบอกมาเถอะมีเรื่องอะไรกันแน่พี่ไม่เหมือนกับพี่สองพี่สามมีอะไรก็บอกมาตรงๆได้”กัวไฮว่ไม่ได้ใช้วิชาอ่านจิตกับพี่ๆพวกนี้ไม่จำเป็นต้องใช้หรอก
“ไม่มีอะไรหรอกแกยังจำเรื่องที่แกไปเคลียร์ให้ฉันที่ใต้หล้าอู่เฉิงหรือเปล่าแกไม่อยากรู้เหรอว่าคนที่อยากจัดการแกวันนั้นเป็นใคร”หลี่เย่าหรี่ตาพูด
“พี่เย่าอย่าเพิ่งบอกก่อนว่าเขาเป็นใครผมอยากรู้ศักยภาพของผมในตอนนี้ว่าสามารถจัดการคนที่พี่พูดถึงได้ขนาดไหน”กัวไฮว่ชะงักไปครู่หนึ่ง
“ถ้านับสามตระกูลของเราแล้วทรัพยากรที่เรามียังจัดการกับมันไม่ได้เพราะว่าฉันเดาได้แค่ลางๆว่าคนที่จะจัดการแกเป็นใคร”หลี่เย่าพูดเบาๆด้วยความจนใจ
“งั้นก็อย่าเพิ่งบอกก่อนพวกเราแล้วก็พวกลูกน้องจะได้ไม่ปวดสมอง”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
คราวนี้หลี่เย่าเจี่ยหยวนและหวังเซิงทั้งสามคนถึงกับนิ่งอึ้งไปกัวไฮว่เป็นคนยังไงนิสัยยังไงมีแค้นย่อมต้องชำระไม่คาดคิดว่าเขาดันพูดแบบนี้ออกมาได้
“พี่ๆตอนนี้ผมอยากจะจัดการชีวิตมอปลายช่วงนี้ให้เรียบร้อยรถชนครั้งก่อนทำให้ผมสัมผัสได้ว่าผมไม่ควรพึ่งพาคนในครอบครัวหรือว่าพึ่งพาพี่ๆทั้งสามไปตลอด”
“เจ้าสี่แกคิดแบบนี้ได้ไม่เลวเลยแต่ว่าในเมื่อฉันพอเดาว่าเป็นใครฉันว่าเขาก็ควรจะรู้หน่อยนะว่าพวกเราเดาออกแล้วช่วงนี้มันจะได้ไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม”หลี่เย่าพูดเสียงเบา“ถ้าพวกมันยังไม่กล้าลงมือฉันแนะนำให้ฉวยประโยชน์ก่อนนะ”
“ขอบคุณนะพี่เย่าเรื่องนี้รอให้ผมจัดการเถอะวันนี้ในที่นี้ก็เป็นพี่ๆน้องๆกันทั้งนั้นเรามาดื่มกันเถอะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“คุณไฮว่เหล้านี่ไม่เห็นจะดีตรงไหนให้ผมกินเหล้าเมื่อตอนเที่ยงวันอีกได้ไหม”จู้จื่อเกาศีรษะแล้วพูดขึ้น
“จู้จื่อเหล้าน่ะให้แกกินได้แต่ว่ามีเรื่องหนึ่งต้องคุยกับแกหน่อย”กัวไฮว่พูดพลางจ้องจู้จื่อด้วยเจตนาร้าย
“ไม่ต้องคุยกันหรอกมีเรื่องอะไรคุณไฮว่พูดได้เลยตาแก่บ้าบอกไว้แล้วว่ามีอะไรก็ให้ผมเชื่อฟังคุณ”จู้จื่อพูดยิ้มๆ
“ดีเดี๋ยวฉันจัดการเรื่องเหล้าให้แต่ว่าต่อไปถ้าฉันให้แกจัดการใครแกห้ามปฏิเสธ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
เฉียนตัวตัวก็เป็นคนที่น่าประหลาดใจคนหนึ่งออกไปได้ไม่ถึงห้านาทีก็เอากับข้าวกลับมาหลายสิบอย่างกัวไฮว่เองก็เอาองคชาติวัวที่แย่งมาจากมือซูเยี่ยไปให้จู้จื่อทำอาหารเมนูง่ายๆเมื่อพวกหลี่เย่าได้กินทั้งสามถึงกับยกนิ้ว
“น้องสี่ตอนนี้พี่เสียใจแล้วล่ะรู้งี้พี่ให้เสี่ยวฮวาทำหนังสือเข้าเรียนให้ดีกว่าลูกน้องแกสุดยอดไปเลยนี่แค่เวลาสองสามวันเองนะแกจัดสาวสวยได้ตั้งหลายคนพี่ยังสู้ไม่ได้เลย”เจี่ยหยวนพูดพลางเอามือโอบกัวไฮว่
“เจ้าสี่ตอนที่แกยังไม่มาพี่ใหญ่บอกแล้วว่าเด็กผู้หญิงพวกนี้ไม่ธรรมดาทั้งนั้นแกต้องจัดการให้ดีๆนะไม่งั้นคนที่จะมาจัดการก็คือคนในบ้านเด็กผู้หญิงพวกนี้เนี่ยแหละที่จะทำเสาหลักอย่างแกเละเป็นผัก”
“พี่ๆวางใจเถอะสาวสวยเงินทองอำนาจอีกไม่นานพวกเราอยากได้อะไรก็ต้องได้สิ่งนั้นพวกพี่กลับไปกันเถอะผมไม่ไปส่งนะ”กัวไฮว่เดินไปยังหน้าประตูแล้วพูดกับทั้งสามคนอย่างยิ้มๆว่า“พี่เย่าพี่กลับมาก่อนผมมีอะไรจะให้พี่”
ทั้งสามคนนิ่งอึ้งเจี่ยหยวนกับหวังเซิงมองกันและกันไม่ได้รอหลี่เย่าเดินไปยังประตูลิฟต์
“พี่เย่าผมมีลางสังหรณ์ว่าพี่ไปอเมริกาครั้งนี้จะอันตรายมากๆผมให้นี่พี่นะเอาไว้คุ้มครองชีวิต”กัวไฮว่พูดพลางยื่นกล่องหยกหน้าตาดูไม่ดีส่งไปให้หลี่เย่า
“เจ้าสี่ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกเอาของแปลกโบราณเยอะขนาดนี้มาจากไหนแต่ฉันรับของนี่ไว้แล้วกันกลับมาจากอเมริกาแล้วฉันจะมาหาแก”หลี่เย่าพูดพลางรับกล่องหยกที่กัวไฮว่ส่งมาให้จากนั้นก็จากไปอย่างเชื่องช้า
“ท่านพี่บอกแค่พิกัดที่เทพแห่งจิตลงมาคนเยอะแยะขนาดนี้ข้าจะไปหาเจอได้อย่างไรกันไม่ได้บอกว่าเขาเกิดที่ไหนจะหาได้อย่างไร”เด็กสาวอายุสิบห้าสิบหกนั่งอยู่บนยอดตึกที่สูงที่สุดในเมืองอู่เฉิงเธอมองไปยังทิวทัศน์ยามค่ำคืนนอกหน้าต่างพูดพึมพำกับตนเอง
“ก๊อกก๊อกก๊อก!”เสียงเคาะประตูดังจนรบกวนสมาธิเด็กสาว
“เข้ามา!”เด็กสาวรวบรวมสติแล้วพูดขึ้นเบาๆ
“คุณหนูอวี้เอ๋อร์นี่คือแครอทที่คุณต้องการครับ”ชายวัยกลางคนใส่ชุดสูททั้งตัวพูดพลางวางแครอทที่ล้างมาอย่างสะอาดสะอ้านตะกร้าหนึ่งลงบนโต๊ะน้ำชา
“ออกไปเถอะในนี้ไม่มีธุระอะไรของเธอแล้ว”อวี้เอ๋อร์พูดเสียงเบา“จริงสิช่วงนี้ในเมืองอู่เฉิงมีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นบ้างรึเปล่า”
“อะไรแปลกๆ?เรียนคุณหนูไม่มีครับแต่ถ้ามีเรื่องอะไรผมจะรีบมาบอกคุณทันที”ชายวัยกลางคนพูดเสียงเบา
“อือออกไปเถอะ”ชายวัยกลางคนค่อยๆปิดประตูจากนั้นอวี้เอ๋อร์ก็ไปนั่งบนโซฟาไม่นานก็กินแครอทลงท้องไป
“กินยากจัง”อวี้เอ๋อร์ไม่ได้หยิบหัวที่สองขึ้นมา“ของก็กินยากพลังปราณก็มีน้อยพลังเวทก็เหลือนิดเดียวท่านพี่จะให้ข้าตามหาเทพแห่งจิตอย่างไรกัน”
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^
https://www.kawebook.com/story/6815