[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 28 เอ็นวัว
“จู้จื่อมานี่”เมื่อตาบ้าเซวียนได้ฟังที่กัวไฮว่พูดจบก็ตะโกนออกไปทางข้างนอก เด็กหนุ่มตัวใหญ่ดุดันสูงเกือบสองเมตรเดินเข้ามา หลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กหนุ่มพวกนี้กลับมาอยู่ในครัวของร้านอาหารส่วนตัวเล็กๆร้านหนึ่งได้
“คุณปู่!”จู้จื่อเห็นตาบ้าเซวียนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“จู้จื่อฉันจะออกไปสักระยะหนึ่งจะนานเท่าไหร่ไม่แน่ใจน่าจะหนึ่งปีหรืออาจจะไม่กลับมาแล้วก็ได้ แกดูแลร้านนี้ให้ฉันดีๆนะแล้วจำไว้ด้วยล่ะว่าถ้านักเรียนพวกนี้มากินข้าวที่นี่ต้องให้กินฟรีตลอดนะ”ตาบ้าเซวียนมองจู้จื่อแล้วพูดขึ้น
“คุณปู่ผมไปด้วย”จู้จื่อจับศีรษะแล้วพูดขึ้น
“แกรู้เหรอว่าฉันจะไปทำอะไร แกจะตามไปทำอะไร”ตาบ้าเซวียนถลึงตามองจู้จื่อแวบหนึ่งแล้วพูดอย่างมีน้ำโห
“คุณปู่จะไปไหนทำอะไรผมก็จะตามไปด้วย ตอนที่พ่อผมจะจากไปเคยบอกไว้ว่าให้ผมตามปู่ไปด้วย”จู้จื่อพูดเสียงเบา
“ฉันอายุแปดสิบกว่าแล้วแกตามฉันมาตอนนี้ แล้วถ้าฉันตายไปล่ะแกจะยังตามใครอีก”ตาบ้าเซวียนมองจู้จื่อที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์แล้วพูดขึ้นอย่างจนใจ
“นายท่านเด็กนี่ดูไม่เลวเลยนะ จริงๆถ้าท่านไปแล้วกลัวว่าร้านนี้จะปิดตัวลง”กัวไฮว่พูดเสียงเบา
“จู้จื่อก่อนหน้านี้พ่อแกให้แกฟังฉันทุกอย่างไม่ใช่เหรอ”ตาบ้าเซวียนมองกัวไฮว่แวบหนึ่งนัยน์ตาเป็นประกายจากนั้นก็พูดกับจู้จื่อยิ้มๆว่า
“ครับผมจะเชื่อฟังคุณปู่”จู้จื่อกล่าวขึ้นอย่างสัตย์จริง
“ไอ้น้องไฮว่ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องเธอ เธอช่วยฉันหน่อยจะได้ไหม”ตาบ้าเซวียนพูดขึ้นเบาๆ
กัวไฮว่ไม่ได้พูดจาแต่สายตาของเขาตกไปอยู่บนร่างของจู้จื่ออีกครั้ง จู่ๆไอความประหลาดระลอกหนึ่งก็พลันเข้ามาในสมองของกัวไฮว่อย่างเงียบเชียบ
“จะ…จะเป็นไปได้ยังไง”ใจของกัวไฮว่เต้นแทบจะหลุดออกมา“เลือดลมนักเวท ไม่คาดคิดว่าภายในร่างใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้านี้จะมีเลือดลมนักเวทอยู่”
“ฉันจะออกจากเมืองอู่เฉิงแล้ว ส่วนจะไปที่ไหนนั้นฉันก็ยังไม่รู้ ฉันอยากให้จู้จื่อเจ้าเด็กนี้ติดตามเธอไป เดี๋ยวฉันไปบอกทางโรงเรียนเอง ฉันอยากให้เขาได้เรียนรู้อะไรๆจากเธอน่ะ”ตาบ้าเซวียนพูดเสียงเบา
“ฮ่าๆ นายท่านคุณคงเคยได้ยินเรื่องสี่ตัวอันตรายมาใช่ไหม ผมก็คือเจ้าสี่หนึ่งในสี่ตัวอันตรายนี่แหละ คุณจะให้เด็กบริสุทธิ์นี่มาอยู่กับผม คุณมั่นใจเหรอว่าเขาจะสะอาดบริสุทธิ์ไม่แปดเปื้อน เชื่อเหรอว่าผมจะไม่พาเขาเสียคนน่ะ”กัวไฮว่มองตาบ้าเซวียนแล้วพูดขึ้นเสียงดัง
“จู้จื่อต่อไปแกก็ตามน้องไฮว่ไปนะ เชื่อฟังเขาทุกอย่างเขาให้แกทำอะไรแกก็ทำ แกเข้าใจแล้วหรือยัง”ตาบ้าเซวียนพูดเสียงดัง
“คุณปู่ผมอยากตามคุณปู่ไป”จู้จื่อพูดดึงดัน
“นี่ปู่ยังไม่ทันไปแกก็เริ่มจะไม่เชื่อฟังปู่แล้วเหรอ”ตาบ้าเซวียนถลึงตามองจู้จื่อแวบหนึ่งแล้วพูดขึ้นเสียงดัง“ตามคนที่อยู่ตรงหน้านี่ไป ภายหลังแกถึงจะได้เป็นใหญ่เป็นโต คนทั้งหมู่บ้านถึงจะให้ความสำคัญกับแก จะได้ดีกับพ่อและแม่ที่ต่ำต้อยของแก”
“คุณปู่ผมจะฟังปู่ สวัสดีครับนายท่านไฮว่!”จู้จื่อหันศีรษะกลับไปมองกัวไฮว่ตะโกนทำความเคารพนายท่านไฮว่ ทำเอานักเรียนหญิงตาเบิกโพลง
“คนกันเองทั้งนั้น วันนี้ไม่ต้องทำกับข้าวแล้ว ไปย้ายเก้าอี้มา แล้วมากินด้วยกันเถอะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“นายท่านไฮว่เดี๋ยวผมไปเอาเมนูจื่อชี่ตงไหลมาเสิร์ฟ พวกคุณลองชิมฝีมือผมดู นี่เป็นอาหารที่ผมถนัดที่สุดแล้ว”จู้จื่อพูดแล้วก็วิ่งเข้าไปในห้องครัว
“อร่อย อร่อยจริงๆ พี่จู้จื่ออันที่มันกรุบๆนี่มันคืออะไรเหรออร่อยจังเลย ทำไมเมื่อก่อนไม่เคยเห็นเลยว่ามีอาหารเมนูนี้ด้วย”ซูเยี่ยกินคำใหญ่โดยไม่ได้สนใจภาพลักษณ์ผู้หญิงแม้แต่นิดเดียว
“เหอะๆ เธอไม่ต้องเรียกฉันว่าพี่หรอก เธอเป็นผู้หญิงของนายท่านไฮว่เรียกฉันว่าจู้จื่อก็ได้”จู้จื่อยิ้มแหยๆแล้วพูดขึ้น“นั่นคืออันนั้นคือ…”
จู้จื่อไม่ทันจะพูดออกมาก็ถูกกัวไฮว่ดึงเอาไว้
“เอ็นวัวเธอกินแล้วดูไม่ออกเหรอว่าเป็นเอ็นวัว”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“จู้จื่อในเมื่อร้านนี้จะไม่เปิดแล้วนายยังมีอะไรที่ถนัดอีกก็ไปทำสักสองอย่าง เดี๋ยวนายกลับมาฉันจะให้นายกินของดีๆ”
“จู้จื่อฉันจะบอกนายให้นะ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงของนายท่านไฮว่อะไรสักหน่อย”ซูเยี่ยพูดเสียงดังลั่นกับจู้จื่อที่วิ่งเข้าไปในครัว“โมโหชะมัด กินข้าวไปนิดเดียวก็ถูกหมอนี่เอาเปรียบจนได้”
นั่งกินข้าวกลางวันกันจนถึงบ่ายสองกัวไฮว่ก็เรอขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งแล้วค่อยๆลุกขึ้นมา“โลกมนุษย์นี่ดีจริงๆเมนูจื่อชี่ตงไหลนั่นไม่เลวเลยทีเดียว ถ้าเอาอาชาสวรรค์มาทำเมนูจื่อชี่ตงไหลจะกรุบกว่านี้ไหมนะ”เมื่อกัวไฮว่ออกมาจากร้านอาหารมองแผ่นเมฆที่อยู่กลางอากาศก็พลันคิดขึ้นมาในใจ
“เยี่ยจื่อในมือถืออะไรอยู่เหรอ”เมื่ออกจากร้านอาหารมาถังซีก็เห็นถุงใสที่อยู่ในมือของซูเยี่ยแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
“วัตถุดิบเมนูจื่อชี่ตงไหลน่ะสิ เอ็นวัวนี่ไม่เลวเลยนะ เดี๋ยวตอนบ่ายฉันจะเอาไปที่บ้านให้นายท่านได้ชิมด้วย”ซูเยี่ยพูดยิ้มๆ
“เสี่ยวเยี่ยจื่อเธอยกโทษให้ฉันเถอะ เอาของมาให้ฉันถ้าเธอเอาไปให้นายท่านบ้านเธอ กลัวว่าเขาจะมาฆ่าเราที่โรงเรียนน่ะสิ ถึงเวลานั้นตาบ้าเซวียนไม่อยู่จู้จื่อจะซวยเข้านะ”กัวไฮว่หันศีรษะกลับไปมองแล้วพูดด้วยเสียงดัง
“ตาบ้า ก็แค่ซื้อวัตถุดิบกลับบ้านเอง ฉันก็แค่ไม่อยากไปซื้อที่ร้านค้า ต้องเว่อร์ขนาดนี้เลยเหรอ”ซูเยี่ยถลึงตามองแล้วพูดขึ้น
“เยี่ยจื่อมานี่ ฉันมีเรื่องอยากบอกเธอ”กัวไฮว่ข่มใจไม่ไหวและไม่ทันให้ซูเยี่ยมีปฏิกิริยาตอบกลับก็ดึงซูเยี่ยมายังข้างกาย
“ตาบ้า ตาบ้า นายไม่บอกให้เร็วกว่านี้ล่ะ น่าขยะแขยงที่สุด”เมื่อซูเยี่ยได้ยินที่กัวไฮว่พูดขึ้นข้างหูก็โวยวายเสียงดังจากนั้นก็ทิ้งของในมือไป
“ทิ้งไปเสียดายแย่เลย เอาของมาให้ฉันเถอะ เอาไว้เวลาฉันอยากฉันจะทำกินฮ่าๆ”กัวไฮว่เห็นซูเยี่ยมีท่าทางผิดหวังก็หัวเราะเสียงดังลั่น
“ครูหลินพวกเขาเป็นอะไรไปเหรอ ของที่เยี่ยจื่อถือมีปัญหาอะไรเหรอคะ”ถังซีมองหลินซวงด้วยใบหน้าอึ้งๆแล้วถามขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอกกะ…ก็แค่เนื้อวัวที่มีคอลลาเจนเยอะ ไม่ควรจะกินเยอะน่ะ”หลินซวงเป็นใครเธอเรียนจบมาหลายปีแล้วอย่างน้อยก็รู้เยอะกว่าเด็กสาวแรกรุ่นพวกนี้เยอะ ตอนที่อาหารเพิ่งเสิร์ฟเธอกัดไปคำหนึ่งก็รู้แล้วว่ามันคืออะไรแต่เรื่องนี้จะให้พูดออกมากลางโต๊ะได้ยังไงกัน
“เหอะๆ ฉันรู้แล้วว่ามันคืออะไร ตาบ้าเซวียนตาแก่บ้านี่”เมื่อโหยวโยวโยวเห็นหลินซวงหน้าแดงเถือกก็พลันเข้าใจทันทีว่าสิ่งที่กินเมื่อครู่คืออะไร เธอไม่เคยกินทั้งยังไม่เคยได้ยินด้วยแต่เมื่อคิดแล้วก็รู้สึกขยะแขยงสิ้นดี
“ไม่พูดแล้วตอนบ่ายเตรียมตัวกลับบ้าน โยวโยว เวยเวยพวกเธอมีแพลนอะไรกันหรือเปล่า”ถังซีถามขึ้นยิ้มๆ
“เดี๋ยวพี่ชายฉันขับรถมารับน่ะ เธอไปด้วยกันไหม”โหยวโยวโยวถามขึ้นยิ้มๆ
“เดี๋ยวฉันไปดูก่อนว่าอาจารย์ฉันไปหรือยัง ถ้ายังฉันจะไปหาเขาที่นั่น แต่ถ้าเขาไปแล้วฉันจะนั่งรถไปด้วยนะ”มู่หรงเวยเวยพูดเบาๆ
“ฉันไม่พูดกับพวกเธอแล้ว เดี๋ยวฉันไปจัดการเรื่องประมูลก่อน ฝากพวกเธอบอกกัวไฮว่หน่อยนะว่าถ้าเขาอยากได้น้ำเต้าให้ไปหาฉันบ่ายนี้”หลินซวงพูดเสร็จก็เดินจากไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“โหยวโยวโยวเธอว่าทำไมครูหลินซวงถึงหน้าแดงล่ะ หรือว่าครูชอบพี่ไฮว่เหรอ”ถังซีถามโหยวโยวโยวขึ้นเสียงเบา
“ครูหลินเป็นผู้ใหญ่แถมยังไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาแบบพวกเราแล้ว จะไปชอบตาบ้านั่นได้ยังไง”โหยวโยวโยวพูดเสียงดัง แต่เมื่อพูดจบใบหน้าของตัวเธอเองดันแดงระเรื่อขึ้นมา
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^
https://www.kawebook.com/story/6815