[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 20 เริ่มการประมูล
“ของประมูลชิ้นที่สองก็คือภาพปักครอสติสที่ถังซีนักเรียนฟู่จงของเรามอบให้”หลินซวงพูดยิ้มๆ“ก่อนอื่นเลยขอให้ทุกคนปรบมือเพื่อเป็นการขอบคุณนักเรียนคนนี้ด้วยค่ะ”ภาพปักครอสติสสูงราวสามเมตรมีอักษรสี่ตัวเขียนไว้ว่า‘ชงหรู่ปู้จิง’[1]ที่ดูเต็มไปด้วยพลัง
“ยายหนูอักษรสี่ตัวนี่เธอเขียนเองเหรอ”กัวไฮว่มองถังซีที่มีสีหน้าแดงเล็กน้อยแล้วถามขึ้นยิ้มๆ“ไม่เลวเลยนี่ ฝึกฝนต่อไปนะเหลืออีกร้อยกว่าปีเธอก็ไปสอนคนอื่นได้แล้ว”
“พี่ไฮว่พี่รู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นคนเขียนเอง”ถังซีหน้าแดงระเรื่อพร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงเบา
“มีอะไรที่สามีเธอไม่รู้บ้างล่ะ เดี๋ยวฉันจะประมูลมาให้ได้ของดีแบบนี้ให้คนอื่นไปเปลืองแย่เลย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ภาพปักครอสติสภาพนี้ราคาต่ำสุดหนึ่งพันหยวนให้ราคาทุกครั้งได้ไม่ต่ำกว่ายี่สิบหยวนเริ่มได้เลยค่ะ”หลินซวงพูดยิ้มๆ
“น้องถังซีปักเองแบบนี้ผมให้หมื่นหยวน”นักเรียนมอหกคนหนึ่งพูดเสียงดัง
“ที่เรียกว่าน้องถังซีนี่นายเป็นคนตะโกนเหรอ ผมให้ราคาหนึ่งหมื่นห้าพันหยวน”เด็กหนุ่มมอห้าคนหนึ่งตะโกนเสียงดัง
“ตอนนี้เด็กๆกล้ากันกว่าพวกเราตอนนั้นอีกนะ เหอะๆ”ผู้อาวุโสท่านหนึ่งพูดยิ้มๆ
“ถ้าสุดท้ายราคาสูงกว่าตงปัวหลินจื้อที่เหล่าหลี่เอามาประมูลอีกนะ กลัวว่าเหล่าหลี่จะข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่แน่ ฮ่าๆ”ผู้อาวุโสที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นติดตลก
“ล้านนึง!”กัวไฮว่มองไปยังถังซีแล้วยกมือขึ้น
“ดูสิ นั่นแฟนของถังซีชื่อว่ากัวไฮว่ ฉันเคยเห็นรูปเขาจูบถังซีในเว็บบอร์ดโรงเรียนด้วย”นักเรียนใหม่คนหนึ่งพูดเสียงดัง
“หน้าตาก็หล่อแถมยังยอมจ่ายเงินให้แฟนอีก ฉันก็อยากได้ผู้ชายแบบนี้บ้าง”เด็กผู้หญิงคนหนึ่งพูดด้วยสายตาหยาดเยิ้ม
“ภาพปักครอสติสล้านหนึ่งสมองบวมรึเปล่า”มีบางคนพูดขึ้นด้วยความริษยา
“ล้านนึง มีสูงกว่านี้ไหมคะ”หลินซวงพูดต่ออย่างกับกลัวว่าจะไม่มีเรื่องวุ่นวาย
“หนึ่งล้านหนึ่งแสน”สีเฟยลุกขึ้นมามองถังซีแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงดัง“ภาพปักครอสติสของถังซีต้องเป็นของฉัน”
“หนึ่งล้านห้าแสน”กัวไฮว่ค่อยๆลุกขึ้นมา“นายจะต่อก็ได้นะ แบบนี้จะได้ช่วยปรับสภาพแวดล้อมทางการเรียนของอีกหลายคนให้ดีขึ้น”คำพูดของเขาหนักแน่นเสียกว่าคำพูดของสีเฟยอีก
“หนึ่งล้านหกแสน ฉันจะต่ออย่างแน่นอนเป็นไงล่ะกัวไฮว่”สีเฟยพูดต่อด้วยเสียงดัง
“ภาพปักสี่ช่องช่องละล้านก็แล้วกัน สี่ล้าน”กัวไฮว่เอ่ยขึ้นอย่างสบายๆ เพราะกัวไฮว่ใช้วิชาอ่านจิตกับสีเฟยจึงรู้ว่าหมอนี่ไม่ได้อยากได้ภาพปักครอสติสตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แค่อยากจะหาเรื่องกัวไฮว่เท่านั้น กัวไฮว่ยังรู้อีกว่าทั้งเนื้อทั้งตัวหมอนี่มีเงินแค่ห้าล้านเท่านั้นที่ตระกูลสีพอจะให้เขาใช้ได้
“สี่ล้านห้าแสนห้าหมื่น”สีเฟยหรี่ตามองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นเด็กหนุ่มใส่แว่นที่อยู่ข้างๆคนหนึ่งพูดอะไรบางอย่างที่ข้างหูของสีเฟย ส่วนผู้อาวุโสที่อยู่ข้างๆก็พยักหน้าชื่นชม
“สี่ล้านเก้าแสนเก้าหมื่นตระกูลสีแห่งเมืองอู่เฉิงไม่เลวเลยนี่”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“อาสามจะเพิ่มอีกไหมครับ”ไม่นานในใจของสีเฟยก็พลันไม่มั่นใจถามขึ้นด้วยเสียงเบา
“ให้ไปห้าล้านเถอะ หมอนี่โมโหแล้ว นายบอกราคาเสร็จก็กระตุ้นเขาอีกหน่อยแล้วก็เพิ่มราคาอีกครั้งไม่ว่าเขาจะให้เท่าไหร่ก็ให้ของเขาไป”ชายหนุ่มใส่แว่นที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นขำๆ
“ห้าล้านผมให้ห้าล้าน แน่จริงก็ต่อสิ”สีเฟยพูดเสียงดัง
“ให้ตายก็คิดว่าใครให้ท้ายอยู่ที่แท้ก็สีอวิ๋น กลัวว่าคราวนี้เจ้าสี่จะเสียเปรียบแล้ว”ตอนที่เจี่ยหยวนได้ยินสีเฟยตะโกนบอกราคาห้าล้านก็มองกัวไฮว่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับพูดเสียงเบากับหวังเซิงที่อยู่ข้างๆ
“ผมให้…เฮ้อช่างเถอะในเมื่อสีเฟยชอบภาพปักครอสติสของถังซีมาก งั้นก็ให้นายแล้วกัน ยังไงซะหลังจากนี้ถังซียังมีเวลาถักให้ฉันใหม่อีกรูป”กัวไฮว่มองสีเฟยแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ“คุณครูหลินของนี่ผมยอมให้สีเฟย มาขอบคุณเงินสมทบทุนงานประมูลครั้งนี้จากสีเฟยกันเถอะ”พูดจบกัวไฮว่ก็นั่งลงไปบนเก้าอี้ของตนเอง
“ฮ่าๆ สุดยอด สุดยอดไปเลย ไม่คิดเลยว่าคราวนี้เจ้าสี่จะไม่ลุยฮ่าๆ ครั้งนี้ตระกูลสีโง่หรือเปล่า เจ้าสามแกว่าฉันต้องไปเข้าเรียนบ้างไหมเนี่ย แกดูเจ้าสี่สิเปลี่ยนไปเยอะเลย”เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ
“ตาบ้า แบบนี้ภาพปักครอสติสของถังซีได้เงินสีเฟยไปห้าล้านน่ะสิ”ซูเยี่ยพูดด้วยใบหน้ารื่นเริง
“เมียหลวงจ๋าคงไม่โทษที่ฉันไม่ได้ประมูลภาพปักครอสติสของเธอมาใช่ไหม”กัวไฮว่พูดขึ้นเบาๆข้างหูถังซี“เพื่อเป็นการชดเชยให้เธอ เดี๋ยวดูนะว่าเธอชอบอันไหนฉันจะช่วยเธอประมูลเอง”
ของประมูลชิ้นถัดไปได้ราคาประมูลไม่ถึงหนึ่งแสน แต่ว่าทุกคนมีส่วนร่วมกันอย่างเต็มที่ทำให้งานประมูลครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ของประมูลชิ้นที่หนึ่งร้อยเป็นภาพสีน้ำมันของซูเยี่ยเมื่อกัวไฮว่ให้ราคาห้าแสนห้าคนอื่นก็ไม่มีใครกล้าให้ราคาต่ออีก ถึงแม้จะเทียบกับภาพปักครอสติสห้าล้านของถังซีไม่ได้ แต่ว่าราคาห้าแสนห้าก็เป็นราคาที่สูงที่สุดเป็นลำดับที่สองของสินค้าประมูลหนึ่งร้อยรายการแรก ทำให้จิตใจที่ทะนงของซูเยี่ยได้รับความพึงพอใจเล็กๆขึ้นมา
“เจ้าหกแกบอกว่างานประมูลครั้งนี้มีเหล้าดีด้วยเมื่อไหร่จะเริ่มล่ะ ถ้าเราประมูลเหล้ามาแล้วไม่อร่อยก็ต้องโทษแกนะเหล้าดองสามสิบปีในร้านแกหลายขวดนั่นต้องกลายเป็นของพวกเรานะ”ผู้อาวุโสที่นั่งข้างเริ่นเสวียนเช่อพูดขึ้นยิ้มๆ
“ตาแก่ฉู่กลัวว่าเราจะกินเหล้านี้ไม่ลงน่ะสิ ราคาเหล้านี่จะต่ำว่าสิบล้านไม่ได้นะ ฉันกลัวว่าต่อให้ขายร้านฉันไปก็จะไม่มีเงินเยอะขนาดนี้”ในขณะที่เริ่นเสวียนเช่อเห็นเจี่ยหยวนกับหวังเซิงเดินเข้ามาในหอประชุมตัวเขาเองก็คิดคำนวณเกรงว่าวันนี้จะต้องกลับบ้านมือเปล่า
สิบล้าน?เจ้าหกแกป่วยหรือเปล่าน้ำเต้านั่นอย่างมากก็ใส่เหล้าไว้หนึ่งกิโลครึ่ง ร้อยล้านนี่นอกซะจากว่านี่จะเป็นเหล้าที่เง็กเซียนฮ่องเต้กิน”ตาแก่ฉู่พูดขึ้นอย่างไม่แยแส
“รอดูเถอะยายหนูตระกูลหลินนี่เตรียมจะเอาเหล้านี่มาเปิดฉากรองสุดท้ายแล้วล่ะ”เริ่นเสวียนเช่อมองหลินซวงพร้อมพูดด้วยเสียงเบา
หนึ่งวันก่อนหน้านี้หลินซวงปรากฏตัวอยู่ในร้านของเริ่นเสวียนเช่อในมือถือน้ำเต้าเหล้าใบหนึ่งเริ่นเสวียนเช่อมองปราดเดียวก็เข้าใจน้ำเต้านั่นคล้ายคลึงกับน้ำเต้าที่อยู่ในมือกัวไฮว่นักหากข่าวที่ว่าเด็กนั่นจะประมูลขายเหล้าในวันนั้นเป็นเรื่องจริงน้ำเต้านี่ก็เป็นของกัวไฮว่ไม่ผิดเพี้ยนแน่
“คุณปู่เริ่นวันนี้ฉันไม่ได้มาขอกินข้าวฟรี วันนี้ฉันมาฟังข่าวจากท่านเรื่องหนึ่ง”หลินซวงพูดยิ้มๆ
“ถ้าเหล้านี่เป็นเหล้าที่เด็กที่ชื่อว่ากัวไฮว่ให้เธอมาล่ะก็งั้นก็ไม่ต้องถามแล้ว เหล้านี่ก็เอาเป็นไปสินค้ารองสุดท้ายของงานประมูลครั้งนี้เถอะ”เริ่นเสวียนเช่อส่ายศีรษะพลางพูดขึ้น
“ปู่หกคะไม่ต้องเทออกมาชิมเหรอถ้าเหล้าในน้ำเต้าที่กัวไฮว่เอามาประมูลไม่เหมือนกับที่ท่านเคยกินก่อนหน้านี้ล่ะแล้วถ้าถูกชายไปในราคาสูงงั้นพวกเราไม่ทำผิดกันอยู่หรอกเหรอ”หลินซวงพูดยิ้มๆ
“จริงสิชิมก็ได้”เริ่นเสวียนเช่อเลียริมฝีปากอย่างรุนแรง“แต่ว่าถ้าเหล้านี่เป็นของจริงไม่ว่าเหล้านี่จะขายไปในราคาเท่าไหร่เราสองคนต้องจ่ายราคาที่พวกเรากินไปด้วยนะไม่งั้นถ้ามีข่าวลือออกไปในฟู่จงจะไม่ดีกับงานประมูลในครั้งนี้”
[1]มีความหมายว่ามิได้ตื้นตันใจด้วยเกียรติยศ
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^
https://www.kawebook.com/story/6815