[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 2 ร้อยเซียนมาส่ง
“คั่งจินหลง เจ้าก็อยู่นี่หรือ” ระหว่างที่พูดคุยกัน ก็มีชายผู้หนึ่งเหาะมาจากที่ไกลๆ เขาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นเซียนเท้าเปล่า
“ท่านเซียน” เทพทหารสี่นายพูดอย่างนบนอบ
“ทุกท่านโปรดวางใจ ข้าแค่มาส่งท่านเทพเท่านั้น” เซียนเท้าเปล่าพูดพลางก้าวมาข้างหน้า ก่อนจะมองเทพแห่งจิตด้วยรอยยิ้ม
“ดูท่าข้าจะไม่ได้มาสาย สหาย อย่าถือโทษที่พวกข้าไม่ได้แก้ต่างให้ท่านในตำหนักกระดิ่งทองเลย” ผู้ที่มาถึงคือท่านเทพเจิ้นหยวน “เมื่อสหายถึงแดนมนุษย์ สามารถไปเยี่ยมเยียนที่อู่จวงกวนได้ แม้จะไม่เป็นทิวทัศน์แบบคราก่อน ทว่าก็นับเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง”
“น้องเจิ้นหยวนก็อยู่หรือ ดูท่าพวกเราจะไม่ได้มาช้าไป” เทพเจ้าหลี่เทียนหวังก็รีบพานาจามาด้วย
หลังจากที่มหาจตุโลกบาลตามมาส่ง ก็มีกลุ่มดาวทั้งยี่สิบสาม กงเฉา[1]ทั้งสี่ พระโพธิสัตว์จำนวนสองสามท่าน ถึงกระทั่งเจ็ดนางฟ้าล้วนตามมาส่ง
“ท่านเทพแห่งดาวศุกร์ คลายผนึกสหายเถอะ ให้เขาได้พูดจาสักหน่อย” เทพเจิ้นหยวนพูดพร้อมยิ้มให้กับเทพแห่งดาวศุกร์ที่เพิ่งตามมาส่งเป็นคนสุดท้าย
“ผู้น้อย เจ้าอย่าโกรธข้าเลย สถานการณ์ตอนนั้นมันบังคับ เจ้าน่าจะเข้าใจนะ” เทพแห่งดาวศุกร์คลายผนึกเทพแห่งจิต พูดพลางส่ายศีรษะ
“ทุกท่าน ในเวลาที่ข้าเทพแห่งจิตถูกเนรเทศ มีผู้มาส่งเยอะขนาดนี้ ชีวิตนี้ข้าก็พอใจแล้ว” เทพแห่งจิตไม่ได้เลิกใช้วิชาอ่านจิต ไม่ว่าผู้ที่มาจะมาด้วยใจจริงหรือเสแสร้ง ทว่าในเมื่อภายหลังตนเองจะกลายเป็นปุถุชนธรรมดา เกรงว่าจะไม่ได้เจอผู้คนที่อยู่เบื้องหน้าเหล่านี้แล้ว
“ท่านเซียนทุกท่าน ถึงเวลาแล้ว พวกเราต้องพาเทพแห่งจิตกลับไปยังกงล้อวัฏสงสารแล้ว” เทพทหารที่จับเขาไว้รอมาเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามเต็มๆ จึงกล่าวด้วยเสียงค่อย
“ท่านเซียนไม่ต้องส่งแล้ว เมื่อข้าใช้ชีวิตอยู่ด้านล่างดีแล้ว หากพวกท่าน ท่านใดถูกเนรเทศลงไป ไว้ไปกินดื่มเที่ยวพนันกัน” พูดจบก็เดินตามเทพทหารสี่นายไปยังกงล้อวัฏสงสาร เหล่าเทพฟังคำของเทพแห่งจิตเสร็จก็หน้าถอดสี
“พี่ใหญ่ กงล้อวัฏสงสาร ท่านพาท่านเทพไปภพไหนหรือ” เทพทหารที่อยู่ท้ายแถวพูดเสียงค่อย
“เจ้าสี่ เจ้าโง่หรือไง เมื่อกี้ไม่เห็นหรือมีคนมาส่งเขาเยอะขนาดนี้ หากเจ้ากล้าพาเขาไปภพเดรัจฉาน พวกเราก็ไม่ต้องอยู่ในสวรรค์กันแล้ว ไปภพมนุษย์ ให้ท่านเทพลงไปแดนมนุษย์ก็พอแล้ว” หัวหน้าเทพทหารมองลูกน้องของตนแล้วแทบอยากจะเตะเขาลงไปภพเดรัจฉานยิ่งนัก
“ท่านเทพ ท่านสูงศักดิ์นัก ท่านลงไปเองเถอะ ถือว่าภารกิจของพวกเราในวันนี้ลุล่วงแล้ว หากวันหน้าท่านกลับมาอีกพวกเราจะต้องจัดเหล้าและอาหารชั้นดีมาเป็นการต้อนรับท่านแน่นอน” หัวหน้าเทพทหารพูดด้วยความเป็นมิตร
“ขอบคุณพวกท่านมาก” พูดจบ เทพแห่งจิตก็เตรียมกระโดดลงไปยังภพมนุษย์ “แค่มองฉางเอ๋ออาบน้ำถูกเนรเทศก็แล้วไป แต่ข้าไม่ได้เห็นแม้แต่ก้น มารดามันสิ ไม่ให้โอกาสข้าได้อธิบายบ้างเลย แดนมนุษย์ ข้ากลับมาแล้ว” เทพแห่งจิตคิดในใจเงียบๆ
วังแห่งจันทรา สถานที่ที่ลึกลับที่สุดในสวรรค์ เป็นเพราะมีสตรีที่งดงามที่สุดอาศัยอยู่ ผู้ที่มาเยือนสวรรค์ชั้นเก้าล้วนรู้กันทั่วว่าอย่าไปแหย่สตรีนางนี้ ไม่เช่นนั้นจะต้องรับผิดชอบผลลัพธ์เอง ครานั้นตือโป๊ยก่ายล่วงเกินเทพธิดาฉางเอ๋อเข้าจึงถูกเนรเทศมาแดนมนุษย์? ตลกสิ้นดี หากตือโป๊ยก่ายล่วงเกินเทพธิดาฉางเอ๋อ เกรงว่าตอนนี้คงกลายเป็นหัวหมูแล้ว
“อวี้เอ๋อร์ เทพแห่งจิตลงไปแดนมนุษย์แล้ว เจ้ามีคุณความดีไม่น้อยกระมัง” เทพธิดาฉางเอ๋อมองอวี้ทู่แล้วยิ้มพลางเอ่ยถามขึ้น
“ท่านพี่ อวี้เอ๋อร์มิกล้า” สตรีงดงามผู้หนึ่งกล่าวเสียงเบา “สุราที่เทพแห่งจิตดองรสชาติอร่อยยิ่งนัก ข้าแค่ละโมบดื่มไปหลายจอก คิดไม่ถึงว่าเขาจะ…”
“อาจเป็นเพราะเขาชอบเจ้า” เทพธิดาฉางเอ๋อยิ้มมุมปาก “เจ้าเด็กนี่ หักห้ามใจไม่ได้ เจ้าก็ลงไปหาเขาเถอะ” พูดจบเทพธิดาฉางเอ๋อก็โบกมือ จากนั้นกลางอากาศก็พลันปรากฏประตูบานใหญ่ อวี้เอ๋อร์ขบฟันแล้วเดินเข้าไป
“อู๋กัง หากไม่อยากตายก็รีบไสหัวไป เก่งแล้วนะเดี๋ยวนี้ ลอบฟังข้าพูด” เทพธิดาฉางเอ๋อตะโกนเสียงดังในอากาศ ชายรูปร่างสูงเกือบสองเมตร ดูสง่าผ่าเผยผู้หนึ่งก็แบกขวานขนาดใหญ่เดินออกมา
“ท่านพี่ ให้อวี้เอ๋อร์ลงไปแดนมนุษย์จะไม่เป็นไรหรือ” อู๋กังกล่าวเสียงค่อย
“ให้นางไปเที่ยวเล่นด้านล่างสักร้อยวัน เมื่อถึงเวลาเจ้าค่อยลงไปพานางขึ้นมา หรือว่าเจ้าก็ชอบพออวี้เอ๋อร์” เทพธิดาฉางเอ๋อหรี่ตาพูด “อวี้เอ๋อร์ดูดีกว่าเมื่อก่อนไม่น้อยจริงๆ หน้าอกก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ”
“อืม ดูดีขึ้นทุกวัน” อู๋กังตอบอย่างมีความหมาย
“เช่นนั้นนางดูดีหรือว่าข้าดูดี” มุมปากเทพธิดาฉางเอ๋อปรากฎรอยยิ้มร้าย มองอู๋กังที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความคาดหมาย
“แน่นอนว่าท่านพี่ดูดี ท่านพี่สวยกว่านางมากโข” น้ำลายอู๋กังแทบจะไหลออกมา
“มากโขกับผีสิ ไปตายเสียไป” พูดจบ พลังอันน่ากลัวระลอกหนึ่งก็โจมตีอู๋กัง เวลานี้อู๋กังเพิ่งรู้ตัวว่าตนทำผิดมหันต์ ยังไม่ทันจะมีปฏิกิริยาตอบกลับก็ถูกโจมตีลอยสูงเกินกว่าหมื่นเมตร ขวานขนาดใหญ่ตกลงบนสมองของตน โชคดีที่ไม่ใช่ด้านที่แหลมคม
“ผู้ชาย ไม่มีดีกันสักคน” เทพธิดาฉางเอ๋อมองอู๋กังที่อยู่ไกลขึ้นเรื่อยๆ แล้วพูดอย่างเหี้ยมโหด
“นายท่าน คุณนาย คราวนี้เกรงว่าจะช่วยชีวิตนายน้อยไม่รอดแล้ว กระดูกสมองแตกเละ กระดูกซี่โครงแทงทะลุปอด กระดูกสันหลังแตกออกเป็นแปดส่วน ไม่มีทางจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้” ภายในคฤหาสน์อันหรูหรา ชายชราท่าทางดูเหมือนกับหมอผู้หนึ่งพูดกับคู่สามีภรรยาอายุราวห้าสิบปีด้วยเสียงค่อย
“หมอหลิว ช่วยดูอีกทีเถอะ ถึงเสี่ยวไฮว่จะนิสัยแย่ แต่ก็ไม่มีโทษถึงตายหรอกมั๊ง เมื่อก่อนมีโรคที่ยากจะรักษาคุณหมอก็รักษามาแล้ว ครั้งนี้คุณหมอช่วยดูอีกรอบเถอะ” คุณนายพูดเสียงเบา ในตาเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
หมอหลิวพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินเข้าไปในห้องอีกรอบ
เด็กหนุ่มผู้หนึ่งนอนอยู่บนเตียง แม้กะโหลกศีรษะจะแหลกเป็นผุยผง แต่ก็ยังพอดูออกว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีหน้าตาไม่เลว
“รถหรูชนเข้ากับภูเขาไป่หวน หอบลมหายใจกลับมายังบ้านหลิวได้ ก็ถือว่าเป็นโชคดีในโชคร้ายแล้ว ช่วยเขา จะช่วยอย่างไรล่ะ” หลิวอี้เตายื่นมือไปลูบคอที่ตกลงมาของนายน้อย “บางทีถ้าเด็กนี่ตายก็ดี อย่างน้อยเมืองอู่เฉิงจะได้เสียตัวอันตรายไปหนึ่ง”
“ถ้าหากคุณช่วยเขา เขาอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้” ในขณะที่นิ่งอึ้งอยู่นั้น ในสมองก็พลันปรากฏประโยคหนึ่งขึ้นมา มือที่คาไว้บนคอของนายน้อยก็ลดลงไปวางบนชีพจร
เทพแห่งจิตถูกเนรเทศลงมายังแดนมนุษย์ ไม่ได้เกิดใหม่แบบผู้อื่น เขาใช้วิชาอันล้ำค่าวิชาหนึ่ง ทำให้วิญญาณของตัวเองเดินท่องเที่ยวอยู่ในโลกมนุษย์ ท่องเที่ยวตั้งแต่อดีตเลย? เขาไม่ได้มีเวลาเยอะขนาดนั้นหรอก ในเมื่อมายังแดนมนุษย์แล้วก็ให้มันดีๆ หน่อย ในเวลาหนึ่งวัน เขาได้เรียนรู้เรื่องคร่าวๆ ของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน ต่อมาก็ได้บังเอิญเห็นเหตุการณ์รถซิ่งของนายน้อยตระกูลกัวที่เกิดอุบัติเหตุ
“เด็กนี่หน้าตาไม่เลว ได้ขับรถดีๆ เช่นนี้ สภาพครอบครัวก็คงจะไม่เลว แต่รูปร่างแย่ไปนิด แย่ก็แย่ไปสิ ไม่รู้ว่าชีวิตนี้ข้าจะได้กลายเป็นเซียนหรือเปล่า เจ้าเนี่ยแหละ” พูดเสร็จวิญญาณของเทพแห่งจิตก็ผนึกเข้าไปบนร่างนายน้อยตระกูลกัวทันที
“นายท่าน คุณนาย นายน้อยเขา…ยังช่วยชีวิตนายน้อยได้” จากนั้นครึ่งชั่วโมง หลิวอี้เตาเดินกะเผลกออกมาจากห้องของกัวไฮว่ เขารู้เพียงแค่ว่าร่างกายของนายน้อยกัวแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่อาจผ่าตัดทำให้ร่างกายเป็นเหมือนเดิมได้แต่คาดไม่ถึงว่าจะฟื้นกลับมาจนสมบูรณ์ ถึงแม้ตอนนี้จะทำให้ผู้อื่นรู้สึกถึงความเฉียดตาย แต่ก็เหลือแค่แผลบาดที่เจ็บด้านนอกเท่านั้น
“หมอหลิว คะ…คุณพูดจริงใช่ไหม เสี่ยวไฮว่ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” คุณนายกัวถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา กัวไฮว่เป็นลูกคนเดียวตระกูลกัว หากกัวไฮว่เป็นอะไรไป คุณนายคงจะรับไม่ได้กับเรื่องแบบนี้แน่
“เมื่อกี้ผมอยู่ในห้องช่วยนายน้อยจัดการกับร่างกาย ตอนแรกยังคิดว่าต่อกระดูกให้ไม่ได้แล้ว โชคดี โชคดีมากจริงๆ แต่ว่าถ้าอยากฟื้นฟูก็ต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย” หลิวอี้เตาพูดเสียงค่อย เขาไม่รู้ว่าจะฟื้นร่างกายนายน้อยกัวอย่างไร แต่ถึงแม้เขาจะไม่รู้ แต่ภาระที่ตกอยู่บนร่างของตนนี้ก็ไม่ได้มากเกินไป
“คุณหมอหลิว นี่เงินล้านนึง คุณรับไว้ก่อนเถอะ ต่อไปยังต้องให้คุณหมอช่วยเหลือให้กัวไฮว่ฟื้นตัวอีกมาก” นายท่านกัวให้พ่อบ้านส่งเช็คมูลค่าหนึ่งล้านให้แก่หลิวอี้เตา แล้วพูดด้วยความซาบซึ้งใจ
“นายท่านวางใจเถอะ ผมจะช่วยให้นายน้อยฟื้นฟูร่างกายเอง” หลิวอี้เตาพูดพลางรับเช็คเงินสดมูลค่าหนึ่งล้าน
[1] ชื่อตำแหน่งขุนนางสมัยก่อน
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^
https://www.kawebook.com/story/6815