[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 161 ยังมีคำถามไหม
“ไอ้น้องโต้วเทียน ไม่ได้เจอกันนานเลย สบายดีใช่ไหม” ณ ห้องใต้หลังคาชั้นสูงสุดของเมืองเซวียนหยวน หลังจากที่ได้ฟังเซวียนหยวนเถิงเฟยเล่าสถานการณ์ในวันนี้เสร็จ เซวียนหยวนซยงเฟิงผู้เป็นผู้นำตระกูลเซวียนหยวน ก็ต่อสายโทรหาหลี่โต้วเทียน
“พี่ซยงเฟิง มีอะไรก็บอกมาตรงๆ เถอะ จะมัวมาเกรงใจฉันทำไมกัน” หลี่โต้วเทียนพูดยิ้มๆ ดูทรงกัวไฮว่ตามตระกูลเซวียนหยวนไปถึงบ้านตระกูลเซวียนหยวนแล้ว เจ้าหมาป่านี่ ไม่ว่าจะเรื่องไหนๆ ก็คำนวณเอาไว้ก่อนแล้ว
“ฮ่าๆ น้องโต้วเทียนยังเป็นเหมือนเดิมเลยนะ งั้นฉันจะพูดตรงๆ แล้วกัน บอกเรื่องเกี่ยวกับเด็กนี่ให้หน่อยสิ” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดยิ้มๆ
“พี่ซยงเฟิง ผมว่าตอนนี้ข้างมือพี่ก็น่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับกัวไฮว่อยู่ครบหมดแล้วนะ ยังต้องให้ผมบอกอีกเหรอ” หลี่โต้วเทียนพูดยิ้มๆ “หลานของกัวหลิวอี้ ลูกชายของกัวเทียน สี่ตัวอันตราย ตัวอสรพิษ ตอนนี้กลับมาอยู่ในร่องในรอยแล้ว เปิดคลินิกแห่งหนึ่ง ไม่ทราบว่าพี่ซยงเฟิงยังอยากรู้อะไรอีกเหรอ”
“น้องโต้วเทียน พูดแบบนี้ก็ไม่สนุกน่ะสิ บอกอันที่มีประโยชน์หน่อยสิ อีกไม่กี่วันกองทัพจะมีประชุม แกมาร่วมด้วยสิ ฉันมีเหล้าหมักเป็นร้อยปีด้วยนะ ถึงจะสู้เหล้ารสเลิศที่วันนี้แกให้คนเอามาให้ฉันไม่ได้ แต่ก็อร่อยกว่าที่แกกินปกติแน่นอน” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดยิ้มๆ
“ฮ่าๆ บอกพี่ตามตรงเลยแล้วกันนะ เมื่อก่อนผมตามเช็ดก้นให้เด็กนี่มาตลอด เกิดอะไรขึ้นกับเขาผมไม่รู้หรอก หลานผมที่เป็นพี่น้องต่างสายเลือดมันก็ไม่รู้เหมือนกัน มีข่าวลือมากมาย แต่มีข่าวเดียวที่น่าเชื่อได้คือหลายปีมานี้เขาน่าจะถูกสำนักลึกลับสำนักหนึ่งรับเอาไว้เป็นศิษย์ ไม่งั้นจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนั้นได้ยังไง” หลี่โต้วเทียนพูดเบาๆ “ถ้าพี่อยากกินเหล้าที่วันนั้นผมให้พี่ละก็ พี่ก็ไปประจบกัวไฮว่เด็กนั่นสิ เขาเป็นคนให้เหล้าผมมาเอง ฮ่าๆ” พูดเสร็จหลี่โต้วเทียนก็วางสายไป
“สำนักลึกลับ? น่าสนใจนี่ ถึงว่าเถิงเฟยพูดว่าดูหยิ่งๆ ฮ่าๆ ไปเจอหน่อยดีกว่า ไม่ได้เจอเด็กที่น่าสนใจแบบนี้มานานแล้ว” ในขณะที่พูด เซวียนหยวนซยงเฟิงผู้เป็นหัวหน้าตระกูลเซวียนหยวนก็เดินออกจากห้องใต้หลังคาไป
“เม่ยเอ๋อร์ เชี่ยนเชี่ยน คุยอะไรกันอยู่น่ะ ดูดีใจขนาดนั้น” เซวียนหยวนเถิงเฟยเดินมาหาทั้งสามคนพร้อมกับพูดยิ้มๆ “น้องไฮว่ เตรียมข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันนี้พวกเธอเหนื่อยมามาก ไปเถอะ ไปกินข้าวด้วยกัน ให้พวกเธอได้ผ่อนคลายกัน”
กัวไฮว่ผงกศีรษะเบาๆ จากนั้นทั้งสี่ก็ไปที่ห้องรับแขกบ้านตระกูลเซวียนหยวนด้วยกัน เซวียนตั่วเจอเหตุการณ์โจรจี้เครื่องบิน ทำเอาทุกคนในตระกูลเซวียนหยวนวุ่นวายกันทั้งวัน เมื่อถึงเวลารับประทานอาหาร พวกเขาเห็นเซวียนหยวนซยงเฟิงที่ห้องรับแขก ทำเอาทุกคนรู้สึกประหลาดใจ ถึงแม้ว่านายท่านจะรักเถิงเฟยมาก ทว่าก็ไม่น่าจะถึงขั้นลงมากินข้าวกับพวกเด็กๆ หรอกมั้ง ยิ่งไปกว่านั้นน้อยมากที่นายท่านมารับประทานอาหารเย็น
“ทำไม มัวอึ้งอะไรกันอยู่ ฉันจะมากินข้าวที่ห้องอาหารไม่ได้หรือไง” ในขณะที่เซวียนหยวนเดินเข้ามาในห้องรับแขกก็สัมผัสได้ว่าทุกคนต่างก็หยุดงานที่ทำมามองที่ตนเอง
“พ่อ ดูพ่อพูดเข้า แต่เด็กพวกนี้กลับบ้านมาก็ไม่ได้อยากจะรบกวนพ่ออยู่แล้ว เถิงเฟยนี่ก็จริงๆ เลย จัดการปัญหาเรียบร้อยแล้วยังทำให้พ่อวุ่นวายได้” เซวียนหยวนหัว ลูกชายคนที่สองของเซวียนหยวนซยงเฟิง อาสองของเถิงเฟยพูดยิ้มๆ
“พวกเธอไปกินข้าวที่ห้องอาหารเล็กเถอะ วันนี้มีแขกคนสำคัญ พวกเธออย่าไปร่วมเลย เถิงเฟยอยู่นี่ก่อน ตั่วเอ๋อร์เองถ้าไม่มีอะไรก็อยู่นี่ก่อน เจ้าสามอยู่นี่ หู่จื่อ เสี่ยวเวย ซือซือ พวกเธอสามคนก็อยู่นี่ ส่วนคนอื่นไปเถอะ” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดด้วยเสียงดัง คนอื่นๆ จึงเดินออกไปจากห้องรับแขกด้วยความจนใจ โดยปกติแล้วนายท่ายไม่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องรางภายในบ้าน ทว่าอย่างไรก็ต้องเชื่อฟังคำพูดของนายท่าน
“พี่เถิงเฟย แขกคนสำคัญที่คุณปู่พูดถึงคือคนที่พี่บอกพวกเราเมื่อกี้ว่าช่วยชีวิตพี่สะใภ้งั้นเหรอ” เด็กชายหน้าตาน่ารักอายุสิบสามสิบสี่ปีคนหนึ่งถามขึ้นเบาๆ
“หู่จื่อ เดี๋ยวเขามาแล้วแกก็จะรู้เอง แกจะตื่นเต้นไปทำไมกัน” เซวียนหยวนเวยพูดยิ้มๆ ทั้งสองอายุไล่เลี่ยกันจึงพูดคุยกันอย่างสนุกสนานคึกคัก
“อาสอง กินข้าวเสร็จแล้วออกมาทำไมเหรอคะ” เซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนเดินมาถึงด้านหน้าของห้องรับแขกก็เห็นเซวียนหยวนหัวและคนอื่นๆ เดินออกมาจากห้องรับแขกก็ถามยิ้มๆ
“ยายหนู มัวเอ้อระเหยอยู่นั่น รีบไปเร็ว วันนี้ปู่เธออยู่ที่ห้องรับแขก ถ้าเธอไม่อยากถูกด่าก็รีบเข้าไป เสี่ยวเม่ยเอ๋อร์ก็อีกคน เธอพาเชี่ยนเชี่ยนไปเตร็ดเตร่ล่ะสิ” เซวียนหยวนหัวพูดเสียงดัง ทว่าสายตาก็ตกมาอยู่บนร่างของกัวไฮว่ หรือว่าเด็กนี่จะเป็นแขกคนสำคัญที่นายท่านบอก
เมื่อเซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนได้ยินคำว่าคุณปู่ก็อดที่จะแข็งสะท้านขึ้นมาไม่ได้ ณ หมู่บ้านอวิ๋นหัวซานเจอใครพบเธอก็เป็นต้องหัวหด ยกเว้นกับคุณปู่ของตนคนเดียว ไม่งั้นนายท่านจะเล่นงาน คิดๆ ไปเซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนก็จูงมือหูเม่ยเอ๋อร์แล้วรีบก้าวเข้าไปในห้องรับแขก กัวไฮว่ยกยิ้มตรงมุมปาก วันนี้เกิดเรื่องมากมายเลยทีเดียว
ทั้งสามคนเดินเข้าไปในห้องรับแขก เซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนจูงมือหูเม่ยเอ๋อร์เดินไปนั่งยังที่ที่อยู่ไกลจากเซวียนหยวนซยงเฟิงที่สุด จากนั้นก็ชี้ไปตรงข้างๆ ส่งสายตาให้กัวไฮว่
“ผมนั่งนี่ดีกว่า ตรงนั้นหวงจุ้ยไม่ดี” กัวไฮว่พูดพลางนั่งลงที่สูงก่อนจะเงยหน้ามองเซวียนหยวนซยงเฟิงพร้อมกับยกยิ้มตรงมุมปาก
“ฮ่าๆ ได้ยินตั่วเอ๋อร์บอกว่าเจอหมอเทพบนเครื่องบิน เลยโทรไปถามหลี่โต้วเทียน เห็นบอกว่าเป็นหลานของน้องหลิวอี้ หลายปีมานี้ได้ยินเรื่องของเธอมานิดหน่อย วันนี้ได้เจอกัน เธอดูไม่เลวเลยนะ” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดยิ้มๆ
“ฮ่าๆ นายท่าน ที่คุณบอกว่าไม่เลวนี่หมายถึงทักษะจีบสาวผมไม่เลว หรือว่าทักษะซิ่งรถผมไม่เลว หรือว่าทำคลินิกออกมาได้ไม่เลวเหรอ” กัวไฮว่พูดหยอกล้อ ดูทรงแล้วชายชราตระกูลเซวียนหยวนนี่จะตรวจสอบเบื้องหลังของตนมาแล้ว เตรียมตัวมาแล้ว
“เฮอะๆ น่าสนใจนี่ ฉันก็พูดไปงั้นแหละ เรามากินข้าวไปคุยไปกัน” เมื่อเซวียนหยวนซยงเฟิงพูดเสร็จ ลูกชายทั้งสามของเขาก็ลุกขึ้นมาแล้วเดินออกไป แล้วให้คนที่อยู่ตรงประตูเตรียมเสิร์ฟอาหาร
กัวไฮว่เห็นผลไม้ที่อยู่บนโต๊ะก็ยื่นมือออกไปหยิบแอปเปิลอย่างไม่ได้สนใจใคร ในมือเขาปรากฏกระบี่เฟยเจี้ยนด้ามเล็กขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็ปอกเปลือกแอปเปิลราวกับแกะสลักดอกไม้
“พวกคุณมองผมทำไม อยากกินก็ปลอกเอาเองสิ นี่บ้านพวกคุณนะ ผมเป็นแขก คงจะไม่ให้แขกอย่างผมปอกแอปเปิลให้พวกคุณใช่ไหม” กัวไฮว่มองคนทั้งโต๊ะก็เห็นว่าทุกคนไม่ว่าจะหญิงชายแก่เด็กต่างก็มองมาที่ตนจึงอดพูดขึ้นมาไม่ได้ “ผมรู้ว่าผมหล่อ แค่วันนี้แต่งตัวไม่ค่อยดี แต่ก็ระยิบระยับเหมือนหิ่งห้อยในยามราตรี แต่พวกคุณเองก็ไม่ต้องมองผมแบบนั้นก็ได้ ผมชอบแค่ผู้หญิง อย่างน้อยก็ต้องแบบพี่เม่ยเอ๋อร์ผมถึงจะชอบ”
“พี่ใหญ่ ผมชื่อเซวียนหยวนเวย สุดยอดไปเลย พี่หน้าหนากว่าผมอีก ผมได้ยินเรื่องพี่มาจากพี่สะใภ้แล้วล่ะ กินข้าวเสร็จพี่ช่วยผมดูอาการหน่อยได้ไหม ผมเพิ่งจะสิบสามปีแต่เจ็บเข่ามากเลย พี่ช่วยดูหน่อยว่าเป็นอะไร ถ้าไม่ไหวก็ฝังเข็มให้ผมด้วย” เซวียนหยวนเวยพูดยิ้มๆ
เซวียนหยวนเถิงเฟยเองก็ไม่ได้พูดไม่ได้จา เขามองหลานๆ พูดคุยเฮฮาอยู่กับกัวไฮว่
“สิบสามปี ไม่มีปัญหาสารอาหาร แต่ระวังชีวิตส่วนตัวหน่อย ยังเด็กอยู่แต่ความต้องการมีมาก ไม่ช้าไม่นานร่างกายก็จะปลอดโปร่ง เดี๋ยวฉันสั่งยาบำรุงไตให้นายหน่อยนึง ไปรักษาเองเถอะไป การเจ็บเข่าเกิดจากในร่างกาย อีกอย่างนะ แฟนนายที่คบอยู่นี่น่าจะเกิดวันที่เก้าเดือนเก้า เต็มไปด้วยพลังหยิน เหมาะกับร่างกายที่เต็มไปด้วยพลังหยางบริสุทธิ์มากเลย ถ้าพวกเธออยากอยู่ด้วยกันไว้วันไหนค่อยพาเธอมาหาฉันด้วยกันสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ทำเอาเซวียนหยวนเวยหน้าแดงเถือกขึ้นมา เซวียนหยวนซยงเฟิงมองไปยังหลานคนเล็กของตน อายุแค่สิบสามปีก็มีความต้องการมากเกินแล้ว ดูทรงตัวเองต้องจัดการเรื่องตระกูลเซวียนหยวนให้ดีหน่อยแล้ว
“เสี่ยวเวย ดูไม่ออกเหรอ ความต้องการมากเกิน ฮ่าๆ” หู่จื่อพูดยิ้มๆ
“นายยังดีกว่าเขาหน่อยนึง แต่ถ้ายังกินยาพวกนั้นต่อนะ ไม่เกินสามสิบปีหรอก เทพเซียนก็ยากจะช่วยนายแล้ว” กัวไฮว่มองหู่จื่อพร้อมกับพูดขึ้น
“มีใครอยากจะถามอีกไหมครับ ถ้าไม่ถาม อาหารก็เสิร์ฟแล้วงั้นก็มากินข้าวกันดีกว่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ สายตาของเขาเห็นแล้วว่าเซวียนหยวนซยงเฟิงหน้าถอดสีไปแล้ว