[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 159 ท้องป่อง
ปู๋เอ้อร์เต้าเหรินมองเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ความสามารถด้านการแพทย์ที่แสดงออกมาบนเครื่องบินก็ทำเอาเขาตกอกตกใจแล้ว ทั้งยังเผชิญหน้ากับยอดฝีมือเซียนเทียนถึงสี่รายยังมาอวดว่าจะสู้สี่ต่อหนึ่ง ต้องมีศักยภาพไม่อ่อนด้อยแน่ ทว่าจากศักยภาพเหล่านี้ไม่น่าไปแตะต้องตระกูลกู่ที่มีประวัติมาเป็นพันปีหรอกมั้ง ทว่าปู๋เอ้อร์เต้าเหรินไม่อาจมีวิธีโน้มน้าวเด็กหนุ่มคนนี้ได้ เด็กคนนี้ทำเขารู้สึกได้ว่ามั่นใจในตนเองมากเกินไป
“พ่อหนุ่ม ตระกูลกูลกู่หนักหนามากเลยนะ ถ้าจัดการไม่ไหวก็อย่าฝืน ถ้าตระกูลกู่ลงมือฆ่าก็มาหาฉันที่เขาซู่ซาน ขอแค่ไม่มากจนเกินไปก็ส่งตระกูลกู่มาให้ฉัน” ปู๋เอ้อร์เต้าเหรินพูดเบาๆ
“ขอบคุณมากนะครับ คุณหาวิธีหาของพวกนี้มาเถอะ เพียงแค่ของมีครบ เรื่องของเสี่ยวอวิ่นก็เอามาให้ผมจัดการ” กัวไฮว่ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ปู๋เอ้อร์เต้าเหริน
“ตาบ้า นายไม่เป็นไรใช่ไหม” เมื่อกัวไฮว่เปิดโทรศัพท์ก็มีสายที่ไม่ได้รับจากหลินซวงสิบกว่าสาย เลยผงกศีรษะแล้วโทรกลับไปก็พบว่าหลินซวงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตระหนกตกใจ
“ไม่เป็นไร ยังไม่ถึงเมืองหลวง น่าจะถึงพรุ่งนี้เช้า ทำไม คิดถึงฉันเหรอ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ก็เครื่องบินที่นายนั่งโดนจี้น่ะสิ จัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม” หลินซวงถามต่อ
“ใช่สิ ผู้ชายของเธอนั่งอยู่บนเครื่องบิน ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ต้องคุกเข่าให้ฉัน” กัวไฮว่พูดหยอกล้อ “วางใจเถอะ จัดการปัญหาเรียบร้อยแล้ว รอให้ฉันจัดการเรื่องตระกูลกู่ให้เสร็จก่อนเดี๋ยวฉันจะติดต่อกับเธอ ปู่โต้วเทียนมาแล้วล่ะ น่าจะมีเรื่องอะไรมาหาฉัน” พูดเสร็จกัวไฮว่ก็วางสายไป พลางมองไปยังหลี่โต้วเทียนที่เดินมาจากที่ไกลๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นมา
“เด็กบ้า ทำไมที่ที่มีเธอต้องมีเรื่องให้วุ่นวายใจด้วยเนี่ย” หลี่โต้วเทียนพูดยิ้มๆ ด้วยความอารมณ์ดี
“คุณปู่ครับ ผมไม่ชอบที่คุณพูดเลย หัวหน้าแอร์คนนั้นไม่ได้บอกคุณเหรอว่าถ้าไม่ใช่ผมก็เกรงว่าจะจัดการปัญหาบนเครื่องบินไม่ได้หรอกนะ ควรจะให้เหรียญพลเมืองดีผมหน่อยไหม” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“เด็กบ้า ฉันได้ยินอาเย่าบอกว่าแกก็อยู่บนเครื่องบิน ฉันก็รู้อยู่แล้วแหละว่าจะจัดการเรื่องบนเครื่องบินได้ ไปกันเถอะ ผู้นำตระกูลเซวียนหยวนอยากจะขอบคุณแก แกอยากได้อะไรก็เอาจากเขาได้เลย โอกาสแบบนี้มีไม่เยอะนะ” หลี่โต้วเทียนพูดอย่างยิ้มแย้ม
“ตระกูลเซวียนหยวน เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กบนเครื่องบินจะเป็นลูกของหัวหน้าตระกูลเซวียนหยวน ฮ่าๆ ดูท่าทูตสวรรค์กำลังช่วยฉันอยู่” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นก็เดินตามหลี่โต้วเทียนออกไป
“ไอ้น้อง เมื่อกี้ทำผิดต่อนายเยอะเลย ขอโทษด้วยนะ” เซวียนหยวนเถิงเฟยวางเด็กขนาบเซวียนตั่วซ้ายขวา เมื่อเห็นว่ากัวไฮว่เดินตามหลี่โต้วเทียนมาก็รีบลุกขึ้นมาพูดต้อนรับ
“จรรยาบรรณแพทย์น่ะ พี่เซวียนมาเมืองอู่เฉิงในครั้งนี้ก็มาหาผม แล้วก็เกิดเรื่องบนเครื่องบิน คลินิกไม่ของผมก็ต้องรับหน้าที่ต่อสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ฮ่าๆ ไอ้น้อง ฉันถูกใจนายมากเลย ฮ่าๆ” เซวียนหยวนเถิงเฟยหัวเราะลั่นขึ้นมา เมื่อสักครู่เขาพูดกับหลี่โต้วเทียนจึงได้รู้ว่าหลี่โต้วเทียนกับกัวไฮว่รู้จักกัน เขาไม่เชื่อหรอกว่าหลี่โต้วเทียนจะไม่เล่าสถานการณ์ของตระกูลเซวียนหยวนให้กัวไฮว่ฟัง และไม่คิดเลยว่ากัวไฮว่จะไม่ประจบประแจง ทำให้เซวียนหยวนเถิงเฟยเกิดความรู้สึกดีต่อกัวไฮว่เป็นอย่างมาก
“พี่เซวียนมีร่างกายที่ดีนะ เดี๋ยวผมจะสั่งยาให้ รอให้กลับไปถึงเมืองหลวงคุณก็ไปเอายาจีนมาให้เธอตามใบสั่งยานี้ ประมาณเจ็ดแปดวันร่างกายของพี่เซวียนก็จะฟื้นฟูสมบูรณ์แล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ตอนแรกเขาอยากจะให้ยาลูกกลอนกับเซวียนตั่วเพื่อรักษา แต่เมื่อคิดดูแล้วฉันช่วยชีวิตคนของตระกูลเซวียนหยวนแต่พวกเธอไม่มาประจบประแจงฉันเลย ฉันจะให้ของไปเสียเปล่าทำไมกัน เป็นการค้าขายที่ไม่คุ้มทุนเลยจริงๆ
“กัวไฮว่ นายเป็นผอ. คลินิกไม่เมืองอู่เฉิงจริงๆ เหรอ” หูเม่ยเอ๋อร์เดินไปด้านข้างกัวไฮว่ด้วยสีหน้าแดงระเรื่อพร้อมกับถามด้วยความยิ้มแย้ม เซวียนหยวนเถิงเฟยเองก็มองความรู้สึกของน้องสาวตนเองคนนี้ออก ไม่คิดเลยว่าในเมืองหลวงมีหนุ่มหล่อมากตั้งเยอะแยะแต่ไม่เข้าตา หูเม่ยเอ๋อร์ดันมาตัวติดอยู่กับเจ้าเด็กเมืองอู่เฉิง
“ถ้าเป็นคลินิกไม่ตรงถนนซิ่งหลินละก็ ผอ.คลินิกก็คือผมเองแหละ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เขามีความประทับใจที่ไม่เลวต่อหูเม่ยเอ๋อร์ หรือควรจะบอกว่ากัวไฮว่มีความประทับใจที่ไม่เลวต่อสาวสวยทุกคน
“งะ…งั้นยาผิวสวยในงานประมูลนี่เป็นของที่คลินิกไม่ให้มาหรือเปล่า” หูเม่ยเอ๋อร์พูดเบาๆ แวดวงผู้หญิงนั้นเล็กมากนัก แม้งานประมูลสินค้าเมืองอู่เฉิงจะประมูลยาผิวสวยไปเพียงสองครั้ง แต่พวกภรรยาเศรษฐีในเมืองใหญ่อย่างเมืองอู่เฉิงนั้นต่างก็รู้กันดีกว่าบนโลกใบนี้มีของดีอย่างยาผิวสวยแบบนี้
“เป็นของเล่นๆ น่ะ รอให้ถึงเมืองหลวงก่อน ถ้าพี่หูอยากได้ผมช่วยทำให้พี่เม็ดนึงก็ได้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ไม่รบกวนพวกคุณแล้วนะครับ เดี๋ยวผมจะให้คุณปู่หลี่เตรียมรถพาผมไปเมืองหลวง ผมไม่กล้านั่งเครื่องบินอีกแล้วล่ะ” กัวไฮว่รู้ว่าเขตทหารตงซานห่างจากเมืองหลวงเพียงแค่เจ็ดร้อยกว่ากิโลเมตรเท่านั้น หากไม่มีรถไปส่ง เขาเองขี่กระบี่ไปก็ใช้เวลาประมาณสิบกว่านาทีก็ถึง จากนั้นก็พักผ่อนที่เมืองหลวงเพื่อฟื้นฟูร่างกายสักคืนหนึ่งก็พอแล้ว ไม่กล้านั่งเครื่องบินอีกแล้วล่ะ
“น้องไฮว่ ถ้าไม่รังเกียจ เดี๋ยวตระกูลเราจะส่งรถมา บ่ายวันนี้พวกเราเองก็เตรียมตัวจะกลับเมืองหลวงเหมือนกัน มาเบียดรถด้วยกันไหม” เซวียนหยวนเถิงเฟยพูดยิ้มๆ ทำยาผิวสวย ไม่น่าล่ะเขาถึงไม่ได้สนใจว่าตนเป็นผู้นำตระกูลเซวียนหยวนหรือภรรยาผู้นำตระกูล ถ้าทำยาผิวสวยมาได้ ก็หมายความว่ากัวไฮว่นี่น่าจะเป็นลูกศิษย์สำนักลึกลับสำนักใดสำนักหนึ่ง เลยไม่ต้องมาใส่ใจตระกูลเซวียนหยวน
“ถ้าวันนี้พี่เถิงเฟยกับพี่เซวียนก็กลับไปด้วย งั้นผมก็รบกวนด้วยนะครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ หูเม่ยเอ๋อร์พูดว่าดีอยู่หลายครั้งจากนั้นก็วิ่งออกไปพร้อมกับหน้าแดงก่ำ
ประมาณสิบนาทีผ่านไป ขบวนรถตระกูลเซวียนหยวนก็ทำให้กัวไฮว่รับรู้ได้ว่าตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองหลวงคืออะไร เบียด? จะไปเบียดได้ยังไงกัน เซวียนตั่วถูกจัดให้ไปนั่งในรถโรลส์-รอยซ์ขนาดยาวพิเศษ โรลส์-รอยซ์ แฟนธอมสองคันล้อมหน้าล้อมหลังรถของเซวียนตั่วเอาไว้ กัวไฮว่กับหูเม่ยเอ๋อร์นั่งอยู่ในรถคันข้างหน้า รถเคลื่อนตัวออกไปจากเขตทหารตงซานอย่างรวดเร็ว ทว่าในขณะที่หลี่โต้วเทียนเห็นว่ากัวไฮว่นั่งอยู่ในรถแฟนธอม ก็หัวเราะลั่นขึ้นมา เด็กนี่ ต่อไปกัวหลิวอี้ไม่ต้องกังวลใจอีกแล้วล่ะ
“กัวไฮว่ นายมาเมืองหลวงรอบนี้มาทำอะไรเหรอ หรือว่าจะมาเปิดคลินิกที่เมืองหลวง” หูเม่ยเอ๋อร์ถามด้วยความยิ้มแย้ม
“เปิดคลินิกต้องรออีกหน่อย มาเมืองหลวงครั้งนี้มีปัญหาส่วนตัวนิดหน่อยน่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“อย่าบอกนะว่าไปทำผู้หญิงท้องป่องมาน่ะ มาเมืองหลวงเพื่อจะมาไหว้ขอขมาพ่อตาในอนาคตเหรอ” หูเม่ยเอ๋อร์เบิกตาโพล่ง “นายยังดูอายุไม่ถึงสิบแปดเลยนะ มีโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก”
“อะแฮ่มๆๆ เธอทายถูกครึ่งนึก ท้องป่องนั่นแหละ แต่ว่าไม่ได้มาเจอพ่อตา แต่มาจัดการสัญญาหมั้นของเมียต่างหาก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “แน่นอน เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็อาจจะมาพบว่าที่พ่อตานั่นแหละ ฮ่าๆ”
“อะไรนะ นะ…นายมีเมียแล้ว ตระกูลไหนในเมืองหลวงเหรอ นายอายุเท่านี้เอง จะไปมีเมียได้ยังไงกัน” เมื่อสักครู่หูเม่ยเอ่อร์พูดมั่วซั่ว ไม่คิดเลยว่าเธอจะทายถูก
“เธออย่าไปรู้เลยว่าเมียมาจากตระกูลไหน ฉันจะไปช่วยเมียถอนหมั้นที่ตระกูลกู่ ช่วยบอกเรื่องเกี่ยวกับตระกูลกู่หน่อยสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ