[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 157 คลี่คลายอันตราย
ลู่เสียหยางเห็นว่าน้องๆ ของตนมีเลือดสาดออกมาจากบนหัวราวกับดอกไม้ไฟก็เงยหน้าขึ้นไปมองบนเครื่องบิน จากนั้นก็กัดริมฝีปากอย่างรุนแรง ปู๋เอ้อร์เต้าเหริน ต้องมีสักวันหนึ่งที่ฉันจะสะสางบัญชีกับแก ทว่าสุดท้ายเขาไม่กล้าพูดต่ออีก
“หัวหน้าแอร์คนสวยครับ นักบินถูกขังอยู่ในห้องน้ำ มัวแต่อึ้งอะไรอยู่ล่ะ รีบหาตัวนักบินสิ แล้วก็หาที่ลงจอดเครื่องเลย แม่มันเถอะ ต่อไปไม่กล้านั่งเครื่องบินแล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดด้วยเสียงดัง
ในขณะนั้นเอง คนบนเครื่องบินต่างก็ปรบมือเสียงดังสนั่น เด็กหนุ่มคนนี้กับชายชราคนเมื่อสักครู่นี้ช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ เรื่องในวันนี้ชั่วทั้งชีวิตนี้พวกเขาเกรงว่าคงยากที่จะลืมเลือน
“เม่ยเอ๋อร์ มองอะไรอยู่ กัวไฮว่นี่หล่อใช่ไหมล่ะ ชอบเขาเข้าแล้วล่ะสิ” เซวียนตั่วมองเห็นว่าน้องสาวของตนมองกัวไฮว่ตาไม่กระพริบก็อุ้มลูกพร้อมกับพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม
“ใช่น่ะสิ หล่อจริงๆ เลย ชอบมากเลย ถ้าฉันหาผู้ชายแบบนี้ได้นะ ตายก็คุ้มแล้ว” หูเม่ยเอ๋อร์ตอบกลับยิ้มๆ อย่างสติล่องลอย จากนั้นหน้าของเธอก็แดงก่ำขึ้นมา “พี่ว่าไงนะ”
เซวียนตั่วเห็นว่าน้องสาวผู้แสนจะป่าเถื่อนของตนอาจจะเปลี่ยนแปลงนิสัยเพราะผู้ชายคนนี้ก็เป็นได้
“ผู้โดยสารทุกท่านคะ ตอนนี้เครื่องบินกลับมาเป็นปกติแล้ว ขออภัยในความไม่สะดวกด้วยนะคะ ตอนนี้พวกเรากำลังหาวิธีฟื้นฟูการสื่อสาร ทุกท่านโปรดอย่าตระหนกไปนะคะ ทำใจให้สบาย” หวังเสวี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม ส่วนศพทั้งสองที่ถูกผู้โดยสารผู้กล้าหาญสองสามคนช่วยกันจัดการ การเดินทางโดยเครื่องบินในครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อทุกคนไม่น้อยเลยทีเดียว
“หัวหน้าครับ เมื่อกี้พวกเราเพิ่งได้รับสัญญาณขอความช่วยเหลือมาจากผู้โดยสารไฟลท์ 1661 ว่าจะขอลงจอดที่เขตทหารตงซานของพวกเราครับ ขอคำชี้แนะด้วย” เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินคนหนึ่งวิ่งมาตรงเบื้องหน้าของหลี่โต้วเทียนพร้อมกับพูดด้วยเสียงดัง
“บน 1661 ขอความช่วยเหลือเหรอ ติดต่อ ติดต่อเดี๋ยวนี้เลย ฉันอยากรู้สถานการณ์ข้างบน” หลี่โต้วเทียนพูดเสียงดัง เป็นเพราะเรื่องนี้กลับมายังภาคพื้นดินอีกครั้ง หลี่โต้วเทียนที่เดิมลาออกมาดำรงตำแหน่งรองแล้วจึงได้ติดต่อกับผู้โดยสารบนเครื่องบินอีกครั้งหนึ่ง
“ฉันคือหลี่โต้วเทียน” เมื่อเชื่อมต่อสาย หลี่โต้วเทียนก็พูดออกมาขึ้นเป็นประโยคแรก “บอกสถานการณ์บนเครื่องบินให้ฉันหน่อย มีคนบาดเจ็บเสียชีวิตไหม ถ้าพวกเธอจะลงจอดสนามบินกองทัพพวกเราก็ต้องรู้สถานการณ์ของเครื่องบิน”
“คุณปู่หลี่ ฉันหวังเสวี่ยนะคะ หวังต้าจวินเป็นพ่อฉันเอง เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของปู่” เมื่อหวังเสวี่ยได้ยินว่าอีกฝ่ายคือหลี่โต้วเทียนก็พูดขึ้นด้วยความดีใจ “จัดการเรื่องโจรเรียบร้อยแล้วล่ะค่ะ บนเครื่องบินมีคนตายสองคน ไม่มีคนบาดเจ็บ น้ำมันเครื่องมีไม่พอกลับไปเมืองอู่เฉิงหรือไปเมืองหลวง ขอพวกเราลงจอดที่เขตทหารตงซานนะคะ”
“บนเครื่องบินมีเด็กหนุ่มที่ชื่อกัวไฮว่หรือเปล่า เขาเป็นอะไรไหม” หลี่โต้วเทียนถามขึ้นเบาๆ เขาไม่ได้แยแสภรรยาของเซวียนหยวนเถิงเฟย และไม่ได้แยแสนักธุรกิจจากเมืองหลวงแม้แต่น้อย เขาอยากจะถามถึงน้องชายต่างสายเลือดของหลานชายตนแต่แรกว่ากัวไฮว่ผู้โด่งดังนั่นเป็นอะไรหรือเปล่า
“รอสักครู่นะคะ ฉันจะให้เขาคุยกับคุณ” หวังเสวี่ยพูดเบาๆ ในขณะนี้หวังเสวี่ยก็มองพินิจกัวไฮว่อีกครั้ง ในใจเขาเกิดคำถามมากมาย เด็กหนุ่มคนนี้ดันรู้จักกับนายพลหลี่โต้วเทียนด้วย มีความสามารถทางการแพทย์เป็นเลิศ ท่าทางฝีมือไม่ธรรมดาด้วย หรือว่าเขาจะเป็นคนจากกองทัพ
“นายท่านครับ เรื่องบนเครื่องบินน่ะจัดการเรียบร้อยแล้ว ผมลงแรงไปไม่น้อยเลย ไม่ทราบว่าทางกองทัพจะให้รางวัลอะไรผมบ้างครับ อย่างน้อยน่าจะให้เหรียญพลเมืองดีอู่เฉิงก่อนไหมนะ ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“เด็กเวร ตอนนี้ยังจะมาหัวเราะอีก ฉันรู้อยู่แล้วล่ะว่าเธอจะต้องจัดการเรื่องบนเครื่องบินได้ เธอไปบอกหวังเสวี่ยนะว่าฉันจะรีบติดต่อทางตงซาน พวกเธอเตรียมตัวลงจอดกันเถอะ แล้วก็มีอีกเรื่องอยากจะบอกแก บนเครื่องบินมีคนท้องคนหนึ่ง ถ้าเป็นไปได้ช่วยดูแลเธอหน่อยนะ จะเป็นประโยชน์กับเธอในอนาคตมากเลยล่ะ” หลี่โต้วเทียนพูดยิ้มๆ
“ไม่มีคนท้องแล้วครับ ผมช่วยคนท้องคลอดลูกออกมาเรียบร้อยแล้ว ฮ่าๆ เอาอย่างนี้นะครับ รอให้เครื่องจอดแล้วค่อยคุยกัน อยู่บนเครื่องบินยังไงจิตใจก็ไม่สงบหรอก” กัวไฮว่พูดแล้ววางสายโทรศัพท์ทันทีไม่ว่าหลี่โต้วเทียนจะฮัลโหลๆ กี่ครั้งก็ตาม
“เด็กเวร ถ้าเกิดสานสัมพันธ์กับตระกูลเซวียนหยวนได้จริง บนผืนแผนดินหัวซย่าก็ไม่มีใครจะทำอะไรเธอได้แล้วล่ะ ต่อไปน้องหลิวอี้ก็คงจะสบายใจแล้วล่ะ” หลี่โต้วเทียนพูดยิ้มๆ
“คนสวย จัดเรื่องภาคพื้นดินตงซานแล้วนะครับ เตรียมลงจอดได้เลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ตอนลงจอดระวังหน่อยนะ ถ้าเกิดปัญหาอะไรขึ้นมาผมช่วยอะไรไม่ได้แล้วนะ” พูดเสร็จกัวไฮว่ก็เดินไปยังเบื้องหน้าของปู๋เอ้อร์เต้าเหริน จากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกัน
“พ่อหนุ่ม ไม่ทราบว่าอาจารย์เธอคือใครเหรอ” ปู๋เอ้อร์เต้าเหรินพูดยิ้มๆ
“ท่านผู้อาวุโสครับ ใครเจอผมก็ชอบถามคำถามนี้กันทั้งนั้น ถ้าผมบอกว่าผมบำเพ็ญเพียรเองคุณจะเชื่อหรือเปล่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นก็ยื่นมือไปทาบบนข้อมือของเด็กน้อยที่อยู่ข้างๆ ปู๋เต้าเอ้อร์เหริน
“ฮ่าๆ จะไม่เชื่ออะไรล่ะ บนโลกนี้มีเรื่องแปลกประหลาดเยอะแยะจะตายไป ถ้าพ่อหนุ่มบอกว่าเป็นผู้สูงส่งมาจุติฉันเองก็เชื่อ” คำพูดของปู๋เอ้อร์เต้าเหรินทำเอากัวไฮว่ชะงักไป จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา ตาแก่หัวหงอกนี่พูดถูก ถึงปู๋เอ้อร์เต้าเหรินจะพูดไปมั่วซั่วทว่าก็ดันถูกต้อง “พ่อหนุ่ม มีวิธีรักษาศิษย์ของฉันเหรอ”
“คุณรู้เหรอว่าศิษย์คุณเป็นโรคอะไร” กัวไฮว่ไม่ได้ตอบคำถามของปู๋เอ้อร์เต้าเหรินแต่กลับถามอย่างยิ้มแย้ม
“ขาดจิต พ่อหนุ่มน่าจะเป็นมาจากตระกูลหมอแน่เลย ฉันพูดแบบนี้พ่อหนุ่มน่าจะเชื่อนะ” ปู๋เอ้อร์เต้าเหรินพูดยิ้มๆ “เมื่อเจ็ดปีก่อนฉันเจอเสี่ยวอวิ่นที่ถ้ำในเขาซู่ซาน เขากับฉันมีวาสนาต่อกัน แถมเขายังมีความสามารถเป็นอย่างมาก ฉันจึงตั้งใจรับเขาเป็นศิษย์ แต่ผ่านไปหนึ่งปีฉันก็พบว่าเขาสูญเสียจิตไป พอค้นตำราโบราณถึงได้รู้ว่าเพราะเด็กแบบเขาเนี่ยสมบูรณ์แบบเกินไป ทูตสวรรค์เอาจิตของเขาไป เจ็ดปีมานี้ฉันพาเขาขึ้นเหนือล่องใต้ทั่วทั้งหัวซย่า และได้พบกับนักพรตอิสระที่แหล่งกำเนิดทะเลตงไห่ เขาได้สร้างจิตสมมติให้เสี่ยวอวิ่น เสี่ยวอวิ่นจึงได้เป็นอย่างที่เห็น มีชีวิตชีวาขึ้นมาเยอะเลย” ปู๋เอ้อร์เต้าเหรินพูดอย่างไม่ปิดบัง
“ยอดฝีมือ นักพรตอิสระที่คุณเจอที่แหล่งกำเนิดทะเลตงไห่ก็คือยอดฝีมือ วิชาจิตสมมตินี่ต่อให้ผมเป็นคนทำก็สู้กับยอดฝีมือคนนั้นไม่ได้ แต่ถ้าอยากให้เสี่ยวอวิ่นฟื้นฟูครบสมบูรณ์ แค่จิตสมมตินี่ไม่พอหรอกนะ” กัวไฮว่พูดด้วยความยิ้มแย้ม
“พ่อหนุ่มมีวิธีอะไรเหรอ” ปู๋เอ้อร์เต้าเหรินถามขึ้นเบาๆ
“วิธีน่ะมี แต่ของที่จำเป็นน่ะหายากหน่อยนึง รอให้ลงจากเครื่องบินก่อนเดี๋ยวผมจะบอกของที่จำเป็นให้คุณเอง ถ้าคุณหามาได้ครบ ที่เหลือเดี๋ยวผมจัดการเอง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ฉันขอขอบคุณพ่อหนุ่มแทนเสี่ยวอวิ่นด้วยนะ ก่อนออกจากบ้านได้เสี่ยงทายผลบอกว่าเรื่องร้ายจะกลายเป็นดี ฮ่าๆ ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกับพ่อหนุ่ม ถ้าพ่อหนุ่มมีเวลาฉันจะพาพ่อหนุ่มไปเที่ยวเขาซู่ซานเอง” ปู๋เอ้อร์เต้าเหรินพูดอย่างยิ้มแย้ม