[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 154 หนึ่งในหลายร้อยล้าน
เครื่องบินบินไปตามปกติ ไม่ได้ชักช้า ความรู้สึกหนักอึ้งตอนเครื่องบินขึ้นทำให้กัวไฮว่รู้สึกไม่สบาย ทว่าไม่นานก็ดีขึ้น
“พี่คะ อีกหนึ่งชั่วโมงกว่าก็จะกลับบ้านแล้ว สามีพี่นี่ก็จริงๆ เลยนะ ดันกลับไปก่อน เฮ้อ กลับไปฉันจะให้คุณอาจัดการเขา” เด็กสาวพูดอย่างยิ้มแย้ม
“เม่ยเอ๋อร์ อย่าไปบอกแม่นะ เถิงเฟยอาจจะมีเรื่องด่วนไม่งั้นคงไม่รีบกลับไปก่อนตั้งแต่เช้าหรอก” หญิงตั้งครรภ์พูดยิ้มๆ “ลูกไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ บางทีลูกคลอดมาแล้วเถิงเฟยคงจะไม่เป็นคนใจร้อนแบบนี้แล้วก็ได้”
“พี่คะ พี่ทนคนอย่างเซวียนหยวนเถิงเฟยแบบนั้นไปได้ยังไง เฮ้อ ไม่พูดแล้วดีกว่า” หูเม่ยเอ๋อร์พูดแล้วถอนหายใจ “พี่คะ พี่ดูคนที่เปลี่ยนที่นั่งให้คนนั้นสิ หล่อมากเลย หล่อกว่าพี่เขยตั้งเยอะ”
“ยายเด็กบ้านี่” หญิงตั้งครรภ์ยิ้มแล้วไม่พูดอะไรต่ออีก
“สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทุกท่าน ยินดีต้อนรับท่านโดยสารสายการบินหัวซย่า เที่ยวบินที่ 1661 เดินทางจากเมืองอู่เฉิงไปยังเมืองหลวง ระยะทางบินในครั้งนี้คือ 2033 กิโลเมตร ใช้เวลาในการบินประมาณ 1 ชั่วโมง 48 นาที เพื่อให้ระบบการสื่อสารของเครื่องบินเป็นไปโดยปกติ ในขณะที่เครื่องขึ้นและลงกรุณางดใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก งดใช้โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่มเกม เครื่องรับวิดีโอและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดตลอดทั้งเที่ยวบิน กรุณานั่งกับที่และรัดเข็มขัดให้แน่น เก็บโต๊ะหน้าที่นั่งให้เรียบร้อย กรุณาตรวจสอบให้เรียบร้อยว่าท่านได้เก็บของที่นำมาไว้บนตู้เก็บเหนือศีรษะหรือใต้ที่นั่งของท่านเรียบร้อยดีแล้วหรือไม่ ฉันคือหวังเสวี่ย หัวหน้าในเที่ยวบินครั้งนี้ หากท่านต้องการความช่วยเหลือประการใด กรุณาบอกพนักงานของเรา พวกเราจะให้บริการท่านอย่างเต็มที่ค่ะ” สตรีสูงยาวเข่าดีผู้หนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าสุดของเครื่องบินพูดขึ้นด้วยความยิ้มแย้ม
“อวี้เอ๋อร์จองตั๋วได้ไม่เลวเลย อย่างน้อยแอร์ในเครื่องก็สวยๆ กันทั้งนั้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ แม้เขาจะพูดเบาๆ ทว่าชายฉกรรจ์ที่อยู่ด้านข้างก็ดันได้ยินเข้า
“น้องชายก็ไปเมืองหลวงเหรอ ไม่เห็นนายเอากระเป่าเดินทางมาเลย ไปเที่ยวเหรอ” ชายฉกรรจ์พูดยิ้มๆ ทว่าในขณะที่กัวไฮว่ใช้วิชาอ่านจิตกับชายฉกรรจ์ผู้นั้น กัวไฮว่ก็อดจะส่ายหัวเบาๆ ไม่ได้ แม่มันเถอะ ทั้งชีวิตนี้ตัวเขาเองก็นั่งเครื่องบินมาไม่กี่ครั้ง ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญพบเรื่องแบบนี้เข้าได้
“พี่คะ เมื่อก่อนฉันเคยเห็นข่าวบอกว่าคนท้องมีอัตราคลอดลูกชายบนเครื่องบินมากกว่าลูกสาวถึงสามเท่า แต่อัตราคนท้องที่คลอดบนเครื่องบินมีแค่หนึ่งในสามล้านเท่านั้น” หูเม่ยเอ๋อร์พูดยิ้มๆ
“ยังมีอีกนะ อัตราที่ทั้งชีวิตคนคนนึงจะเจอการจี้เครื่องบินพอๆ กับที่จะถูกลอตเตอรี่รางวัลที่หนึ่งเลย ฮิๆ” คำพูดของหูเม่ยเอ๋อร์ทำเอาชายฉกรรจ์ที่อยู่ข้างๆ หัวเราะลั่นขึ้นมา
“นี่คนสวย งั้นอัตราที่จะเจอการจี้เครื่องบินไปพร้อมๆ กับคนท้องคลอดลูกก็น่าจะประมาณหนึ่งในหลายร้อยล้านน่ะสิ” เด็กหนุ่มรูปร่างบึกบึนพูดยิ้มๆ
กัวไฮว่หันศีรษะไปมองเด็กหนุ่มคนนั้น ในใจลอบพูดขึ้นว่าแย่แล้ว หูเม่ยเอ๋อร์นี่พูดอะไรแย่ๆ ไป พูดเรื่องคลอดเด็กบนเครื่องบินไปทำไมกัน แถมยังบังเอิญเจอคนโรคจิตแบบนี้อีก
“คุณหวังเสวี่ย เอาไมค์มาให้ผมหน่อยสิ” เด็กหนุ่มผู้นั้นลุกขึ้นมาพร้อมกับพูดอย่างยิ้มแย้ม
“ท่านผู้โดยสารกรุณานั่งอยู่กับที่ ไม่ทราบว่าคุณจะเอาไมค์ไปทำไมเหรอคะ” หวังเสวี่ยพูดด้วยความยิ้มแย้ม
“ปังปังปัง! ขอโทษด้วยนะ ฉันไม่ชอบอธิบายใคร เอาไมค์มาให้ฉันได้หรือยัง” ชายหนุ่มยังคงหัวเราะไม่หยุด “ไม่ต้องติดต่อกับภาคพื้นดินแล้ว ฉันขอประกาศไว้ตอนนี้เลยว่า ทุกท่านถูกแจ็คพอตแล้วล่ะ เพราะว่าพวกเราจี้เครื่องบินอยู่!” ชายหนุ่มพูดพลางเหลือบมองไปยังหูเม่ยเอ๋อร์
“พี่หยาง พวกเราควบคุมเส้นทางการบินกับพนักงานรักษาความปลอดภัยไว้หมดแล้ว” ชายใส่ชุดสูทที่อยู่ท้ายเครื่องบินพูดยิ้มๆ
“ตอนแรกคิดจะจี้เครื่องบินเล่นๆ แต่เมื่อกี้ดันได้ยินไอเดียดีๆ ตอนแรกคิดว่าจี้เครื่องบินไม่เห็นจะสนุกอะไร ฉันนี่เชยจริงๆ” สายตาของชายหนุ่มตกไปอยู่บนร่างของหญิงตั้งครรภ์ กัวไฮว่จึงส่ายศีรษะขึ้นด้วยความจนใจ หมอนี่เป็นคนที่โรคจิตที่สุดนับตั้งแต่ที่ตนมายังแดนมนุษย์
“ฉันถูกรางวัลใหญ่ลอตเตอรี่มาตั้งหลายครั้ง ตอนนี้ฉันอยากจะพนันกับทุกท่านที่นั่งอยู่ตรงนี้สักตา ทุกคนว่าผู้หญิงคนนี้จะคลอดเด็กผู้ชายหรือว่าผู้หญิงกัน ถ้าตอบถูก พวกคุณให้ผมมาแค่คนละสิบล้าน ผมรับประกันว่าทุกคนจะไม่ตาย แต่ถ้าทายผิดล่ะก็ ขอโทษด้วยนะ ผมไม่เอาเงินพวกคุณแล้วแหละ” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ
“พี่หยาง พนันใช้ได้เลย ผมก็เอาด้วย ผมพนันว่าเป็นผู้ชาย ร้อยล้าน” ชายหนุ่มที่ดูยังเด็กคนหนึ่งพูดด้วยเสียงดัง
“หมอ บนเครื่องบินมีหมอหรือเปล่า ถ้าไม่มีไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันคิดวิธีดูว่าในท้องคนสวยเป็นเด็กผู้ชายหรือผู้หญิงเอง” ในขณะที่พูด ชายหนุ่มก็ถือมีดด้ามเล็กส่องประกายอยู่ในมือ
“พ่อหนุ่ม พวกเราให้เงินเธอเอง ปล่อยพวกเราไปเถอะ เธอทำแบบนี้จะเวรกรรมตามสนองเอานะ” ผู้อาวุโสที่นั่งอยู่แถวหน้ารายหนึ่งอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
“ปัง!” ชายชราโดนกระสุนยิงเข้ากลางหน้าผาก “โทษทีนะ ลั่นไกไปแล้ว คนอื่นยังมีอะไรจะพูดอีกไหม ลืมบอกทุกคนไปเลย ฉันชื่อลู่เสียหยาง เหมือนว่าทางตำรวจหัวซย่าจะตามหาผมมานานแล้วนะ ชีวิตฉันมีค่ามหาศาลเลยล่ะ ค่าหมายหัวตั้งร้อยร้อยล้าน พวกคุณจะพนันดูสักตาก็ได้ ร้อยร้อยล้านนี่ก็ดึงดูดใจพอตัวเลย” ชายหนุ่มพูดยิ้มๆ “ถ้าไม่มีหมอเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
หูเม่ยเอ่อร์ตกใจจนขาดสติไป เธอไม่คาดคิดเลยว่าคำพูดของตนเองจะทำให้พี่สาวของตนตกอยู่ในอันตรายได้
“นี่เพื่อน ฉันมีความรู้แพทย์อยู่บ้าง ฉันว่าฉันคลอดเด็กให้อย่างราบรื่นได้นะ ให้ฉันลองดูหน่อยได้ไหม” กัวไฮว่ลุกขึ้นมาพร้อมกับพูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม
“ฮ่าๆ เด็กนี่ ฉันชอบ ฉันชอบคนที่กล้าท้าท้าย ไปสิ หวังว่าเธอจะจัดการได้นะ ฮ่าๆ” ลู่เสียหยางพูดยิ้มๆ
“ปล้นมาทั้งหมดสิบสามครั้ง ลู่เสียหยางนี่เป็นเซียนเทียนระยะหลัง คนอื่นทั้งหมดเป็นเซียนเทียนระยะกลาง ทำไมไม่รู้ตั้งแต่แรกนะ แม่มันเถอะ จัดการสิบสามคนในครั้งเดียวไม่ได้แน่ ถ้าพวกมันเหนี่ยวไกขึ้นมา โดนลูกหลงหน่อยไม่เป็นไร แต่ถ้ายิงเครื่องบินพังล่ะก็ ฉันได้ตายจริงๆ แน่” กัวไฮว่ลอบวิเคราะห์ในใจ
“นี่นาย ดูไม่ออกเลย ใส่อามานีทั้งตัวแต่ดันเป็นหมอ ฮ่าๆ” ชายหนุ่มบึกบึนที่นั่งข้างกัวไฮว่เมื่อสักครู่พูดอย่างยิ้มแย้ม
“ตื่นเต้นเหรอแม่หนู” กัวไฮว่มองหูเม่ยเอ๋อร์น้ำตาไหลเป็นสายพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ “ฉันอยากให้พวกเธอเชื่อใจฉัน เด็กนี่อยู่ในท้องนานพอแล้วล่ะ วิธีที่ฉันจะทำให้เด็กคลอดออกมาค่อนข้างพิเศษ หวังว่าพวกเธอจะให้ความร่วมมือ” กัวไฮว่มองหญิงตั้งครรภ์กับหูเม่ยเอ๋อร์พร้อมกับพูดขึ้น
“ลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันชื่อกัวไฮว่ เป็นผอ. คลินิกไม่ เรามีวาสนาเหมือนกันนะ พวกเธอไปหาฉันแต่ไม่พบ แต่ดันมาบังเอิญพบกันบนเครื่องบิน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ สงบจิตสงบใจหญิงตั้งครรภ์จนสุดความสามารถ
“เธอชื่อหูเม่ยเอ๋อร์ แล้วพี่ชื่ออะไรครับ” กัวไฮว่ถามอย่างยิ้มแย้ม
“เซวียนตั่ว” หญิงตั้งครรภ์พูดเบาๆ ในขณะที่เธอได้ยินว่ากัวไฮว่เป็นผอ. คลินิกไม่ ก็มองพินิจกัวไฮว่อย่างไม่เชื่อสายตาอยู่หลายรอบ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ต่อให้ตนเองตายไปก็ไม่เป็นไร หวังแค่ให้ลูกของตนรอดก็พอ