[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 15 เรื่องลวนลามฉางเอ๋อ
“ตรงนี้ไม่มีใครนั่งใช่ไหม”กัวไฮว่ยิ้มๆแต่ไม่ทันให้เด็กสาวที่ก้มหน้าคนนั้นตอบกลับเขาก็ไปนั่งข้างเธอแล้ว
“กัวไฮว่เธอเปลี่ยนที่เถอะ ตรงนั้นมีคนนั่งแล้ว”หลินซวงมองเด็กสาวที่นั่งก้มหน้าแวบหนึ่งแล้วพูดกับกัวไฮว่ด้วยเสียงเบา
“ไม่มีคนหรอกมั้ง โต๊ะก็ใหม่ใต้โต๊ะไม่มีหนังสือด้วยครูหลินไม่ต้องวุ่นวายแล้วตรงนี้แหละ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆจากนั้นก็ใช้วิชาอ่านจิตกับเด็กสาวที่อยู่ข้างตน
“ข่งเสวียนถ้านายยังมีชีวิตอยู่จะดีแค่ไหนกันนะ ทำไมนายถึงทิ้งฉันได้ลงคอ แถมยังสาบานอะไรแบบนั้นอีกนายจะให้ฉันมีชีวิตต่อไปได้ยังไง”ความคิดของเด็กสาวพลันปรากฏขึ้นในสมองของกัวไฮว่
“ช่งเสวียน นักเวทในอดีตกาลจะมารู้จักกับเด็กนี่ได้ยังไงไม่มีทาง”แต่กัวไฮว่ก็คิดได้โดยสัญชาตญาณ“ไม่ใช่สิ ที่นี่มันแดนมนุษย์มารดามันเถอะ ทำเอาตกใจแทบแย่”
“เด็กหนุ่มคนหนึ่งผลักเด็กสาวออกไป ตัวเองเลยถูกรถบรรทุกชนเข้า เพราะไม่อาจช่วยไว้ได้เลยเสียชีวิตไป ก่อนที่จะตายได้บอกให้เด็กสาวคนนั้นลืมตัวเองซะ ให้เธอไปใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ดีต่อไป”เศร้าอะไรขนาดนี้ นี่เป็นสิ่งที่อยู่ในความคิดของเด็กหญิงที่อยู่ข้างๆกัวไฮว่
“อะแฮ่ม สวัสดีฉันชื่อกัวไฮว่ เป็นนักเรียนใหม่ห้องหนึ่ง ถ้าตรงนี้มีคนนั่ง เดี๋ยวฉันไปนั่งที่อื่นก็ได้”กัวไฮว่เรียกวิชาอ่านจิตกลับคืนแล้วพูดกับเด็กสาวที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้านหลังยังมีเด็กสาวที่หน้าตาไม่เลวคนหนึ่งไปนั่งข้างๆเธอก็ไม่แย่เท่าไหร่
“นั่งนี่เถอะ ตรงนี้ไม่มีคน”เด็กสาวค่อยๆเงยศีรษะขึ้นมากัวไฮว่จึงได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงเด็กสาวคนนี้
“คุณพระ!ขอบคุณท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ จะให้ข้าขอบคุณท่านเช่นไรดี แดนมนุษยช่างงดงามโดยแท้”เด็กสาวคนนี้ทำให้กัวไฮว่ถึงกับสั่นสะท้าน งดงามดั่งเทพเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่งใช้เวลาปั้นเด็กสาวที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้นานเท่าใด นางถึงได้สวยกว่าเทพเซียนบนสรวงสวรรค์เสียอีก อวี้เอ๋อร์? อวี้เอ๋อร์ยังไม่งามเท่านางเลย
“งั้นฉันนั่งนะ”กัวไฮว่มองเด็กสาวแวบหนึ่งแล้วมองหลินซวงแวบหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงเบา
วิชาเรียนในวันแรกทำให้กัวไฮว่ได้เข้าใจถึงการเป็นนักเรียน คาบแรกคือวิชาภาษาของหลินซวง ดีที่ครูเป็นสาวสวยมองอย่างไรก็ไม่เบื่อ ตัวเขาเองเลยได้เรียนบ้าง คาบที่สองคือคาบภาษาอังกฤษก่อนหน้านี้ภาษาอังกฤษของกัวไฮว่ไม่เลวนักเพราะจะได้ดูหนังโป๊ทุกๆประเภทเข้าใจเลยขยันเรียนไปหน่อยหนึ่ง สิ่งที่ครูสอนเขาก็พอเข้าใจทว่าเขากลับไม่ได้ฟังสักนิดเหตุผลง่ายๆเลยคือคุณครูเป็นตาแก่หัวล้านอายุสามสิบกว่าน่าสะอิดสะเอียนจริงๆ คาบสุดท้ายของตอนบ่ายก็คือคาบประวัติศาสตร์ชายแก่พ่นน้ำลายเล่าประวัติศาสตร์ราชวงศ์ถังเสียมั่วซั่วซึ่งแทงใจกัวไฮว่ผู้เกิดในสมัยราชวงศ์ถังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ไซอิ๋วทุกคนเคยอ่านกันแล้วใช่ไหมในหนังสือมีหลายจุดเลยที่พรรณนาความรุ่งเรืองของราชวงศ์ถังเอาไว้ ความจริงแล้วในประวัติศาสตร์ไม่มีพระรูปนั้น แล้วก็ไม่มีซุนหงอคง ตือโป๊ยก่ายอะไรพวกนั้นอีก สมัยราชวงศ์ถังมีเพียงพระรูปหนึ่งที่ชื่อว่าเจี้ยนเจินเขานำพุทธศาสนาที่รุ่งเรืองในสมัยราชวงศ์ถังเผยแพร่ไปที่ญี่ปุ่น”ตาแก่พูดเสียงดัง
“ผมทนครูมานานแล้ว ใครบอกครูว่าไม่มีซุนหงอคง ตือโป๊ยก่ายพวกนั้นล่ะ ครูรู้ได้ยังไง”จู่ๆกัวไฮว่ก็ลุกขึ้นมาพูดขึ้นเสียงดัง“นี่มันเรื่องใหญ่เลยนะ”
“พี่ไฮว่เจ๋งมากเลย”เฉียนตัวตัวที่ไร้สติ เดิมทีอยากจะหลับก็พลันตื่นขึ้นมา เขามองกัวไฮว่พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้
“นี่นักเรียนหน้าคุ้นๆนะ เธอคัดค้านเนื้อหาที่ครูพูดตรงไหนเหรอ”ตาแก่พูดพลางหรี่ตามองกัวไฮว่
“คุณครูฉื่อผมว่าผู้คนกับเรื่องราวที่มีเขียนบรรยายไว้ในไซอิ๋วน่าจะมีทฤษฎีอ้างอิงนะไม่งั้นเสี่ยวอู๋[1]คงไม่เขียนมั่วซั่วหรอกแถมผ่านมาตั้งหลายปีแล้วยังสืบทอดกันอยู่ อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่มีหลักฐานว่าพวกซุนหงอคงไม่มีอยู่จริง ก่อนหน้านี้ที่ประเทศจีนของเราเคยมีคนพบถ้ำน้ำตกที่ซุนหงอคงเคยพักไม่ใช่เหรอ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆอย่างหัวแข็ง
“โอ๊ะ!เด็กนี่ความเห็นของเธอเจ๋งดี ไว้ว่างๆเรามาคุยกันนะแต่ครูว่าครูรู้ประวัติศาสตร์ราชวงศ์ถังมากกว่าเธอซะอีก”ตาแก่ฉื่อพูดด้วยความไม่สบอารมณ์นัก ตัวเขาเองสอนหนังสือมาตั้งสิบหลายสิบปี ยังไม่เคยเห็นใครกล้าขัดเขามาก่อน
“ประวัติศาสตร์ราชวงศ์ถัง? ช่างมันเถอะเรื่องนี้ผมรู้เยอะกว่าครูเยอะเลย”กัวไฮว่พูดตามสัญชาตญาณ ตลกหรือเปล่าก่อนจะบินขึ้นฟ้าไป ข้าเนี่ยเห็นราชวงศ์ถังรุ่งเรืองมากับตาตัวเองตอนนั้นข้าฝักใฝ่ทางเซียนไม่งั้นข้าอาจจะได้เป็นฮ่องเต้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
“แค่กๆๆ น่องแรกเกิดไม่กลัวเสือ[2]จริงๆ ดี ดีมาก เลิกคาบแล้วเธอมาที่ห้องพักครูนะ ครูอยากจะถกเถียงประวัติศาสตร์ราชวงศ์ถังกับเธอสักหน่อย อยากรู้นักว่าเธอจะรู้มากกว่าครูเท่าไหร่เชียว งั้นก็พอเท่านี้ก่อนเลิกคาบได้”ฉื่ออวี้ไฉตะคอกเสียงดังแล้วเดินออกจากห้องไป
“โห นับถือเลยพี่ไฮว่ พี่เจ๋งสุดยอดไปเลย ทำเอาตาแก่หัวแข็งนั่นโกรธเดินออกไปเลย สุดยอดคนแห่งมอสี่ ฮ่าๆ เก่งมากเลย เก่งมาก”เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างเฉียนตัวตัวพูดพลางหัวเราะ
“ในเมื่อยังเหลือเวลาอีก งั้นฉันเล่าประวัติศาสตร์ราชวงศ์ถังให้พวกเธอฟังดีกว่า”กัวไฮว่พูดพลางเดินขึ้นไปบนปะรำพิธีขณะนั้นเองเฉียนตัวตัวที่รู้อยู่แก่ใจว่ากัวไฮว่เป็นสี่ตัวอันตรายก็ถึงกับตกตะลึง
“เมื่อพูดถึงประวัติศาสตร์ราชวงศ์ถังแล้วเนี่ย มีคนหนึ่งที่ต้องพูดถึงนั่นก็คือถังเสวียนจ่วง”กัวไฮว่พูดพลางเขียนคำว่าถังเสวียนจ่วงสามคำไว้บนกระดาน
“เท่จังเลย ไม่คิดเลยว่าหล่อขนาดนี้ยังลายมือสวยอีก”ในขณะที่กัวไฮว่เขียนนั่นเองนักเรียนหญิงที่อยู่ด้านล่างก็เริ่มตื่นเต้นกันขึ้นมา
“เมื่อพูดถึงถังเสวียนจ่วงแล้ว งั้นก็ต้องพูดถึงเส้นทางสู่แดนตะวันตก”กัวไฮว่มองลงไปยังนักเรียนที่อยู่ด้านล่างมีทั้งคนที่ฟังและคนที่ไม่ได้สนใจ
“จริงๆแล้วเส้นทางสู่แดนตะวันออกไม่ใช่เส้นทางจากจีนไปอินเดียอย่างทุกคนเข้าใจ แต่เป็นเส้นทางที่นักเวทผู้ยิ่งใหญ่บุกเบิกขึ้นในสมัยเบิกฟ้าเบิกดินต่างหาก หรือจะเรียกอีกอย่างก็คือเส้นทางแห่งบุญยังไงล่ะ”กัวไฮว่ไม่ได้สนท่าทางของนักเรียนที่อยู่ด้านล่างปะรําพิธีเขาพูดต่อไป
“ถังเสวียนจ่วงเป็นใครก็คือจินฉานจื่อกลับชาติมาเกิดนั่นเอง เดิมทีเนี่ยจินฉานจื่อเป็นสาวกพุทธศาสนา เขากลับมาเกิดใหม่เพราะบุญกุศลไม่เพียงพอเส้นทางสู่แดนตะวันตกจึงมีขึ้นเพื่อให้จินจื่อฉานสะสมบุญกุศลเท่านั้นเอง”กัวไฮว่พูดอย่างฉะฉาน
“ซุนหงอคงก็มีอยู่จริง ราชวงศ์รุ่งเรืองได้หลายปีก็ต้องขอบคุณถังเซวียนจ่วง แล้วที่เสี่ยวอู๋ได้เขียนเรื่องไซอิ๋วเนี่ยก็เป็นโชคดีของเขาแล้ว”กัวไฮว่พูดอยู่ประมาณสิบกว่านาทีคนด้านล่างปะรำพิธีสี่สิบกว่าคนก็ฟังจนเพลินไม่ว่าประวัติศาสตร์ที่กัวไฮว่พูดจะจริงหรือเท็จแต่ก็น่าฟังกว่าตาแก่นั่นเยอะ
“ผอ.หลี่นักเรียนใหม่มอสี่ห้องหนึ่งผมไม่รู้ว่าเขาเป็นเส้นใครแต่เขาต้องมาขอโทษผมภายในหนึ่งสัปดาห์ ผมสอนประวัติศาสตร์มาตั้งหลายปีเพิ่งจะเคยเห็นนักเรียนแบบนี้เป็นครั้งแรกไม่เห็นหัวอาจารย์ คุณรู้รึเปล่าว่าเขาพูดอะไรในคาบน่ะเขาบอกว่าไซอิ๋วเป็นเรื่องจริง”เหล่าฉื่อตะโกนเสียงดังลั่นอยู่ในห้องทำงานของผอ.หลี่
“น้องฉื่อฟังฉันสักคำก่อนได้ไหม”หลี่สวินอวี้ดื่มน้ำจากนั้นก็พูดยิ้มๆพลางมองฉื่ออวี้ไฉ“หลายปีมานี้ฉันลงโทษคนอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจมาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ ง่ายๆเลยก็เพื่อให้นักเรียนของฟู่จงไม่ทำผิดพลาด แต่เด็กคนนี้ทำให้ฉันคิดใหม่ มีเหตุผลสองอย่างก็คือข้อแรกฟู่จงเงียบเกินไปนักเรียนพวกนี้ต้องได้รับการกระตุ้นสักหน่อย ข้อสองเด็กนี่แซ่กัวเป็นหลานชายของนายหญิงใหญ่กัว ถ้านายอยากจะลงโทษเขาฉันว่านายไว้หน้าตระกูลกัวหน่อยก็ดีนะ”
“หลานชายตระกูลกัว? เจ้าสี่สี่ตัวอันตราย?”ฉื่ออวี้ไฉถึงกับชะงักทั้งศีรษะเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
“นายไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ หลังจากเด็กนี่รถชนก็เหมือนว่าจะเปลี่ยนไปไม่น้อยเลย ก่อนหน้านี้หลี่เวยหลานชายฉันที่อยู่ฝ่ายรปภ.มีปัญหากับเขานิดหน่อย แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกันเลย”หลี่สวินอวี้อ่านใจของเหล่าฉื่อออกจึงพูดขึ้นยิ้มๆ
“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วเหล่าหลี่นายต้องช่วยฉันนะ”ฉื่ออวี้ไฉพูดจบก็เดินกลับห้องทำงานตัวเองไป
“นี่นาย ตามที่นายพูดงั้นที่ซุนหงอคงบุกสวรรค์ ตือโป๊ยก่ายลวนลามฉางเอ๋อก็จริงหมดน่ะสิ”เด็กหนุ่มที่อยู่ล่างปะรำพิธีคนหนึ่งพูดขึ้นเสียงดัง
“บุกสวรรค์น่ะเรื่องจริงแต่ที่ตือโป๊ยก่ายลวนลามฉางเอ๋อน่ะเป็นความลับสวรรค์ ความลับไม่อาจแพร่งพรายได้”เมื่อกัวไฮว่พูดจบเสียงออดเลิกคาบก็ดังขึ้นทั้งยังมีเสียงปรบมือจากนั้นเรียนทั้งห้องก็ดังขึ้นไปพร้อมกับเสียงออดเลิกคาบ
[1]หมายถึงอู๋เสี่ยวเอินผู้เขียนเรื่องไซอิ๋ว
[2]อุปมาว่าคนรุ่นใหม่ไม่กลัวสิ่งใดกล้าพูดกล้าทำ
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^
https://www.kawebook.com/story/6815