[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 145 เปิดคลินิกไม่ (10)
“ยากันแก่เหรอ น้องไฮว่ นายบอกว่ายันแก่ หรือว่าจะเป็นยากันแก่ที่มีสรรพคุณเหมือนกันกับในนิยายน่ะ” หลิ่วเยียนถามขึ้นเบา ๆ อย่างไม่อาจเชื่อตัวเอง และเธอก็เปลี่ยนคำเรียก ไม่เรียกผอ. ไฮว่แล้ว เปลี่ยนเป็นน้องไฮว่แทน
“ฮ่า ๆ พี่ลองดูแล้วจะรู้เอง ผมไม่พูดกับพี่แล้ว ถ้ามัวแต่พูดกับคนสวยอีกเดี๋ยวเมียผมจะหึงเอา” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ พลางมองอวี้เอ๋อร์ที่เดินมาทางตน
“ตาบ้า อย่ามัวแต่คุยกับคนสวยอยู่เลย ไปเถอะ นายท่านต่างก็ไม่ยอมไป บอกว่าจะอยู่กินข้าวที่คลินิก ไปดื่มหน่อยสิ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้ม ๆ สองสามีภรรยากัวหลิวอี้ยังไม่ได้ไป หลี่เย่าเจี่ยหยวนหวังเซิง พี่ ๆ ที่แสนดีทั้งสามคนยังไม่ไป คุณปู่ทั้งสามตระกูลยังไม่ได้ไป ยอดฝีมือเซียนเทียนจากสามสำนักใหญ่ก็ยังไม่ได้ไป เหล่าโจวออกจะรับมือไม่ไหวนิดหน่อย
“ท่านผู้อาวุโส คุณอาทั้งหลาย เมื่อกี้ผมพูดเล่นนะครับ วัตถุดิบหมดแล้วจริง ๆ วันนั้นพวกเรากินกันไปหมดแล้ว ส่วนเหล้าก็อยู่ที่เสี่ยวไฮว่ผมไม่มีหรอก ไม่งั้นเราไปที่เทียนหยางด้วยกันไหมครับ อาหารที่นั่นไม่แย่เลย” โจวเทียนหยางพูดยิ้ม ๆ ร้านเทียนหยางกั๋วจี้ไม่เกี่ยวอะไรกันกับเขาแม้แต่แดงเดียว เมื่อกี้เขาปากมากดันพูดไปว่าอาหารที่เทียนหยางกั๋วจี้เทียบกับที่คลินิกไม่แล้ว ขอทานยังไม่กินเลย เจี่ยกูอวิ๋นดันได้ยินพอดี คราวนี้เหล่านายท่านเลยไม่ไปกัน
“เด็กเวร วันนี้พวกเรามาเยี่ยมพวกเธอนะ ก็ต้องกินข้าวที่นี่สิ เธอคงจะไม่ได้ไม่เตรียมข้าวให้หรอกใช่ไหม” เมื่อเจี่ยกูอวิ๋นเห็นกัวไฮว่เดินมาก็พูดอย่างยิ้มแย้ม
“พี่สอง แขกที่อยู่กินข้าวที่คลินิกไม่ทุกคน ให้เก็บเงินล้านนึง และเงินทุกหยวนพี่ต้องให้จ่ายให้ผมเพิ่มอีกสิบเท่า” กัวไฮว่พูดกับเจี่ยหยวนที่กำลังคิดจะหนีด้วยเสียงดัง “ทางคลินิกไม่ของเราจะจัดการเรื่องอาหารให้ แต่ถ้าอยากจะอยู่กินข้าวที่คลินิกไม่ก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น”
“ล้านนึงก็ล้านนึง ฉันอยากจะดูนักว่ารสเลิศที่โจวเทียนหยางพูดมันจะคุ้มเงินล้านหรือเปล่า ถ้าไม่คุ้ม แกเก็บจากฉันแกก็ต้องคืนมาให้ฉัน” เจี่ยกูอวิ๋นพูดยิ้ม ๆ ด้วยความยโสโอหัง
“หลี่อวี้ เสี่ยวโม่ อวี้เอ๋อร์ ไปช่วยในครัวหน่อยส่วนคนอื่นจัดโต๊ะ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ จากนั้นก็ต่อสายโทรศัพท์โทรหาหลินฉางเทียน
“เหล่าหลิน มีเรื่องจะให้คุณช่วยหน่อยครับ วันนี้คุณก็เห็นแล้วนี่ว่าวันนี้ที่คลินิกไม่ของผมแน่นไปหน่อย ช่วยจัดการให้ผมใช้คลินิกปู้ไป๋ข้าง ๆ สักร้อยแปดสิบปีได้ไหมครับ” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม
“ร้อยแปดสิบปี เธอก็กล้าพูดนะ รอเดี๋ยว เดี๋ยวฉันให้คนเอากุญแจมาให้เธอ” หลินฉางเทียนพูดยิ้ม ๆ เขาสั่งไปไม่ถึงห้านาทีคนขับรถก็นำกุญแจคลินิกปู้ไป๋มาให้
กัวไฮว่จึงให้เหล่านักศึกษามาช่วยปัดกวาด จากนั้นก็ยืมโต๊ะจากคลินิกข้าง ๆ มา ไม่เช่นนั้นมีหลายคนมารับประทานอาหารอาจไม่มีที่พอ
“ผอ. ไม่งั้นเราไปกินข้าวกันที่เทียนหยางไหมครับ วันนี้คนเยอะมาก คลินิกของพวกเรารับไม่ได้หรอก” หลังจากที่เฉินเจี่ยตี้กับนักศึกษาคนอื่น ๆ ปรึกษากันก็มาพูดกับกัวไฮว่
“เจี่ยตี้ นายบอกว่าคลินิกของพวกเรา แต่ดูทรงแล้วนายยังไม่ได้มองตัวเองว่าเป็นคนของคลินิกไม่จริง ๆ สินะ พวกเธอเป็นคนของคลินิกไม่ งั้นก็คือเป็นคนกันเอง เป็นเจ้าของคลินิกไม่ เธอเคยเห็นคนในครอบครัวมาเป็นแขกแล้วเจ้าของออกไปกินข้าวนอกหรือเปล่า” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “เดี๋ยวให้พวกเขาไปกินข้าวที่คลินิกปู้ไป๋นะ ส่วนพวกเรายังกินข้าวอยู่ที่คลินิกไม่”
เพียงคำง่าย ๆ แค่สองสามคำก็ทำเอาในใจพวกเฉินเจี่ยตี้เดือดพลุ่งพล่าน ความสามารถทางการแพทย์ทำเอาพวกเขานับถือแล้ว คุณธรรมของกัวไฮว่ก็ทำให้พวกเขาเคารพนับถือมากขึ้นไปอีก
“เสี่ยวไฮว่ นี่มันเนื้ออะไรกัน เมื่อกี้ฉันแอบชิมไปนิดหน่อย อร่อยจริงๆ อร่อยกว่าเนื้อที่เคยกินเมื่อก่อนอีก” โจวเทียนหยางพูดเบาๆ
“อาโจว ถ้าผมบอกว่าเป็นเนื้อมังกรอาจะเชื่อหรือเปล่า” กัวไฮว่หรี่ตาพูด
“เชื่อสิ ทำไมจะไม่เชื่อ มีแค่เนื้อมังกรเท่านั้นแหละที่จะอร่อยขนาดนี้” โจวเทียนหยางพูดขึ้น “แต่ว่าเสี่ยวไฮว่ เธอใส่ยาจีนที่มีผลทำร้ายหยวนชี่[1]ลงไปในหม้อ คนอื่นทำอาหารสุขภาพเพื่อบำรุง แต่นี่เธอกลับทำตรงกันข้าม”
กัวไฮว่ไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย เขายกยิ้มเล็ก ๆ ตรงมุมปาก จะอธิบายได้อย่างไร จะบอกโจวเทียนหยางว่าถ้าไม่ใช้ยาทำร้ายหยวนชี่เพื่อสยบกำลังในเนื้อมังกรก่อน หลังจากคนพวกนี้กินไปแล้วระเบิดกำลังออกมา แม้แต่เทพเซียนก็ช่วยชีวิตไม่ได้
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง กัวไฮว่เห็นว่าของในหม้อใบใหญ่เรียบร้อยดีแล้ว ก็ตะโกนให้เตรียมเสิร์ฟอาหาร ทุกคนต่างก็เหนื่อยกันแล้ว เมื่อได้ยินว่าจะทานอาหารต่างก็คึกครื้นกันขึ้นมา
“เจ้าสี่ เก็บเงินครบแล้ว มีแค่นายท่านกับคุณย่าของแกไม่ได้จ่าย คนอื่นจัดการเรียบร้อยแล้ง” เจี่ยหยวนพูดอย่างยิ้มแย้ม
“เด็กบ้า ย่ากินข้าวที่นี่มื้อเดียว เด็กนี่ยังจะให้ฉันจ่ายล้านนึงอีก แกเป็นคนบอกให้ทำเหรอ แถมยังสวมรอยเป็นเสี่ยวหยวนหยวนอีก” นายหญิงใหญ่ก่นด่า
“คุณย่า ผมคือเจี่ยหยวนจริง ๆ นะครับ ตัวจริงของจริง ทำไมย่าไม่เชื่อกันเนี่ย” เจี่ยหยวนพูดขึ้นด้วยสีหน้าเอือมระอา เขาบอกกับนายหญิงใหญ่หลายรอบแล้ว ทว่านายหญิงกลับพูดแค่อย่างเดียวว่า “ฉันรู้จักเสี่ยวหยวนหยวนมาตั้งแต่ยังเด็ก เจ้าอ้วนตุ้ยนุ้ยนั่นไม่เหมือนแกเลยสักนิด ผอมอย่างกับไม้ไผ่ ถ้าแกคือเจี่ยหยวน แกกล้าให้เงินค่ายากับเจี่ยกูอวิ๋นไหมล่ะ”
“ฮ่า ๆ คุณย่า ย่าไม่ต้องให้เงินนะ ให้ปู่ผมรูดบัตรมาล้านนึงก็ได้ ยังไงซะเขาก็มีเงิน” กัวไฮว่พูดด้วยความยิ้มแย้ม ส่วนกัวหลิวอี้ก็เบิกตาโพล่ง แต่ก็รูดบัตรหนึ่งล้านจริง ๆ
จากนั้นพวกคนแก่ก็ถูกเชิญไปนั่งที่คลินิกปู้ไป๋ข้าง ๆ คลินิกไม่ และต่างก็บ่นพึมพำกันอีกครั้ง แต่เมื่ออาหารจานแรกเสิร์ฟบนโต๊ะ กลิ่นหอมสะพักทำเอาทุกคนต่างก็ไม่ปริปากพูดอะไรออกมา
“เหล่ากัว ดี ดีมาก วัน ๆ แกกินแต่อาหารอันโอชะแต่ก็ไม่เคยจะเรียกให้พวกเรามากินด้วยกันสักครั้ง อย่างตอนที่แกถูกไล่มาเมืองอู่เฉิง พวกเราก็ไม่เห็นจะทำกับแกแบบนี้” หลี่โต้วเทียนพูดด้วยเสียงดัง
กัวหลิวอี้ไม่พูดไม่จา เขากลืนเนื้อสองชิ้นลงท้องไป “ฉะ…ฉันก็เพิ่งเคยกินของแบบนี้เป็นครั้งแรก เด็กเวรนี่ ยังจะมารูดบัตรฉันล้านนึงอีก แต่เงินล้านนึงนี่คุ้มดีนะ แค่มื้อเดียวก็คุ้มแล้ว” ในขณะที่พูดกัวหลิวอี้ก็คีบเนื้อยัดเข้าไปในอีกชิ้น
“เหล่ากัว แกกินไปสามชิ้นแล้วนะ ห้ามกินอีกแล้ว จานแค่นี้เอง แกจะกินอีกไม่ได้ เหล่าหวังก็ด้วย แกก็สามชิ้นแล้ว เดี๋ยวพวกแกสองคนค่อยกินอีก” หลี่โต้วเทียนพูดยิ้ม ๆ โดยตะเกียบก็ไม่ได้ว่าง เขาจับตะเกียบแน่นแล้วกินไปคำหนึ่ง ดีที่ที่นี่ไม่มีใคร ถ้ามีข่าวหลุดออกไปล่ะก็ คนที่มีหน้ามีตาพวกนี้ต้องถูกคนอื่นหัวเราะจนฟังร่วงแน่
“คุณปู่ทุกท่าน ผู้อาวุโสทุกคนครับ กินกันช้าหน่อย วันนี้เอาให้อิ่มเลย” ในขณะที่พูด กัวไฮว่ก็วางขวดไว้บนพื้นแปดขวด “สิบหกคน แปดขวด เหล้าเยอะขนาดนี้ เงินล้านนึงของทุกคนยังไม่พอค่าเหล้าผมเลย ไม่ว่าใครก็อย่าขอจากผมเพิ่มอีกนะครับ” พูดเสร็จ ก็ไฮว่ก็หันหลังกลับวิ่งหนีไป
จากนั้นเหล่าผู้สูงอายุต่างก็ต่อยตีแย่งชิงกัน แต่สุดท้ายเป็นเพราะกัวหลิวอี้แซ่กัว เขาดื่มไปได้แค่แก้วเล็กแก้วเดียว พอนึกขึ้นได้ว่าหลานชายของตนเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ก็หรี่ตาหัวเราะลั่นขึ้น
เมื่อเสิร์ฟอาหารสามอย่างเสร็จ เหล่าผู้อาวุโสก็รับประทานกันอย่างมีความสุข ทางด้านคลินิกไม่ก็รับประทานกันอย่างคึกครื้น นายหญิงใหญ่นั่งอยู่ด้านข้างกัวไฮว่ เธอรู้จักเด็กสาว ๆ เหล่านี้ดี จากนั้นก็มองเด็กสาวในหมู่นักศึกษาอีกรอบ หลานชายของเธอตาแหลมนัก เด็กสาวพวกนี้ต่างก็เขินอาย
[1] หยวนชี่ หรือชี่ดั้งเดิม เป็นพลังที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด