[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 142 เปิดคลินิกไม่ (7)
“พ่อหนุ่มกัวไฮว่ นี่เซี่ยอวี้หลินศิษย์น้องฉันเอง รบกวนพ่อหนุ่มด้วยนะ” ตอนที่เซียวเฟยหยางฟื้นขึ้นมา เซี่ยอวี้ขุยจากสำนักมวยเจ็ดพิการก็ลากคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับตนเดินมายังเบื้องหน้าของกัวไฮว่
“ทำร้ายศัตรูไปเป็นพันตัวเองบาดเจ็บกลับมาแปดร้อย ท่านผู้อาวุโสอยากให้ผมรักษาเพราะต่อไปอยากจะฝึกมวยต่อหรือว่าอยากใช้ชีวิตที่สงบสุขครับเนี่ย” กัวไฮว่ถามยิ้ม ๆ พลางจับชีพจรเซี่ยอวี่หลิน
“พอได้ก้าวเข้ามาในยุทธภพแล้วก็ไม่เคยหยุดเรื่องบุญคุณความแค้น พ่อหนุ่ม ฉันเป็นผู้บำเพ็ญเพียร ช่วยคนมาก็ไม่น้อย ทำร้ายคนมายิ่งเยอะกว่า ฉันรู้ว่าฉันมีเวลาเหลืออีกไม่มาก ในเมื่ออยู่ในยุทธภพ ถ้าเธอไม่ทำให้กำลังแขนขาฉันหายไปฉันก็จะรักษา แต่ถ้าทำให้ฉันไม่อาจฝึกมวยได้อีก งั้นครั้งนี้ก็ไม่รบกวนพ่อหนุ่มแล้วล่ะ” เซี่ยอวี่หลินพูดยิ้ม ๆ
“ผมรับเงินมาแล้ว ไม่รบกวนก็คงไม่ได้ ยี่สิบปี ผมให้เวลาผู้อาวุโสเซี่ยต่อสู้อีกยี่สิบปี หลังจากยี่สิบปีนายท่านค่อยมาหาผมที่คลินิกไม่ดีไหมครับ” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม
“ฮ่า ๆ ปีนี้ฉันอายุแปดสิบเอ็ดแล้ว ถ้ายังอยู่ได้อีกยี่สิบปี วันเวลาที่เหลือฉันก็จะมอบให้เธอ” เซี่ยอวี่หลินพูดยิ้ม ๆ แต่ภายหลังเขาไม่คาดคิดเลยว่า เขากลับทำงานเป็นผู้ดูแลคลินิกที่คลินิกไม่เป็นเวลายี่สิบสามปี
“อาการบาดเจ็บบนตัวคุณหนักกว่าผู้อาวุโสอวี่ขุยเยอะเลย วันนี้ผมช่วยคุณฝังเข็มก่อน ผ่านไปเจ็ดวันคุณค่อยมาที่นี่ใหม่ แล้วผมจะสั่งยาให้คุณ ประมาณหนึ่งเดือนอาการป่วยในตัวคุณก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง ต่อไปไม่ว่าจะฝึกมวยเจ็ดพิการก็จะไม่บาดเจ็บจนถึงต้นตอแล้วล่ะ ยี่สิบปีหลังจากนี้คุณต้องมาที่คลินิกไม่นะ ไม่งั้นต่อให้ไม่มีใครไปหาเรื่องคุณ ผมนี่แหละจะไปเอง” กัวไฮว่หรี่ตาพูด จู่ ๆ เซี่ยอวี่หลินก็พลันสัมผัสได้ถึงความเย็นวาบในร่างกายของตนจากนั้นก็ผงกศีรษะเบา ๆ
ครั้งนี้กัวไฮว่ฝังเข็มค่อนข้างช้า และในระหว่างการฝังเข็มทุกครั้งที่แทงเข็มลงไปก็อธิบายให้นักศึกษาในคลินิกไม่ฟังด้วยเช่นกัน ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง กัวไฮว่ก็ฝังเข็มไปบนร่างของเซี่ยอวี่หลินทั้งหมดสามสิบเล่ม
“เหอโม่ อย่ามองฉันแบบนั้นสิ ฉันใช้วิชาสิบสามเข็มสำนักผี ก่อนหน้านี้ฉันบอกเธอแล้วไง สิบสามเข็มสำนักผีไม่ใช่ความลับอะไรสำหรับฉัน เธอควรจะดูวิธีฝังเข็มของฉันให้ดีนะ เธอต้องจำไว้ให้ดีด้วยว่า ฝังเข็มแบบนี้ เป็นคนก็แบบนี้ มีต้นและตอ ฉันก็แค่ใช้ไอความโหดร้ายของสิบสามเข็มสำนักผีมาสู้กับไอความบาดเจ็บในตัวของนายท่านเซี่ยก็เท่านั้น” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม เหอโม่ก็ผงกศีรษะเบา ๆ
กัวไฮว่รับเข็มมา เซี่ยอวี่หลินมองกัวไฮว่ด้วยความตกตะลึง เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในร่างกายของตนได้อย่างชัดเจน ไม่เหมือนเดิมจริง ๆ ด้วย อาการเจ็บที่เกิดจากมวยเจ็ดพิการได้หายไปกว่าครึ่ง
“ในตอนเช้านี่ยังเหลืออีกคนหนึ่ง ไม่ทราบว่ามีใครอยากลองไหมครับ” เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จ ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก็พาเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาข้าง ๆ กัวไฮว่ เขาไม่ได้ปริปากพูดอะไรมาก เพียงแค่คุกเข่าลงกับพื้น
“พ่อหนุ่ม เธอช่วยลูกฉันหน่อยเถอะ” ชายวัยกลางคนพูดพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น ชายผู้นี้มาด้วยกับกับศูนย์สวัสดิการเมืองอู่เฉิง ตอนแรกเขาทันได้สังเกต ทว่าตอนที่เขานำสายตาตกไปอยู่บนร่างของเด็กหนุ่มนั่นเอง ความรู้สึกไม่สบายใจระลอกหนึ่งก็โถมเข้ามากลางใจ
“เด็กนี่เริ่มมีอาการแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอครับ ช่วงนี้เขาไปที่ไหนมา” กัวไฮว่ถามขึ้นเบา ๆ เด็กหนุ่มมีแววตาเหม่อลอย แขนขาไร้เรี่ยวแรง ทว่าเลือดลมยังปกติ กัวไฮว่พอจะเดาออกได้ว่าเป็นเพราะสาเหตุอะไร
“เจ็ดวันก่อนออกไปข้างนอกกลับมาที่บ้าน พอตื่นขึ้นมาวันที่สองก็เป็นแบบนี้แล้ว” ชายวัยกลางคนพูดเบา ๆ
“เขาเกิดวันที่เก้าเดือนเก้าใช่ไหม” กัวไฮว่ถามขึ้นอีกครั้ง
“หมอกัวเป็นหมอเทพเหรอ เสี่ยวจิ่วเกิดวันที่เก้าเดือนเก้าเก้านาฬิกาเก้านาที” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น หลายวันมานี้เขาวิ่งเต้นไปคลินิกไม่มาน้อย หลายวันมานี้ทรัพย์สินในบ้านที่เดิมมีอยู่อู้ฟู่ก็หมดไปกับอาการป่วยของลูกไม่น้อย
“ไม่ทราบแขกในที่นี้มีใครเกิดเดือนเก้าปีมังกรไหมครับ รบกวนออกมาหน่อย ขอเป็นผู้ชายนะครับ” กัวไฮว่พูดกับทุกคนด้วยเสียงดัง “ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ผมต้องการเลือดสักสองหยดมาเป็นตัวยาเสริมเท่านั้น เพื่อเป็นการตอบแทนคลินิกไม่จะให้ยาที่เพิ่งทำมาเสร็จให้เม็ดนึง”
“ปู่ฉือครับ ผมเกิดปีมังกร เกิดเดือนเก้า ไม่ทราบว่าได้หรือเปล่า” เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างฉือเย่าเหมี่ยนพูดขึ้นเบา ๆ
“พ่อหนุ่มกัวไฮว่ เด็กจากร้านยาเจิ้นจงของเราเกิดเดือนเก้าปีมังกร เธอว่าได้ไหม” ฉือเย่าเหมี่ยนตะโกนเสียงดัง ในใจเขารู้สึกมีความสุข ถ้าได้ยานั่นมาอีก แล้วเอาไปให้ผู้นำตระกูลเขาก็จะขอลาออกก่อนได้ “เสี่ยวเจ้า มัวอึ้งอะไรอยู่ รีบขึ้นไปเร็ว ไม่ว่าคลินิกไม่จะให้ยาอะไรกับแก ฉันก็จะซื้อในราคาล้านนึง”
“ปู่ฉือ พูดคำไหนคำนั้นนะ” เสี่ยวเจ้าเดินไปยังด้านหน้าของกัวไฮว่ด้วยหน้าตารื่นรมย์ กัวไฮว่สำรวจเสี่ยวไฮว่ก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็นำเข็มออกมา ปล่อยเลือดจากมือของเสี่ยวเจ้าออกมาสองหยดเก็บเอาไว้ในขวดหยก ต่อมาก็ให้อวี้เอ๋อร์มอบยาผิวหิมะแก่เสี่ยวเจ้าไปหนึ่งเม็ด เสี่ยวเจ้ามีสีหน้าเบิกบานแต่ฉือเย่าเหมี่ยนเบิกบานเสียยิ่งกว่า
ทุกคนต่างก็ไม่ได้ขัดจังหวะเพราะอยากจะดูกันว่ากัวไฮว่เตรียมจะรักษาเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้อย่างไร โดยเฉพาะคนจากสมาคมแพทย์แผนโบราณ เพราะพวกเขาเคยเห็นเสี่ยวจิ่วเด็กคนนี้มาแล้ว พวกเขาตรวจที่โรงพยาบาลทว่าไม่พบโรคใดๆ เลยไม่อาจรักษาให้ได้ พวกเขาสั่งยาสงบจิตประสาทให้ไปตั้งเยอะทว่าไม่ได้รับเงินมาแม้แต่แดงเดียว
“ต้าจู้ ไปขุดตะขาบใต้หินหลังภูเขาจำลองแล้วรีบเอามาเลยนะ” เมื่อต้าจู้ได้ยินคำสั่งของกัวไฮว่ก็รีบวิ่งไปยังด้านหลังของภูเขาจำลองทันที แล้วก็เอาตะขาบตัวเป็น ๆ มาจริงเสียด้วย เขาใส่ลงไปในขวดหยกใบเมื่อสักครู่ตามคำสั่งของกัวไฮว่
“เหอะ ๆ ต้าจู้ มา ต้องเจาะเลือดเธอสักหน่อยเหมือนกัน” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ
“คุณไฮว่ ผมไม่ต้องการอะไรเลยแต่คุณให้ยากันแก่ผมสักเม็ดได้ไหม พวกซ้อได้กินกันหมดแล้ว ปี้โหรวของผมยังไม่ได้กินเลย ผมขอให้เธอสักเม็ดนะครับ” ต้าจู้พูดยิ้มแย้มด้วยท่าทางเซ่อซ่า ถึงเขาจะกดเสียงลงแล้วทว่าเสิ่นปี้โหรวก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน ใบหน้าน้อย ๆ เลยแดงก่ำขึ้นมา
“เสี่ยวโหรว ต้าจู้ดีกับเธอมากเลยนะ จะอายทำไมกัน เดี๋ยวคืนนี้พี่จะตรวจดูเธอว่าร่างกายเธอยังเป็นเด็กน้อยอยู่หรือเปล่า” ซุนหลิงหลิงที่อยู่ข้างๆ เสิ่นปี้โหรวพูดด้วยความสนอกสนใจ ส่วนเสิ่นปี้โหรวหน้าแดงขึ้นกว่าเดิม
“ต้าจู้ ใช้ได้นะเนี่ย รู้จักต่อรองแล้ว ยากันแก่นั่นไม่มีแล้วล่ะ แต่ยังมียาผิวสวยอยู่หน่อยนึง ไว้ฉันให้นายเม็ดนึงนะ” กัวไฮว่พูดพลางแทงเข็มไปบนนิ้วมือใหญ่ของต้าจู้ เลือดสดหยดหนึ่งก็เข้าไปในขวดหยก ตะขาบที่อยู่ภายในก็แกล้งตายราวกับเจอศัตรูตัวฉกาจ
“เหล่าหลิน ดูออกหรือเปล่าว่าเด็กนั่นเป็นโรคอะไร พ่อหนุ่มกัวไฮว่จะรักษายังไง” จางเทียนเจิงถามขึ้นเบา ๆ
“ฉันเคยเจอเสี่ยวจิ่วมาแล้ว ตาแก่สมาคมแพทย์แผนปัจจุบันเคยโทรหาฉันแล้วล่ะ ตรวจดูแล้วปกติหมด การแพทย์แผนปัจจุบันไม่อาจอธิบายได้ ฉันเคยจับชีพจรเสี่ยวจิ่ว ถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็น่าจะใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แบบที่มีบันทึกไว้ในตำราเก่าของการแพทย์แผนโบราณไงล่ะ แต่พวกเราไม่เคยเห็นก็เลยไม่อาจสรุปได้” หลินฉางเทียนพูดเบา ๆ เหมือนว่ากัวไฮว่จะได้ยินที่หลินฉางเทียนพูดจึงมองเขาแวบหนึ่งพร้อมกับผงกศีรษะ แม้เขาจะไม่เคยประลองกับหลินฉางเทียนทว่ากัวไฮว่ก็มีความประทับใจต่อตาแก่หลินคนนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว