[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 139 เปิดคลินิกไม่ (4)
หนึ่งชั่วโมงถัดมา คลินิกไม่ก็เริ่มคึกคักขึ้นมา หลังจากที่นายท่านทั้งสามตระกูลหลี่ ตระกูลเจี่ยและตระกูลหวังมา คนที่ไม่เกี่ยวข้องกับกัวไฮว่จากวงการข้าราชการเมืองอู่เฉิง วงการการค้าเมืองอู่เฉิงและวงการทหารเมืองอู่เฉิงต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ราวกับได้ยินเบาะแสอะไรมา ทำเอาคนจากสมาคมแพทย์แผนปัจจุบันที่เตรียมจะมาหาเรื่องถึงกับแว่นตาตก ไม่คิดเลยว่าคลินิกไม่แห่งนี้จะมีเบื้องหลังคอยหนุนเยอะขนาดนี้
“ไม่ว่าใครจะมา แต่ถ้าคลินิกไม่นี่ไม่มีความสามารถ พวกเขาก็ยื่นมือมายุ่งเรื่องของวงการแพทย์ด้วยไม่ได้หรอก” ต่งคุนพูดเบา ๆ
“ผอ. ครับ ข้างนอกมีนักศึกษามา บอกว่าเป็นนักศึกษาของผอ. ครับ” เฉินเจี่ยตี้สิ่งเข้ามาในห้องพร้อมกับพูดอย่างยิ้มแย้ม
“ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะมาด้วย ต้าจู้ นายไปทักทายหน่อยสิ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ จากนั้นต้าจู้วิ่งออกไป
“หรือว่ากัวไฮว่จะเป็นเจ้าของคลินิกนี่จริง ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าหมอของคลินิกนี้คือใคร ถึงได้ทำให้คณะแพทย์แผนโบราณกับวงการอื่น ๆ ต่างก็ให้ความสำคัญเช่นนี้ ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่” ไป๋มู่เซิงพูดขึ้นเบา ๆ
“เสี่ยวไป๋ หมอของคลินิกนี่ก็คือกัวไฮว่นั่นแหละ เดี๋ยวเธอจะรู้เอง กัวไฮว่คนนี้นี่ไม่ธรรมดา พวกเธออยู่ที่ถนนซิ่งหลินกันหมด หวังว่าพวกเธอจะติดต่อกันเยอะ ๆ ทำให้การแพทย์แผนโบราณรุ่งโรจน์” หลินฉางเทียนพูดเบา ๆ ครั้งนี้ไป๋มู่เซิงตกตะลึงสุดขีด หมอประจำคลินิกดันเป็นหมอนี่ ดูทรงจะสนุกแล้วล่ะสิ หวังว่าเปิดกิจการวันนี้จะมีผู้ป่วยมานะ ไม่งั้นเปิดกิจการในครั้งนี้ได้ขายหน้าแย่
“พ่อหนุ่มกัวไฮว่ คนก็มากันจะครบหมดแล้ว เธอบอกว่าวันนี้เปิดกิจการรักษาสิบคน พวกเราเรียงคิวกันแล้วนะ” คนที่พูดขึ้นก็คือเซียวอวิ๋นเทียนแห่งสำนักมวยแปดสุดยอด เหล่าผู้อาวุโสที่เขาพามาก็คือพวกพี่น้องของเขาเอง เมื่อสามสิบปีก่อนตอนไปแลกเปลี่ยนความรู้วูซูที่ประเทศอาร์ถูกคนคิดมิดีมิร้ายเข้า ตลอดสามสิบปีมานี้จึงมีพิษแฝงในร่างกายมาตลอด และหวังว่าครั้งนี้กัวไฮว่จะรักษาให้เขาได้
“ไม่ทราบว่าใครจะรักษามวยแปดสุดยอดครับ หวังว่าก่อนที่คลินิกไม่จะรักษาให้พวกเราสมาคมแพทย์แผนปัจจุบันได้ดูอาการก่อนได้ไหมครับ” ต่งคุนพูดอย่างยิ้มแย้ม เขารู้ดีว่าเวลาสำคัญมาถึงแล้ว พวกแกมาที่คลินิกไม่แห่งนี้กันอย่างอึกทึกคึกโครม ส่วนมากมาก็เพื่อชื่นชมยินดีกับคลินิกไม่ เลยแค่หาคนที่ไม่ได้ป่วยอะไรมากมายมาให้พวกเขารักษา ให้พวกเขาได้สร้างชื่อก็เท่านั้น
“เธอชื่อต่งคุน เป็นหัวหน้าสมาคมแพทย์แผนปัจจุบัน เมื่อก่อนตอนฉันไปที่สมาคมแพทย์ปัจจุบันเคยเจอเธอแล้ว ฉันว่าพวกเธอไม่ต้องมาดูอาการป่วยฉันหรอก ตอนนั้นขนาดหลิวซยงเฟิงยังไม่มีหนทางรักษาเลย พวกเธอจะดูออกได้เหรอ” ชายชราที่นั่งอยู่ข้างเซียวอวิ๋นเทียนค่อย ๆ ลุกขึ้นมา ปรากฏความน่าเกรงขามขึ้นทั่วทั้งห้อง ทำเอาต่งคุนหายใจติดขัด ตอนนี้เขาจึงพบว่าเขาเคยพบชายชราที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้
“เซียวเฟยหยางมวยแปดสุดยอด ไม่น่าล่ะทำไมถึงดูคุ้น ๆ ที่แท้ก็คือน้องเซียวปรมาจารย์การต่อสู้นี่เอง” หลี่โต้วเทียนพูดยิ้ม ๆ “เมื่อก่อนน้องเซียวเคยถูกยอดฝีมือนินจาทำร้ายเข้า ฉันยังจำได้อยู่เลย”
“พี่หลี่ล้อกันเล่นแล้ว ผมจำพี่หลี่ได้ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แต่ว่าวันนี้เป็นวันเปิดคลินิด เดี๋ยวเราไปคุยกันหน่อยดีกว่า” เซียวเฟยหยางพูดอย่างยิ้มแย้ม
“ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสมวยแปดสุดยอดนี่เอง จะให้คนจากสมาคมแพทย์ปัจจุบันดูอาการให้คุณอีกก็ไร้ประโยชน์ พวกเราต่างก็เข้าใจดีว่าพวกเขาหมายความว่ายังไง การแพทย์โบราณของเราบริสุทธิ์ ท่านผู้อาวุโสเองก็บริสุทธิ์ เรามาทำให้พวกเขาได้อิ่มอกอิ่มใจกันดีกว่า” กัวไฮว่ยืนอยู่หน้าหมู่ชนพร้อมกับพูดเสียงดัง
“ได้ เป็นเพราะเด็กผู้รากมากดีหลานน้องหลิวอี้แท้ ๆ ฉันว่าคนเมืองอู่เฉิงตาบอดกันแล้วล่ะ ฮ่า ๆ” เซียวเฟยหยางพูดยิ้ม ๆ “ต่งคุน ในเมื่อพวกเธออยากช่วยดูอาการให้ฉัน งั้นก็ขึ้นมาดูด้วยกันสิ”
ต่งคุนกัดฟันแน่น ขึ้นก็ขึ้นไปสิ ฉันอยากจะรู้นักว่าคือโรคอะไรที่สมาคมแพทย์แผนปัจจุบันของเรารักษาให้ไม่ได้
ครั้งนี้สมาคมแพทย์แผนปัจจุบันเตรียมตัวมาแล้ว เตรียมอุปกรณ์มาอย่างครับถ้วน จากนั้นประมาณสิบห้านาทีต่งคุนกับคนจากสมาคมแพทย์แผนปัจจุบันก็พลันหน้าเปลี่ยนสี
“เหล่าเซียว ร่างกายของคุณ ร่างกายของคุณมัน…” ต่งคุนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะบาดเจ็บหนักเช่นนี้ แถมยังยืนอยู่ตรงหน้าตัวเอง ไม่ได้เสียบท่อทั้งตัวรอความตาย
“ในร่างกายของฉัน ลมปราณครึ่งหนึ่งแตกหักหมด พิษหยินเข้าไปในหลอดเลือดหัวใจเรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะฉันใช้กำลังภายในปกป้องหลอดเลือดหัวใจเอาไว้ ฉันน่าจะตายไปนานแล้ว” เซียวเฟยหยางพูดยิ้มๆ “ถ้าพูดด้วยศัพท์ทางการแพทย์ตะวันตกล่ะก็คือกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง หลอดเลือดหัวใจอุดตันเป็นโรคที่ไม่มีวิธีรักษา”
“เหล่าเซียว ผมรักษาอาการป่วยคุณไม่ได้ครับ” ต่งคุนพูดเบา ๆ รักษาไม่ได้ก็คือรักษาไม่ได้จริง ๆ ในวงการแพทย์แผนปัจจุบันไม่มียาใดที่หลอดเลือดถูกทำลายเป็นบริเวณกว้างเยอะขนาดนี้ได้ เขาเองก็ไม่เชื่อว่าแพทย์แผนโบราณจะทำได้
“งั้นตอนนี้ให้พ่อหนุ่มช่วยดูให้หน่อยได้แล้วใช่ไหม” เซียวเฟยหยางพูดยิ้มๆ ตอนนี้เขาไม่หวังอะไรมาก เขาได้รับพิษมาตั้งหลายปี ตอนที่มีฝนตกมืดครึ้ม เขาจะเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างมาก ทว่าไม่กี่วันก่อนหน้านี้ เซียวอวิ๋นเฟิวผู้เป็นรุ่นร้องของเขากลับมาจากทางข้างนอก และพบว่าจู่ ๆ อาการป่วยก็กลับมาดีขึ้น ทำเอาตกตะลึงไป และทำให้เขามีความหวังที่ตัวเองจะหายดีอีกครั้งได้ ไม่ต้องรักษาจนหายหมด ขอแค่ให้เขาได้ลดความเจ็บปวด ได้ใช้ชีวิตอยู่ดี ๆ อีกหลายปี แค่นี้เขาก็พอใจแล้ว
กัวไฮว่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เขายื่นมือมาทาบตรงข้อมือของเซียวเฟยหยาง สีหน้าเริ่มจริงจัง เขาไม่คิดเลยว่าลมปราณของชายชราที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้จะถูกพิษหยินทำลายจนถึงขั้นนี้ จะต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งขนาดไหนกันถึงอดทนมาได้หลายปีขนาดนี้
“พ่อหนุ่ม เป็นไง ไม่ต้องกดดันนะ ฉันรู้สภาพร่างกายของฉันดี เดิมทีก็ไม่มีความหวังอยู่แล้วล่ะ” เซียวเฟยหยางเห็นกัวไฮว่มีสีหน้าจริงจังก็พูดขึ้นเบา ๆ
“พิษเข้าไปในไขกระดูกแล้ว อวัยวะในร่างกายของคุณถูกพิษหยินกัดกินไปหมดแล้ว ก็เหมือนเอาไม้ไปแช่ในเหล้านั่นแหละ ไม้ทั้งชิ้นเป็นเหล้าหมด จะให้ใช้ยาธรรมดาไม่มีทางจะขับพิษออกได้” กัวไฮว่พูดเบาๆ “ผู้อาวุโสเซียวทนมาได้หลายปีขนาดนี้ ผมคารวะเลยครับ”
“ที่บอกว่าหลายปีขนาดนี้หมายความว่าไง เธอบอกว่าไม่มีวิธีรักษาซะก็สิ้นเรื่อง หัวหน้าคลินิกเสี่ยวไฮว่เล่นซะใหญ่เลยนะ ให้เซียวเหล่ามวยแปดสุดยอดออกหน้าให้ ฮ่า ๆ การแพทย์โบราณนี่สุดยอดจริง ๆ” ต่งคุนพูดเสียงดัง
“ต่งคุนใช่ไหม การแพทย์แผนโบราณสุดยอดจริง ฉันถอนพิษให้เซียวเหล่าได้ คุณจะตื่นเต้นไปทำไมกัน” กัวไฮว่หรี่ตามองต่งคุนกับคนอื่นๆ จากสมาคมแพทยท์แผนปัจจุบันพร้อมกับพูดยิ้ม ๆ
“ถ้าเธอถอนพิษในตัวเหล่าเซียวได้ ฉันจะกราบเธอเป็นอาจารย์ จะเรียนการแพทย์แผนโบราณกับเธอตั้งแต่นี้เป็นต้นไป” ต่งคุนตะโกนเสียงดัง เขาไม่เชื่อ อย่างไรเขาก็ไม่อาจเชื่อ เด็กอายุแค่สิบหกสิบเจ็ดดันกล้าพูดว่ารักษาพิษของเซียวเฟยหยางได้ พิษนั่นเข้าไขกระดูกไปแล้ว หรือว่าแกจะชำระล้างไขกระดูกได้อย่างนั้นเหรอ
“ไม่ต้องกราบฉันเป็นอาจารย์หรอก ผมมีกฎที่จะรับใครเป็นศิษย์ คุณลองดูก็ได้ เด็กนี่เป็นศิษย์ผม มองเธอยังไงก็เพลินลูกกะตากว่าคุณเยอะ” กัวไฮว่ชี้ไปที่เหอโม่พร้อมกับพูดด้วยความยิ้มแย้ม