[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 138 เปิดคลินิกไม่ (3)
“พี่ไฮว่ ท่านอาจารย์มาแล้ว” มู่หรงเวยเวยเดินเข้าไปในห้องแล้วพูดกับกัวไฮว่เบา ๆ กัวไฮว่ยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อย จากนั้นก็จูงมือมู่หรงเวยเวยเดินไปต้อนรับปรมาจารย์อวี้เฟิงตรงหน้าประตู
“พ่อหนุ่มเปิดกิจการทั้งที ถึงไม่เชิญฉันต้องจะมาเอง” ปรมาจารย์อวี้เฟิงเดินลงมาจากรถ ด้านข้างมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งตามมา มีใบหน้าเป็นทรงสี่เหลี่ยม บุคลิกลักษณะองอาจห้าวหาญ กัวไฮว่ไม่รู้จักเขา ทว่ามู่หรงเวยเวยรู้ดีว่าคนคนนี้เป็นใคร เขาเป็นศิษย์พี่ของเธอ กู่เอ้าเป่ย
“ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดเกินไปแล้ว เชิญด้านในครับ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “เวยเวย ท่านอาจารย์ชอบความสงบ เธอพาท่านอาจารย์ไปนั่งตรงเรือนหลังเถอะ วันนี้น่าจะยุ่งพอตัว ถ้าดูแลไม่ครบถ้วนตรงไหนท่านอาจารย์ให้อภัยด้วยนะครับ”
“เธอไปทำงานของเธอเถอะ วันนี้ฉันไม่ได้มารักษา แต่มาชมอักษร อักษรสามตัวคำว่า ‘คลินิกไม่’ นี่พ่อหนุ่มเป็นคนเขียนสินะ อักษรที่เธอเขียนที่บ้านฉันในวันนั้นยังเขียนไม่สุดฝีมือล่ะสิ ฮ่า ๆ” ปรมาจารย์อวี้เฟิงยิ้มพลางเดินเข้าไป
“ท่านอาจารย์ นี่น่าจะเป็นศิษย์น้องใช่ไหม” กู่เอ้าเป่ยมองมู่หรงเวยเวยแล้วถามขึ้น
“ฉันเคยเห็นศิษย์พี่แล้ว” มู่หรงพูดกับกู่เอ้าเป่ยอย่างยิ้มแย้ม “วันนี้ไม่พูดเรื่องตัวอักษรกันจะได้ไหม กว่าจะมาร่วมงานเปิดกิจการพี่ไฮว่ได้เนี่ย วันนี้เราไม่พูดเรื่องตัวอักษรกันนะ”
“ฮ่า ๆ ได้ วันนี้จะตามใจยายหนูเวยเวย” ประมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้ม ๆ “เอ้าเป่ย เดี๋ยวส่งอั่งเปาไปให้ในห้องทำพิธีนะ วันนี้เรามาทำความรู้จักกับการแพทย์โบราณที่มีความรู้กว้างขวางแห่งหัวซย่าสักหน่อย ฉันเองก็เพิ่งรู้ว่าแฟนของเวยเวยมีความรู้ด้านการแพทย์ด้วย ฮ่า ๆ”
คำพูดของปรมาจารย์อวี้เฟิงทำเอามู่หรงเวยเวยหน้าแดงระเรื่อ ทว่าภายในใจกลับอิ่มเอม
“ฉันไม่ได้รับเชิญแต่ก็มาเอง พ่อหนุ่มคงไม่โกรธใช่ไหม” กัวไฮว่เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ฉือเย่าเหมี่ยน เถ้าแก่ร้านขายยาที่เคยขายโสมร้อยปีให้กับเขาก็เดินเข้ามา “พ่อหนุ่มเปิดกิจการ ร้านยาเจิ้นจงเลยจะให้โสมกับเห็ดหลินจือเหล่านี้แก่พ่อหนุ่ม หวังว่าจะชอบนะ พ่อหนุ่มไม่ต้องเกรงใจ”
ในขณะที่พูด ก็มีคนสองคนวางกล่องยาไว้ตรงหน้ากัวไฮว่ กัวไฮว่ค่อย ๆ สูดลมหายใจเข้า ฉือเย่าเหมี่ยนคนนี้นี่มือเติบจริง ๆ โสมร้อยปีสามต้น เห็ดหลินจือร้อยปีสามต้น ดูทรงแล้วยาลูกกลอนที่ฉันให้แกไปจะได้ผลไม่เลวเลยนะ
“ขอบคุณครับเถ้าแก่ฉือ ผมจะรับของไว้ เชิญด้านในครับ รออีกหน่อย ผมยังมียาลูกกลอนอยู่บ้าง เดี๋ยวผมจะให้เถ้าแก่ฉือนะครับ หวังว่าไว้ตอนนั้นแล้วเถ้าแก่ฉือจะไม่ปฏิเสธนะครับ” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม ส่วนในใจของฉือเย่าเหมี่ยนเบิกบานยิ่งนัก ปฏิเสธเหรอ ไว้สมองถูกลาเตะก่อนค่อยปฏิเสธ
“งั้นฉันก็ขอบคุณพ่อหนุ่มมากนะ” ฉือเย่าเหมี่ยนพูดยิ้ม ๆ จากนั้นก็โทรศัพท์หาหัวหน้าตระกูลฉือ หัวหน้าตระกูลที่ถือสายอยู่ก็ตะโกนด้วยความตื่นเต้น “ต้องผูกมิตรกับพ่อหนุ่มนั่นให้ดีนะ ถ้าเขาต้องการอะไรแล้วร้านของเรามี ก็ให้เขาไปหมดฟรี ๆ เลย”
“กัวไฮว่เปิดคลินิก เรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่โทรมาบอกฉันหน่อยล่ะ หรือว่าออกจากประตูฟู่จงไปแล้วเธอก็ไม่คิดจะติดต่อตาแก่หลี่ฟู่จงอย่างฉันอีกแล้วหรือไง” หลี่สวินอวี้พูดด้วยเสียงดัง เขา เริ่นเสวียนเช่อและคนอื่น ๆ นั่งรถมาถึงหน้าประตูคลินิกไม่
“ท่านผอ. ดูคุณพูดเข้า เปิดทำการคลินิกไม่ได้เปิดกิจการอื่นสักหน่อย ไม่กล้ารบกวนผอ. หรอกครับ รีบเข้าไปข้างในเร็ว รีบเข้าไป ปู่หกเริ่นก็เชิญข้างในครับ” กัวไฮว่พูดขึ้นด้วยความยิ้มแย้ม จากนั้นพวกของหลี่สวินอวี้กับเริ่นเสวียนเช่อก็ส่งอั่งเปาให้เจี่ยหยวน เจี่ยหยวนรับมาอย่างยิ้ม ๆ ทั้งยังพูดอีกว่าน้องสี่เขาเปิดคลินิกได้อั่งเปามาไม่น้อยเลย
“พี่ไฮว่ ยินดีด้วยนะ” มู่หรงเฟยกับมู่หรงหลงเดินมาจากฝั่งตรงข้ามของถนนซิ่งหลิน เขาส่งอั่งเปาซองใหญ่ให้ กัวไฮว่รับมาด้วยความยิ้มแย้มจากนั้นก็โยนให้เจี่ยหยวน
“เสี่ยวเฟย พี่เขย เชิญข้างในครับ” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม
“พ่อตานายอยู่ด้านหลังน่ะ พวกเราจะเข้าไปกันก่อนไม่ได้” มู่หรงหลงพูดยิ้ม ๆ เหมือนว่ามู่หรงเวยเวยจะได้รับสายจากมู่หรงกูเลยเดินมาในคลินิก เมื่อเธอเห็นมู่หรงหลงกับมู่หรงเฟยก็เดินมาต้อนรับด้วยความยิ้มแย้ม
“เจ้าสี่ รีบออกมาเร็ว ปู่แกมาแล้ว” หลี่เย่าวิ่งออกมาจากในห้องแล้วพูดกับกัวไฮว่เสียงดัง
“ใครบอกปู่ผม” กัวไฮว่ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นเบา ๆ
“ฉันไม่ได้บอกเขานะ ที่แกเปิดคลินิก เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ไม่รู้เขามาได้ยังไง” หลี่เย่าพูดยิ้ม ๆ “มาก็มาไปสิ ฉันไปต้อนรับเขาหน่อยดีกว่า”
กัวไฮว่ยิ้มพลางผงกศีรษะ ดูทรงคลินิกไม่เปิดกิจการในวันนี้ ถึงไม่อยากมีเรื่องก็เป็นไปไม่ได้แล้ว
“พี่ใหญ่ น้องสี่ พี่แกไปทำอะไรน่ะ ปู่ฉันมาแล้ว เราไปหาด้วยกันหน่อยสิ” หวังเซิงเดินออกมาจากในห้องพร้อมกับพูดเสียงดัง ใช่แล้ว หวังหย่งจิ่นก็มาด้วย
“อะไรนะ ปู่เหรอ ทำไมแกไม่บอกให้เร็วกว่านี้ แกไปไหนน่ะ” เจี่ยหยวนพูดเสียงดังกับโทรศัพท์ “ได้ ๆๆ เดี๋ยวฉันจะออกไป” เจี่ยหยวนวางสายโทรศัพท์เสร็จก็รีบวิ่งไปข้าง ๆ กัวไฮว่ “พวกแกไปทำอะไรน่ะ ฉันบอกพวกแกไว้เลยนะว่าตาแก่บ้านฉันน่ะไม่รู้เป็นบ้าอะไร มาถึงที่ถนนซิ่งหลินแล้ว ฉันไปรับเขาก่อนนะ” เจี่ยหยวนยังไม่ทันพูดเสร็จ ก็เห็นบอดี้การ์ดสิบนายล้อมชายชราสามคนเดินมุ่งหน้าเข้ามายังคลินิกไม่
“เจ้าสี่ แกนี่ใหญ่ใช้ได้นะเนี่ย คุณปู่สามคนมากันหมดเลย” เจี่ยหยวนพูดขึ้นเบา ๆ
“ผมไม่ได้ติดต่อพวกเขามา น่าจะปู่ผมติดต่อล่ะมั้ง” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม “รีบให้คุณปู่เข้ามาเถอะ”
“เด็กบ้า หลายปีมาแล้วในที่สุดเธอก็ทำเรื่องเป็นจริงเป็นจังสักทีนะ แต่ปู่ขอบอกเธอไว้ก่อนนะว่าถ้าไม่มีความสามารถก็รีบไสหัวไปได้แล้ว ถ้าเกิดอุบัติเหตุทางการรักษาขึ้นมา ตาแก่อย่างพวกเราไม่ไปตามเช็ดตูดให้แกนะ” หลี่โต้วเทียนพูดด้วยเสียงดัง
“คุณปู่หลี่ ดูปู่พูดเข้า วันนี้ผมเปิดคลินิก ปู่พูดแบบนี้ผมก็เสียใจแย่เลย เอาอั่งเปามาก่อนเลยครับ ไม่งั้นวันนี้ไม่มีข้าวเที่ยงนะ” กัวไฮว่พูดกับชายชราที่อยู่ตรงหน้าด้วยความยิ้มแย้ม เขาพูดล้อเล่นตามใจอยาก ไม่เหมือนกับพี่ๆ ทั้งสามที่หวาดระแวง ใครใช้ให้เราเป็นคนรุ่นหลังที่หน้าด้านกันเล่า
“เหล่าเจี่ย เตรียมอั่งเปาที่แกบอกมา ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้จะพลาดไปไม่ได้หรอกใช่ไหม” หวังหย่งจิ้นถามด้วยเสียงดัง
“ฉันไม่ได้เลอะเลือนสักหน่อย ยังเห็นชัดดี ฉันถืออั่งเปาอยู่นี่ไง” เขาพูดพลางส่งอั่งเปาซองหนาสามซองไปให้กัวไฮว่ “ไอ้หนู วันนี้พวกเรากินข้าวที่นี่ เหล้าเธอน่ะถึงไม่มีก็ต้องมีนะ”
“ฮ่า ๆ เชิญคุณปู่ทั้งสามคนข้างในครับ ปู่ผมอยู่ที่ชั้นสอง พวกปู่นั่งกันไปก่อน วันนี้รับประกันว่าจะให้พวกปู่กินอย่างอิ่มแปล้แน่นอน” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ
“ให้ตาย ให้อั่งเปาแค่นี้ยังจะมาขอกินขอดื่มอีก” เจี่ยหยวนแกะอั่งเปาออกมามองแวบหนึ่งก่อนจะบ่นพึมพำ แต่ไม่คาดคิดว่าเจี่ยกูอวิ๋นจะได้ยินเข้า ชายชราทั้งสามจึงใช้เขตแดนเซียนเทียนอัดเจี่ยหยวนไปฉาดหนึ่ง ทำเอาทุกคนต่างก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา
“คุณพ่อตา ช่วงนี้จิตใจแจ่มใสดีนะครับ ไม่คิดเลยว่าคัมภีร์ไทเก๊กโบราณที่ให้พี่เขยไป พี่เขยเข้าใจแค่ไม่เท่าไหร่ แต่คุณกลับเข้าใจเยอะกว่าเลย ฮ่า ๆ” กัวไฮว่พูดกับมู่หรงกูที่เข้ามาในคลินิกด้วยความยิ้มแย้ม
“พ่อหนุ่ม วันนี้ระวังหน่อยล่ะ มีบางคนอยากหาเรื่องเธอ หวังว่าเธอจะจัดการเองได้นะ” มู่หรงกูพูดยิ้ม ๆ พลางส่งอั่งเปาให้กัวไฮว่
“คุณพ่อตา เชิญด้านในครับ วันนี้มีเรื่องอะไรผมก็รับได้หมด คุณคอยดูเถอะ ปรมาจารย์อวี้เฟิงกับเวยเวย แล้วก็ยังมีพวกปู่ของผมอยู่ที่ชั้นสองหมดเลย” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ