[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 135 พี่ชายแสนดีทั้งสาม
“อะไรนะ แกบอกว่ากัวไฮว่นั่นเปิดคลินิกที่ถนนซิ่งหลินเหรอ เปิดเสาร์นี้เหรอ ฮ่า ๆ ดี ดีมาก เหมือนว่าที่ใต้หล้าอู่เฉิงจะมีสาว ๆ ที่ติดยาอยู่สองสามคนนี่ ส่งไปให้เขาซะ ลูกชายของกัวเทียนเปิดกิจการ ยังไงฉันก็ต้องส่งของไปให้สักหน่อย” ผู้หญิงที่อยู่ชั้นบนสุดของใต้หล้าอู่เฉิงคนนั้นดื่มไวน์แดงในแก้วหมดในอึกหนึ่ง แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงดัง จากนั้นเฮยหลงก็เดินออกไปจากห้องนั้นอย่างรวดเร็ว
“พี่ซานเหอ ช่วงนี้เด็กนี่มีความสุขดีนะ ผมไปสืบมาแล้วว่าจะเปิดกิจการวันเสาร์ ส่วนหนานกงหลิงโม่ที่พี่พูดถึงพวกเราหาตัวไม่เจอเลยครับ” ซย่าโหวอู่พูดเบา ๆ กับซย่าโหวเทียนเหออยู่ภายในโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองอู่เฉิง
“งั้นก็รออีกสักสองวัน ไว้ถึงเวลาฉันจะไปเจอกัวไฮว่หมอนั่นเอง ฉันอยากจะดูหน่อยว่า ไอ้คนที่มันทำร้ายเสี่ยวเทียนจนตายจะทนได้สักกี่น้ำ” ซย่าโหวซานเหอพูดขึ้นด้วยความโหดเหี้ยม
“คลินิกไม่ รอไว้วันเสาร์ ฉันอยากจะดูนักว่าคลินิกไม่ของแกจะเปิดที่ถนนซิ่งหลินต่อไปได้หรือเปล่า” หูปู้ไป๋ออกไปจากถนนซิ่งหลินแต่ก็ไม่ได้ออกไปจากเมืองอู่เฉิง เนื่องจากมีความสามารถทางการแพทย์ที่ไม่เลว จึงยังสร้างตัวที่คลินิกเล็ก ๆ แห่งหนึ่งได้ แต่ก็กลับยิ่งเคียดแค้นกัวไฮว่หนักขึ้น
“กัวไฮว่ มู่หรงเวยเวย พวกเธอรอดูเถอะ เสาร์นี้ฉันจะทำให้แกเห็นว่า เด็กไม่จบมอปลายอย่างแกเปิดคลินิกแล้วจะไปมีชื่อเสียงอะไรได้” ข่งเสวียนฟูเขวี้ยงแก้วที่อยู่ในมือแตกจนเละพร้อมกับพูดด้วยความโหดเหี้ยม
แน่นอนว่ากัวไฮว่ไม่ทราบว่าที่ตนเองเปิดกิจการครั้งนี้มีหลายคนจดจ้องอยู่ ในตอนนี้เขากำลังพานักศึกษาทุกคนเลี้ยงฉลองความสำเร็จกันที่คลินิกไม่
“ผอ. พูดตามตรงเลยนะ ตอนที่คุณเป็นตัวแทนแพทย์โบราณเอาชนะแพทย์ปัจจุบันได้เนี่ย ฉันยังไม่เคยจะนับถือคุณจริง ๆ จัง ๆ เลย คุณเด็กไป ถ้าไปบอกข้างนอกว่าคุณเป็นหมอก็ไม่มีใครเชื่อหรอก แต่พอได้มาอยู่กับผอ. สองวัน ฉันก็นับถือคุณจริง ๆ ฉันไม่รู้ว่าคุณจะพาพวกเราไปเจออะไร แต่สรุปแล้ว ฉันก็จะเดินต่อไปเคียงข้างคุณ” หลินลั่วซานพูดด้วยเสียงดัง
“วิชาแพทย์โบราณมีเนื้อหากว้างขวางลึกซึ้ง เมื่อก่อนผมไม่ได้คิดแบบนี้ ตอนนี้ผมเฝ้ารอวันเวลาที่จะได้เปลี่ยนจากแพทย์ปัจจุบันไปเป็นแพทย์โบราณแล้วล่ะ หวังว่าผอ. จะสอนให้พวกเราแบบไม่มีกั๊กเลยนะครับ” เสิ่นเฉียนคุนพูดยิ้ม ๆ
“วันนี้ฉันพอใจกับผลงานของพวกเธอมาก ฉันหวังว่าพวกเธอจะเดินต่อไปไปด้วยกันกับฉัน หวังว่าพวกเธอจะสามารถต่อยอดความรู้แพทย์แผนโบราณ แล้วก็กลายเป็นหมอที่แท้จริง เป็นหมอที่มีจรรยาบรรณแพทย์ เป็นหมอที่ทำให้คนยกนิ้วโป้งให้ได้” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “วันเสาร์เปิดกิจการที่คลินิกไม่ของพวกเราน่าจะมีคนมาไม่น้อยเลย มีเพื่อนมาแต่ก็น่าจะมีเรื่องวุ่นวายด้วย แต่ฉันเชื่อว่าพวกเราจะใช้ความสามารถในการไล่คนก่อเรื่องไปได้” เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จนักศึกษาทั้งสิบแปดคนก็ปรบมือเสียงดังสนั่น
เวลาผ่านไปไวมาก ในคืนวันศุกร์ กัวไฮว่ตรวจสอบของที่ต้องเตรียมสำหรับเปิดกิจการในวันพรุ่งนี้อีกรอบ เขามองจันทร์เต็มดวงที่อยู่กลางอากาศ วันนี้จะมาสิ้นเปลืองแสงจันทร์แบบนี้อีกไม่ได้ จึงนั่งขัดสมาธิรอจนกระทั่งถึงมื้อเช้าของวันเสาร์
“เจ้าสี่ เจ้าสี่ พี่มาก่อนล่วงหน้า ดูสิว่ามีอะไรให้ฉันทำหรือเปล่า แกบอกมาได้เลย ลานจอดรถด้านหน้าบอกว่าแกคุยกับคนดูแลของพวกเขาแล้ว ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือเปล่า” เจี่ยหยวนมาถึงที่คลินิกไม่ตั้งแต่ยังไม่ถึงหกโมงเช้า ช่วงนี้เจ้าอ้วนเจี่ยมัวลำบากอยู่กับการให้คนยอมรับว่าคือเขาจริง ๆ และตอนเขากลับบ้านไปทำเอาคุณย่าตะลึงอึ้ง ช่วงนี้เขาเลยไม่กล้ากลับบ้าน
“คลินิกของผมเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว จะมีเรื่องอะไรได้อีกล่ะ พวกพี่ยืนอยู่ที่หน้าประตูก็ได้ คอยดูไม่ให้ใครขโมยเฟอร์นิเจอร์คลินิกผมไป” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ
“ให้ตาย ให้ฉันคอยดูประตูตั้งนาน ฉันไม่ทำหรอก ในเมื่อไม่มีเรื่องอะไรฉันเข้าไปพักหน่อยล่ะ แกช่วยสั่งยาให้ฉันหน่อยสิ ช่วงนี้ฉันนอนไม่หลับ” เจี่ยหยวนพูดพลางเดินเข้าไปในคลินิก จากนั้นก็หาที่นั่งลงไป
“เจ้าสี่ พี่มาเช้าเลยใช่ไหมล่ะ ช่วงนี้ไม่เห็นพี่ใหญ่พี่สองเลย ถ้าแกเปิดคลินิกแล้วพวกเขาไม่มานะ ต่อไปก็ไม่ต้องให้พวกเขาดื่มเหล้านั่นแล้ว” หวังเซิงยังไม่ทันจะเข้าประตูใหญ่มาก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมาแล้ว
“เจ้าสาม แกนี่มันเลวได้ถ้วยเลย ไม่ให้ฉันกับพี่เย่ากินเหล้าแล้วแกจะกินได้อย่างสงบสุขงั้นเหรอ” เมื่อเจี่ยหยวนได้ยินเสียงหวังเซิงก็เดินออกมาถาม
“แกเป็นคนเรียกว่าเจ้าสามเองนี่ แกมันก็งั้น ๆ แหละ มาหาเรื่องหรือเปล่าเนี่ย รีบไสหัวไปเลยนะไม่งั้นถ้าพี่ใหญ่พี่สองฉันมาแล้วแกได้ซี้แหงแก๋แน่” หวังเซิงจำเจี่ยหยวนที่เปลี่ยนไปไม่ได้เลยพูดด้วยเสียงดัง
“เจ้าสาม ฉันเจี่ยหยวนเอง จำฉันไม่ได้เหรอ ฉันว่าแล้วเชียวแกจำไม่ได้ เจ้าสี่ให้ยาลดน้ำหนักฉันมา เป็นไง ตอนนี่พี่หล่อมากเลยใช่ไหมล่ะ” เจี่ยหยวนไม่ได้โกรธเพราะสองสามวันมานี้เกิดเรื่องแบบนี้เยอะมาก
“อ่านปากของฉันนะ ไป!” หวังเซิงค่อยๆ พูด “ทำไมแกไม่บอกว่าคือหลี่เย่าไปเลยล่ะ!”
“เจ้าสาม ฉันคือเจี่ยหยวนจริง ๆ” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง
“ถ้าแกคือเจี่ยหยวน ที่ฉันบอกไปว่าให้ไปฉันคงโดนอัดนานแล้วล่ะ หรือว่าที่ลดน้ำหนักลดจนนิสัยก็เปลี่ยนไป ไปหลอกผีเถอะไป” หวังเซิงพูดขึ้นด้วยเสียงดัง ในขณะนั้นเองหลี่เย่าก็เดินเข้ามา
“เจ้าสอง เจ้าสามจำแกไม่ได้สิท่า ฮ่า ๆ แกกลับบ้านเมื่อไหร่ฉันจะตามแกไปด้วย ไว้ตอนนั้นฉันจะช่วยแกอธิบายเอง ฮ่า ๆ มีแค่เจี่ยหยวนแกนี่แหละที่ทำคุณย่าตกใจจนเข้าโรงพยาบาลไป” หลี่เย่ามองเจี่ยหยวนที่มีรูปร่างผอมกับหวังเซิงที่มีสีหน้าตกอกตกใจพร้อมกับพูดขึ้น
“พะ…พี่สองจริง ๆ ด้วย ให้ผมดูหน่อยสิว่าพี่เปลี่ยนไปเยอะขนาดนี้ได้ยังไง” หวังเซิงพูดขึ้นด้วยความตกออกตกใจ “แหะ ๆ พี่สอง ตอนนี้พี่กลายเป็นแบบนี้ไปได้ เรื่องที่เคยรังแกผมเมื่อก่อนวันนี้เรามาฝึกกันหน่อยไหม”
“เจ้าสอง ออมมือหน่อยนะ” หลี่เย่าไม่ได้ห้ามอะไร เขาพูดยิ้ม ๆ กับเจี่ยหยวน
ผ่านไปห้านาที หวังเซิงถูกอัดไปเจ็ดครั้งแล้วลุกขึ้นมาอีก นอกจากที่หัวจะไม่บาดเจ็บ ทว่าทั่วร่างกายไม่มีตรงไหนที่จะสบายเลย หวังเซิงถอดเสื้อตัวบน เนื้อตัวเขียวเป็นจ้ำ ๆ ทำเอาคนที่เห็นต่างก็รู้สึกเจ็บ
“เจ้าสาม ถอดหมดก็สู้มันไม่ได้หรอก เมื่อวานเจ้าสองมาหาฉัน เกือบขาดทุนแล้วเชียว” หลี่เย่าพูดยิ้ม ๆ
“ไม่ต่อยแล้ว จะต่อยอีกทำไม ท่อนบนเจ็บไปหมดแล้ว ได้ประลองกับพี่สองซะแล้ว พี่สองเปลี่ยนไปมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” หวังเซิงพูดขึ้นด้วยความตะลึง เขามองหลี่เย่า ดูเหมือนว่าพี่ใหญ่จะไม่ได้โกหกนะ
“เรื่องนี้แกต้องไปถามเจ้าสี่มัน ไม่รู้ว่าเจ้าสี่ให้เจ้าสองกินอะไรไป ไม่เพียงแค่ผอมนะ ยังทำให้เจ้าสองมีกำลังภายในที่ฉันฝึกมาเป็นยี่สิบปีด้วย เขตแดนเซียนเทียน แม่มันเถอะ เหมือนผักกาดไม่มีผิด” หลี่เย่าพูดเสียงดัง
กัวไฮว่กลับมองพี่สอง พี่ชายสุดที่รักของตนอย่างมีเลศนัย มาทะเลาะให้เห็นกันตั้งแต่เช้า เขาเลยจัดให้ การทะเลาะแบบนี้ในสรวงสวรรค์เห็นได้ไม่บ่อย
“พี่สาม ถึงรูปร่างพี่จะไม่เลว แต่ใส่เสื้อก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวพนักงานคลินิกผมมาจะไม่น่ามองเอง” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ
“เจ้าสี่ แกว่าปกติแล้วพี่เป็นยังไงกับแก” หวังเซิงเดินไปหน้ากัวไฮว่พร้อมกับโมโหเล็กน้อย “ถึงสองวันนี้พี่จะมาที่คลินิกไม่ของแก แต่แกจะมาลำเอียงแบบนี้ไม่ได้สิ ทำพี่สองสุดยอดขนาดนี้ แล้วต่อไปฉันจะใช้ชีวิตยังไงล่ะ ฉันไม่สนแล้ว แกทำให้พี่สองยังไงก็ต้องทำให้ฉันแบบนั้นด้วย” หวังเซิงพูดพลางกอดขากัวไฮว่