[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 134 ไปตลาดยาอีกครั้ง
บนทางที่ไป สีหน้าของนักศึกษาต่างก็แดงระเรื่อ พวกเขาคิดมากเกินไป ผอ. เขารักษาให้เหอโม่จริง ๆ ตอนที่อยู่ที่มหาวิทยาลัยก็มีคนบอกแล้วว่าบนใบหน้าของเหอโม่มีรอยแผลเป็นอยู่เลยต้องใส่ผ้าปิดปากอยู่ตลอด ตอนนี้ถอดผ้าปิดปากออกแล้ว ปัญหาจึงคลี่คลายอย่างหนึ่งแล้วว่ากัวไฮว่รักษาให้เหอโม่
“เสี่ยวโม่ กัวไฮว่รักษาหน้าให้เธอจริง ๆ เหรอ” เจี่ยเสี่ยวเสี่ยวที่เป็นนักศึกษาใหม่ปีหนึ่งเช่นเดียวกันถามขึ้นเบา ๆ เมื่อก่อนเธอเคยเห็นใบหน้าของเหอโม่ ตอนนั้นเธอตกใจแทบแย่ ตอนนี้ใบหน้าของเหอโม่หายดีแล้วจริง ๆ
“ความสามารถทางการแพทย์ของท่านอาจารย์เกินกว่าที่พวกเราเข้าใจเยอะ เสี่ยวเสี่ยว เธอต้องรักษาเวลาที่อยู่ที่คลินิกไม่นี่ให้ดีนะ ต่อไปในประวัติศาสตร์หมอหัวซย่าจะต้องมีชื่อเธออยู่” เหอโม่พูดยิ้ม ๆ ตั้งแต่เด็กจนโต เธอไม่เคยดีใจขนาดนี้มาก่อนเลย เด็กสาวคนไหนบ้างที่ไม่รักสวยรักงาม นี่เป็นครั้งแรกหลังจากอายุสิบขวบที่เธอถอดผ้าปิดปากคุยได้อย่างกับคนทั่วไป
“ตอนแรกพวกเรานึกว่าเกิดเรื่องอะไรกับเธอซะอีก” เจี่ยเสี่ยวเสี่ยวพูดด้วยสีหน้าแดงก่ำ คนบนรถคนอื่น ๆ ก็งุดหน้าก้ม พวกเขาเข้าใจกัวไฮว่ผิดไป
“วันนี้ไม่หวังอะไรจากพวกเธอมา คนละแสน ราคาสมุนไพรพวกเธอน่าจะมีประมาณการอยู่ในใจกันนะ ไปซื้อเถอะ หวังว่าสิ่งที่สอนพวกเธอไปเมื่อวานจะไม่สูญเปล่านะ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “และแน่นอนว่าถ้ามีของดี ๆ ถ้าเงินไปพอฉันยังมีอีก ฮ่า ๆ”
“เถ้าแก่ครับ นักศึกษาพวกนั้นมากันอีกแล้ว” เด็กหนุ่มสาวที่เดินเตร็ดเตร่อยู่ตรงลานจอดรถเข้าไปในตลาด บรรดาเถ้าแก่ที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันต่างก็แจ้งข่าวให้ทราบกัน
“ฮ่า ๆ ยังคิดว่าต้องรออีกหลายวันกว่าพวกเขาจะกลับมากัน ไม่คิดเลยว่าจะมาอีกเร็วขนาดนี้” เหล่าเถ้าแก่ต่างก็พูดยิ้ม ๆ ตัวถลุงเงิน นักศึกษาพวกนี้เป็นตัวถลุงเงินของแท้
“เถ้าแก่ สีตังกุยคุณดูแปลก ๆ นะ ยังมีอีกหรือเปล่า ถ้าไม่มีผมไปร้านอื่นแล้วนะ” ซูถูพูดยิ้ม ๆ กับเถ้าแก่ที่ร้านขายยาที่เคยทำเขาขาดทุนเมื่อครั้งก่อน
“ไอ้น้อง ครั้งก่อนก็แบบนี้และ เธอดมดูสิ กลิ่นนี้สีนี้แหละใช่เลย” เถ้าแก่พูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
“เถ้าแก่ นี่เป็นน้ำต้มตังกุยคุณ ถ้าคุณกล้าดื่มลงไปผมจะเอาตังกุยนี่ไปหมดเลย” ซูถูพูดขึ้นด้วยเสียงดัง ทำเอาพ่อค้าซื้อยาที่อยู่รายรอบต่างก็มาล้อมที่เถ้าแก่
“นี่นักศึกษา เราไปคุยกันในห้องเถอะ” เถ้าแก่มองซูถูอีกครั้ง ไม่ผิด ครั้งก่อนก็เป็นนักศึกษาคนนี้ ทำไมแค่คืนเดียวก็เปลี่ยนไปขนาดนี้ล่ะ เขาไม่กล้าดื่มน้ำต้มตังกุยนี่ ถึงแม้จะดื่มแล้วไม่ตายแต่เข้าท้องไปก็ทนไม่ได้แน่ สุดท้ายเถ้าแก่กลัวว่าซูถูจะนำเรื่องในร้านของตนไปบอกคนซื้อยาข้างนอก จึงจำต้องใส่ตังกุยชั้นดีลงไปถุงใบใหญ่ให้ซูถูแต่โดยดี ส่วนราคาเท่าไหร่นั้นไม่กล้าจะคำนวณมาก
“คุณพี่บ้านเดียวกัน พี่ยังมีโสมป่านั่นอีกหรือเปล่า ผมอยากสั่งอีก” เฉินเจี่ยตี้ถามยิ้มๆ เขามาที่ร้านของ ‘คนบ้านเดียวกัน’ อีกครั้ง
“ไอ้น้อง เข้ามาสิ ข้างนอกร้อนมาก โสมนั่นไม่เลวเลยล่ะสิ ฉันยังมีอีกเยอะเลย เธอไปเลือกเอาเองนะ” ในขณะที่พูด เธอก็ลากกล่องใบใหญ่ออกมาให้เฉินเจี่ยตี้ ด้านในมีโสมเต็มไปหมด
“พี่ครับ นี่มันโสมบำรุงทั้งนั้น มีอันดี ๆ ไหมครับ” เฉินเจี่ยตี้ถามยิ้ม ๆ
“อยากได้โสมป่า? ได้ เธอรอเดี๋ยว ฉันไปเอาให้” พูดเสร็จผู้หญิงคนนั้นก็ยกห่อใบใหญ่ลงมาจากตู้เก็บสินค้า ข้างในนั้นมีของที่เธอเก็บเอาไว้ช่วงหลายปีมานี้ มีโสมทั้งหมดหนึ่งร้อยต้น ข้างในนั้นมีโสมป่าของจริงอยู่แค่ประมาณสิบต้น ที่เหลือเป็นของปลอมหมด เธอไม่กลัวว่านักศึกษาที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้จะหยิบออกมาเพราะเธอรู้สายตาของนักศึกษาที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ดี แค่รอนับเงินก็พอแล้ว
“พี่ครับ โสมพวกนี้ก็ต้นละหมื่นหมดเลยเหรอ” เฉินเจี่ยตี้ถือโสมที่ดูไม่ต่างกับที่เขาซื้อไปครั้งก่อนมาต้นหนึ่งพร้อมกับถามเถ้าแก่เนี้ย
“ไอ้น้อง ต้นละหมื่นนี่ฉันไม่ได้กำไรอะไรเลย เราเป็นคนบ้านเดียวกันก็ให้เธอไปต้นละหมื่นแล้วกัน เธอเลือกเอาเถอะ” หญิงผู้นั้นพูดเปิดใจ
เฉินเจี่ยตี้ยิ้มยกตรงมุมปากแล้วก็เริ่มดูไปทีละต้น ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ตอนที่เถ้าแก่เนี้ยคนนั้นกลับมาดูเฉินเจี่ยตี้ ก็มีสีหน้าซีดลง เฉินเจี่ยตี้เลือกไปสิบต้นแล้ว นอกจากสองต้นแรกที่แสร้งทำเป็นปลอม ต้นอื่นก็เป็นของจริงหมด เป็นโสมป่าอายุเกินกว่าหกปีทั้งนั้น หนึ่งหมื่นงั้นเหรอ แสนนึงก็ซื้อโสมป่าของจริงต้นเดียวไม่ได้
“พี่ครับ งั้นก็สิบต้นนี่แหละ ผมให้เงินพี่ไปแล้ว จากนี้ถ้าผมมีเวลาจะมาอีกนะครับ” เฉินเจี่ยตี้พูดยิ้ม ๆ เขาวางเงินไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็หยิบโสมขึ้นมาแล้วเดินหันกลับไป
“ไอ้น้อง เธอรอเดี๋ยวก่อน เธอยังไปไม่ได้ ฉันไม่ขายโสมนั่นแล้ว” หญิงคนนั้นร้องไห้เสียงดังลั่น
“ไม่ขายแล้ว? ผมอัดเสียงไว้นะครับ แล้วก็ไม่ได้แย่งพี่มาสักหน่อย เงินก็ให้พี่ไปแล้ว พี่บอกว่าไม่ขายก็ไม่ขายแล้วงั้นเหรอ” เฉินเจี่ยตี้พูดเสียงดัง “เมื่อวานผมซื้อโสมบำรุงราคาต้นละไม่ถึงร้อยไปตั้งหมื่นนึงผมยังไม่บอกว่าไม่ซื้อเลย วันนี้พี่มาบอกว่าไม่ขายไม่ได้หรอกมั้งครับ”
เมื่อกัวไฮว่ได้ยินเสียงเฉินจย่าตี้กับผู้หญิงคนนั้นทะเลาะกันก็เดินมายิ้ม ๆ เขารู้ว่าเฉินเจี่ยตี้ผู้นี้กลับมาแก้แค้น ทั้งยังสำเร็จอีกด้วย
“ไอ้น้อง เมื่อวานฉันทำผิดไป ฉันยอมรับ ฉันให้โสมป่าเธอต้นนึงเป็นการไถ่โทษ เธออย่าเอาของพวกนี้ไปหมดเลยนะ” หญิงสาวดึงเฉินเจี่ยตี้พร้อมกับพูดเสียงดัง
“เจี่ยตี้ บางทีการให้อภัยคนดีกว่าจองล้างจองผลาญนะ เถ้าแก่ตกลงจะให้โสมป่านายต้นนึงแล้ว งั้นเรื่องนี้ก็ตกลงตามนี้แล้วกัน ไปดูของอย่างอื่นเถอะไป” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ กับเฉินเจี่ยตี้ เฉินเจี่ยตี้ผงกศีรษะเล็กน้อย ส่วนผู้หญิงคนนั้นก็โค้งให้กัวไฮว่ด้วยความซาบซึ้ง
“ผอ. ครับ ทำไมไม่ให้ผมไปสั่งสอนเธอหน่อยล่ะ” เฉินเจี่ยตี้ถามขึ้นเบา ๆ เขาเดิมตามกัวไฮว่ออกมาจากร้านยาร้านนั้น
“โสมในร้านของเธอยังนับว่าใช้ได้ อย่างน้อยก็เป็นโสมบำรุงหมด ไม่ใช่โสมคุณภาพไม่ดี ทุกคนต่างก็มีใจโลภ แต่คนคนนี้ก็ไม่นับว่าเลวเกินไป ถ้ายอมให้สักนิดต่อไปพบหน้ากัน ไม่แน่ว่าต่อไปมีวันที่นายมาซื้อโสมที่นี่จริง ๆ ละก็ เธออาจจะไม่หลอกนายอีก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ส่วนเฉินเจี่ยตี้ผงกศีรษะเล็กน้อย นี่น่าจะเป็นความต่างระหว่างการแพทย์แผนโบราณและการแพทย์แผนปัจจุบันล่ะมั้ง
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง นักศึกษาทั้งสิบแปดคนก็ซื้อยามาหลายถุง ครั้งนี้ไม่เลวเลย นอกจากบางคนที่ซื้อยาประสิทธิภาพกลาง ๆ มาจำนวนหนึ่ง คุณภาพยาส่วนใหญ่ที่ซื้อมาก็ดีกันทั้งนั้น กัวไฮว่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะมองไปที่ร้านขายยาที่นักศึกษาพวกนี้ไปเดินมาอีกรอบ เถ้าแก่ต่างก็มีสีหน้าซีดเผือด ตอนแรกคิดว่าจะได้เงินมาหน่อย ไม่คิดเลยว่าจะถูกนักศึกษาเหล่านี้หลอกเอาจนได้
“ผอ. วันนี้ได้ระบายอารมณ์ดีจริง ๆ คุณไม่ได้เห็นเถ้าแก่ที่ขายยาให้ผมเมื่อวาน ตอนแรกที่เห็นผมก็เหมือนหมาป่าเห็นแกะ รู้สึกเหมือนผมส่งเงินในกระเป๋าไปให้ในมือเขาหมดเลย จากนั้นใบหน้าเขาก็ถอดสี ในร้านยังมีคนซื้อคนอื่น ๆ เขาก็เบิกตากว้างมองผมเอายาคุณภาพดีพวกนั้นแพ็คไปในถุงของผม ฮ่าๆ” หลี่ว์เฟิงนักศึกษาคณะแพทย์แผนโบราณพูดยิ้ม ๆ ส่วนนักศึกษาคนอื่นก็ผงกศีรษะกันเกรียวกราว ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะได้ปลดปล่อยอารมณ์กันจริง ๆ