[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 131 เธอถูกหลอกเข้าแล้วล่ะ
“พ่อหนุ่มตั้งใจจะมาเอาของที่ร้านฉันเหรอ” เมื่อนายผางเห็นเห็นบัตรแบล็คการ์ด ก็เผยรอยยิ้มบนใบหน้าขึ้นมา
“เถ้าแก่ผาง อย่าเสียเวลาเลยครับ ของอยู่ไหน” กัวไฮว่หรี่ตาพร้อมกับพูดขึ้น
นายผางพากัวไฮว่เดินไปยังห้องเล็กที่อยู่ไกล ๆ แล้วผลักประตูสีดำมืดออก ความรู้สึกอันคุ้นเคยทำเอากัวไฮว่ตกอกตกใจขึ้นมา…เป็นของสิ่งนั้นนั่นเอง
เสียง “แปะ” ดังขึ้น ไฟในห้องก็เปิด ภายในสระน้ำขนาดใหญ่มีก้อนเนื้อเน่าก้อนใหญ่วางอยู่ในนั้น
“พ่อหนุ่ม ของนี่ฉันไม่ต้องแนะนำให้เธอรู้จักหรอกมั้ง” นายผางพูดยิ้ม ๆ
หนึ่งเดือนก่อน นายผางไปซื้อยาที่ก่วนโจว ตอนที่เขาผ่านไปทางหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่มีชื่อว่าหลงสือโกวนั้น ก็เห็นชายชราผู้หนึ่งใช้รถเข็นก้อนเนื้อเน่าก้อนหนึ่งมา ในขณะนั้นเองเขาก็พลันนึกถึงคำพูดของอาจารย์ที่สอนเขาเรื่องสมุนไพรได้ว่าสมัยก่อนที่หมู่บ้านหลงสือโกวมีเห็ดหลินจือโร่ว[1] อยู่ ลักษณะภายนอกเป็นเหมือนก้อนเนื้อเน่า เป็นของดีที่หาได้ยาก
นายผางได้ตามชายชรากลับบ้านไป จากนั้นก็ซื้อไท่ซุ่ยที่มีราคาครึ่งกิโลกรัมหนึ่งเหมา[2] กลับมาในจำนวนเกือบหกสิบห้ากิโลกรัม ในใจเขาทราบดีว่าจะให้คนอื่นรู้เรื่องนี้มากไปไม่ได้ ของชิ้นนี้มีมูลค่าเท่าไหร่กันงั้นหรือ หนึ่งล้าน? ห้าล้าน? สิบล้าน? ถ้าเจอเจ้าของที่แท้จริงก็ย่อมต้องเป็นราคาที่เกินเอื้อมแน่ และที่กัวไฮว่มาเยือนในวันนี้ เขาก็สัมผัสได้ว่าเจ้าของที่แท้จริงมาแล้วล่ะ
“ไท่ซุ่ยหกสิบห้ากิโลกรัม” กัวไฮว่ถลึงตามองของชิ้นใหญ่ที่อยู่ภายในสระน้ำ อำพรางความตื่นเต้นดีใจในใจเอาไว้ โดยปกติแล้วไท่ซุ่ยทั่ว ๆ ไปจะมีขนาดไม่เกินกว่าห้าสิบกิโลกรัม ขนาดคุณปู่ของพี่สามหวังเซิงของเขาก็มีไท่ซุ่ยอยู่ชิ้นหนึ่ง เพาะเอาไว้หลายสิบปีก็มีขนาดไม่เกินสี่สิบเก้ากิโลกรัม ทว่าไท่ซุ่ยเกินห้าสิบกิโลกรัมชิ้นนี้สิถึงจะเรียกได้ว่าเป็นไท่ซุ่ยที่แท้จริง เป็นไท่ซุ่ยที่ไม่มีชิ้นไหนจะใหญ่ไปกว่านี้อีก
“พ่อหนุ่ม ในเมื่อเห็นของแล้ว จะจริงหรือปลอมฉันว่าสายตาของพ่อหนุ่มน่าจะมองออกนะ” นายผางพูดยิ้ม ๆ
“เถ้าแก่ผาง บอกราคามาเถอะครับ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ อย่างไม่อ้อมค้อม “ของไม่เล็กเลย แต่ไม่ใช่ว่าของขนาดใหญ่ทุกอย่างจะเป็นของดี ก็เหมือนกับโสมเนื้อหยาบในร้านที่เถ้าแก่ชี้นิ้วนั่นและครับ สรรพคุณยังสู้แครอทหัวใหญ่หัวเดียวไม่ได้เลย”
“แค่ก ๆ พ่อหนุ่ม ตอนนั้นฉันซื้อของชิ้นนี้กลับมาครึ่งกิโลห้าหมื่นเลยนะ เธอดูแล้วก็บอกราคามา เราก็ถือว่าเป็นเพื่อนกัน ในเมื่อพ่อหนุ่มเปิดคลินิก เรายังมีเวลาได้เจอกันอีกเยอะ” นายผางพูดยิ้ม ๆ ถึงแม้เขาจะรู้ว่าไท่ซุ่ยเป็นของดี หลายปีมานี้ในประเทศก็มีรายงานข่าวเกี่ยวกับไท่ซุ่ยว่ามีราคาระหว่างครึ่งกิโลละหนึ่งหมื่นถึงครึ่งกิโลละสี่หมื่นแตกต่างกันไป ในเมื่อกัวไฮว่เองก็เป็นผู้ที่รู้เรื่องในด้านนี้ ก็เป็นไปได้ว่าจะขายในราคาที่สูงเสียดฟ้า
“ซื้อมาครึ่งกิโลละเจ็ดเหมา แต่จะขายฉันห้าหมื่น ดูทรงแล้วธุรกิจของเขาดำเนินไปได้ไม่เลวเลยนะ” กัวไฮว่ลอบคิดในใจ “ห้าหมื่นก็ห้าหมื่นแล้วกัน ไท่ซุ่ยนี่เอาไปทำยา แค่ครึ่งกิโลก็เอาไปทำได้พันเม็ด เม็ดนึงขายได้สิบล้าน กำไรไม่น้อยเลย” เมื่อนายผางเห็นว่ากัวไฮว่ลังเลเล็กน้อย ในใจก็ลอบคิดว่าราคาที่ตนต้องการนั้นสูงเกินไป
“พ่อหนุ่ม วันนี้ได้เจอกับเธอก็เหมือนเจอสหายเก่า ฉันให้ราคาเป็นมิตรกับเธอ ไม่ได้กำไรอะไรมากมาย ถ้าพ่อหนุ่มจ่ายไม่ไหวก็ครึ่งกิโลละสามหมื่น ถ้าเธออยากได้ก็เอาไป” นายผางพูดยิ้ม ๆ อันที่จริงประโยคที่กัวไฮว่พูดว่า ‘ของที่ยิ่งใหญ่ไม่จำเป็นต้องยิ่งดี’ ทำให้ในในเขารู้สึกลังเล ทำให้เขาลดความหวังลงไปไม่น้อย
“ได้ งั้นก็เอาราคาตามที่เถ้าแก่ผางบอกเลยครับ อีกอย่าง ให้เด็กนั่นห่อยาในร้านมาด้วย ราคาเท่าไหร่ก็เท่านั้น ต่อไปเราได้ร่วมงานกันอีกเยอะเลย” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ เขาไม่คิดเลยว่าที่เขามีปฏิกิริยาช้าไปหน่อยในครั้งนี้ทำให้ประหยัดเงินไปสามล้าน
“ได้เลย เดี๋ยวฉันจะส่งของไปให้พ่อหนุ่มที่ร้าน คลินิกของพ่อหนุ่มอยู่ไหนเหรอ” นายผางพูดยิ้ม ๆ ครึ่งกิโลกรัมละสามหมื่น เขาได้เงินมาเยอะแล้วล่ะ
“คลินิกไม่ บ้านเลขที่ 399 ถนนซิ่งหลิน ของนี่ไม่รบกวนเถ้าแก่ผางแล้วล่ะครับ ยาสมุนไพรคุณห่อแล้วให้เด็กคนนั้นส่งไปให้ผมเถอะ ส่วนของนี่เดี๋ยวผมจัดการเอง”
สิ่งที่เกิดขึ้นถัดมาทำเอาเหล่าผางตกอกตกใจอีกครั้ง ไท่ซุ่ยหนึกหกสิบห้ากิโลกกรัม หากรวมกับน้ำที่อยู่ข้างในแล้วน่าจะราว ๆ หนึ่งร้อยห้าสิบกว่ากิโลกรัม กัวไฮว่กับอวี้เอ๋อร์ช่วยกันยกของกันคนละข้าง ทำเอาเหล่าผางมองทั้งสองอย่างตั้งอกตั้งใจอีกครั้ง
“เถ้าแก่ผางไม่ต้องมาส่งหรอกครับ เดี๋ยวผมมารูดบัตร” กัวไฮว่พูดพลางเดินไปยังด้านข้างของรถอย่างไว จากนั้นถุงพลาสติกสีดำก็หายไป เป็นเพราะถูกกัวไฮว่นำเข้าไปในน้ำเต้าเหล่าจวิน
“วันนี้โชคดีมากเลย ไม่ได้มาเสียเที่ยว ฮ่า ๆ” กัวไฮว่จูงมืออวี้เอ๋อร์เข้าไปในร้านนายผางอีกครั้งเพื่อคิดราคาสมุนไพร เขาจ่ายเงินไปทั้งหมดห้าล้านแปดแสน จากนั้นเหล่าผางก็ส่งกัวไฮว่กับอวี้เอ๋อร์ออกไปราวกับเขาเป็นพ่อแท้ ๆ ถึงแม้เขาจะขายสมุนไพรคุณภาพต่ำพวกนั้นไม่ออก ทว่าที่ขายไท่ซุ่ยออกไปได้ทำเอาเหล่าผางเป่าปากโล่งอก
“นี่นักศึกษา เธอดูโสมนี่ให้ดีสิ ฉันว่าครูของพวกเธอน่าจะเคยบอกพวกเธอกันแล้วนะว่านี่เป็นโสมป่าภูเขา ผ่านไปหลายสิบปีโตแค่นี้เอง ราคาหมื่นนึง จะราคาต่ำกว่านี้อีกไม่ได้แล้วล่ะ ถ้าพ่อหนุ่มอยากได้ฉันจะเอาโสมห่อนี่ให้เธอ” เฉินเจี่ยตี้ถูกหญิงสาววัยกลางคนคนหนึ่งล้อมเอาไว้ เธอพูดขึ้นยิ้ม ๆ กับเขา
เฉินเจี่ยตี้เห็นว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เป็นคนบ้านเดียวกันกับตนเองในที่สุดจึงพยักหน้าตกลง เขาใช้เงินหนึ่งหมื่นในการซื้อโสมป่าภูเขาสามสิบปีต้นนั้น ทำเอานักศึกษาจากคณะแพทย์แผนโบราณคนหนึ่งลอบตะโกนในใจตัวเองว่า ‘เจ้าโง่’
ผ่านไปสามชั่วโมง นักศึกษาทั้งสิบแปดคนซื้อของมาไม่น้อย กัวไฮว่วนดูอยู่รอบหนึ่ง คณะแพทย์แผนโบราณยังดีหน่อย อย่างน้อยก็ซื้อสมุนไพรที่ดูไม่เลวร้ายมาจำนวนหนึ่ง ถึงแม้ราคาจะไม่ถูกแต่กัวไฮว่ก็พอจะรับได้ ทว่านักศึกษาจากคณะแพทย์แผนปัจจุบันจ่ายเงินไปไม่น้อยเพื่อซื้อสมุนไพรที่เอาไว้แค่ให้อาหารหมู หรือจะพูดได้ว่าแม้แต่หมูก็กินไม่ได้ เดี๋ยวจะตายเอา
จากนั้นทั้งยี่สิบกว่าคนก็ออกไปจากตลาดค้าส่งสมุนไพรซย่าเฟิง เถ้าแก่ร้านทุกร้านที่ต้อนรับพวกเขาต่างก็มีสีหน้าที่เอิบอิ่ม นั่นเป็นเพราะพวกเขาได้เงินจากนักศึกษากลุ่มนี้ไปไม่น้อย
รอจนกระทั่งถึงตอนที่กัวไฮว่และคนอื่นๆ ขับรถกลับไปยังคลินิกไม่ โจวเทียนหยางก็กลับมาแล้วและกำลังเตรียมทำกับข้าวอยู่ ของที่โจวเทียนหยางออกไปซื้อในวันนี้ นอกจากปลาเป็น ๆ กับนกเป็น ๆ แล้ว เขาก็ได้จัดเตรียมวัตถุดิบบางอย่างไว้เรียบร้อย ล้างสะอาดหมดจดวางไว้บนโต๊ะแล้ว
“เสี่ยวไฮว่ พวกเธอกลับมางั้นฉันก็เริ่มทำกับข้าวเลยแล้วกัน มีไก่มีปลา คงเทียบกับมื้อกลางวันคราวก่อนไม่ได้หรอกนะ แต่ก็อร่อยกว่าร้านอาหารข้างนอกแน่นอน พวกเธออยากกินอะไรกัน บอกมาได้เลย” โจวเทียนหยางพูดยิ้ม ๆ
“อาโจว วันนี้ผมซื้อสมุนไพรมาเยอะแยะเลย งั้นคืนนี้เราทำเมนูบำรุงสุขภาพกันเถอะครับ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ
“ฮ่าๆ ได้ จะว่าไปอาหารบำรุงสุขภาพเนี่ยฉันรู้มานิดหน่อย แล้วของที่พวกเธอซื้อมาล่ะ ขอฉันดูหน่อย” โจวเทียนหยางพูดยิ้ม ๆ จากนั้นพวกเขาก็เปิดของที่ซื้อมาแต่ละถุงออก เริ่มแรกเขาดูแล้วก็ส่ายศีรษะเล็กน้อย หลัง ๆ เขาก็เริ่มขมวดคิ้วมุ่น
“โสมนี่ใครเป็นคนซื้อมา จ่ายไปเยอะเลยสิท่า” โจวเทียนหยางหยิบ ‘โสมป่า’ ที่เฉินเจี่ยตี้ซื้อมาต้นนั้นพร้อมกับถามยิ้ม ๆ
“อาโจวครับ โสมนี่ผมซื้อมาเอง คนบ้านเดียวกันคนนึงขายมา หมื่นเดียวเอง ถูกล่ะสิ แถมยังให้โสมบำรุงมาอีกถุงนึง” เฉินเจี่ยตี้พูดยิ้ม ๆ
“โสมป่าสามสิบปี หมื่นนึง เหมือนกับให้เธอฟรีเลย” โจวเทียนหยางพูดยิ้ม ๆ “เมื่อสิบปีก่อน ฉันจ่ายเงินซื้อโสมป่าภูเขาอายุเก้าปีต้นนึงไปประมาณแสนแปด คุณปู่คนนั้นยังยอมให้ฉันเลย”
“แล้วโสมสามสิบปีต้นนี้ถ้าขายจะได้เงินเท่าไหร่เหรอครับ” เฉินเจี่ยตี้ถามด้วยความตื่นเต้น
โจวเทียนหยางยิ้มพลางยื่นนิ้วโป้งออกมาโดยไม่ปริปากพูดอะไร
“ล้านนึง ขายได้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอครับ ถึงว่าล่ะหลายปีมาแล้วการแพทย์แผนโบราณยังไม่ตกต่ำเลย กำไรเยอะแบบนี้นี่เอง เยอะกว่ายาตะวันตกเยอะเลย” เฉินเจี่ยตี้พูดพึมพำ
“พ่อหนุ่ม แสนต่างหาก เธอถูกหลอกเข้าแล้วล่ะ” โจวเทียนหยางพูดพลางส่ายศีรษะ
[1] หรือเรียกอีกอย่างว่าไท่ซุ่ย เชื่อว่าหากดื่มน้ำที่แช่มันเอาไว้จะทำให้อาการปวดหัวหรือเจ็บปวดหายไป
[2] เป็นหน่วยเงินของจีน โดยสิบเหมามีมูลค่าหนึ่งหยวน