[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 125 แพทย์ผู้ทรงคุณธรรม
“แล้วถ้าได้อยู่ที่คลินิกต่อ จะได้ค่าตอบแทนอะไรเหรอ” เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จ นักศึกษาจากทั้งสองคณะก็ตื่นเต้นขึ้นมา ระยะทดลองงานหากไม่ผ่านก็ได้สามพัน แล้ว ตอนนี้เงินเดือนหมอในโรงพยาบาลประจำเมืองอู่เฉิงเดือนหนึ่งไม่เกินแปดพันหยวน จากการคำนวณแล้วเงินเดือนที่คลินิกไม่สูงกว่าที่โรงพยาบาลประจำเมืองเสียอีก
“ถ้าผ่านช่วงทดลองงาน สามเดือนแรกพวกเธอทุกคนต้องจ่ายเงินให้คลินิกสามพันหยวนเป็นค่าเล่าเรียนทุกเดือน สามเดือนหลังพวกเธอต้องให้เงินคลินิกไม่หมื่นหยวนทุกเดือน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“คุณพี่ นายแน่ใจหรือเปล่าว่าไม่ได้พูดผิด พวกเราทำงานให้นายนะ นายจะให้พวกเราให้เงินนายเหรอ ฮ่า ๆ นายคิดว่าพวกเราโง่หรือไง” นักศึกษาจากคณะแพทย์แผนปัจจุบันรายหนึ่งพูดเสียงดัง “ลบชื่อฉันออกไปเถอะ ฉันจะเรียนแพทย์ปัจจุบันไปอย่างสงบเสงี่ยมไปดีกว่า ถึงเวลาค่อยไปหางานทำเอาก็ได้”
กัวไฮว่มองนักศึกษาคนนั้น เขาไม่ได้พูดอะไรมาก จากนั้นล่างเวทีต่างก็โกลาหล
“กัวไฮว่ นายแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้” หลินเย่าซืออดถามขึ้นมาไม่ได้
“เมื่อวานเธอก็ได้ยินแล้วนี่ ว่าฉันคิดค่ารักษาเซียวเหล่ามวยฝ่ามือแปดรูปลักษณ์สิบล้าน แถมยังเป็นราคาหลังจากลดแล้วอีก” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “ในทุกวันของสามเดือนแรกฉันจะหาเวลาหนึ่งชั่วโมงมาสอนพนักงานทุกคนที่ทำงานคลินิกฉัน สามเดือนหลังพนักงานทุกคนก็น่าจะปฏิบัติหน้าที่เดี่ยว ๆ ได้แล้วล่ะ ไว้ถึงตอนนั้นเงินค่ารักษาก็จะเป็นของพวกเธอทุกคน ฉันเอาแค่หมื่นเดียว ฉันว่าเถ้าแก่อย่างฉันเนี่ยมีน้อยนะ”
“นายหมายความว่าเงินค่ารักษาทั้งหมดจะคืนกลับให้พนักงานที่ทำงานกับคลินิกไม่ทุกคนงั้นเหรอ ส่วนคลินิกไม่ได้แค่หมื่นเดียวงั้นเหรอ” เหลิ่งซวงเบิกตาโพล่งพร้อมกับพูดขึ้น
“แล้วก็คนพวกแรก ๆ เนี่ย ถ้าฉันขยายสาขาไปที่อื่น ก็จะมีโอกาสได้เป็นเป็นเจ้าของคลินิกสาขาย่อยด้วย ที่เหล่าหวงพูดถึงจรรยาบรรณแพทย์เมื่อวานก็ถูกนะ หมอก็เป็นคน ไม่มีใครทำธุรกิจที่ไม่ได้เงินหรอก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“งั้นต้องบอกนักศึกษาทั้งสองคณะหน่อยไหม” หลิวเย่าซือถามเบา ๆ
“ไม่ต้อง ในเมื่อเมื่อวานก็เห็นที่ฉันรักษาเนื้องอกกันหมดแล้ว ฉันไม่ต้องการพนักงานที่ไม่เข้าใจแม้แต่ที่ฉันบอกไปว่าหมายความว่าอะไรหรอก” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “ใครอยากลบชื่อออกก็ให้พวกเขาลบไป แบบนี้จะทำให้พวกเราประหยัดเวลาไปเยอะ”
กัวไฮว่พูดไม่ผิด ในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง ทางฝั่งคณะแพทย์แผนโบราณเหลือแค่เก้าสิบคน ทางฝั่งคณะแพทย์แผนปัจจุบันเหลือเพียงแค่ยี่สิบเอ็ดคน
“ยังดีที่นักศึกษาที่มีพรสวรรค์จากคณะแพทย์แผนโบราณยังอยู่ต่อ” หลิวเย่าซือมองรายชื่อพร้อมกับพูดขึ้น “เหลิ่งซวง ทางฝั่งแพทย์ปัจจุบันเป็นยังไงบ้าง”
“เฉินเจี่ยตี้ เฉาเฉียนคุนแล้วก็เหอโม่ยังอยู่ครบ แล้วก็ดูเหมือนว่านักศึกษาที่เก่ง ๆ ก็ยังไม่ได้ไป” เหลิ่งซวงพูดยิ้ม ๆ
“ฉันจะไปห้องเรียนข้าง ๆ ให้พวกเขาตามไปหาฉันที่นั่นนะ ฉันมีเรื่องจะถามพวกเขา” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ
“ถ้าพวกเขาให้เงินเยอะขนาดนั้นจริง ๆ ฉันว่าให้เขาก็ไม่เป็นไรมั้ง ในเมื่อถ้าฉันทำงานที่คลินิกนายก็ต้องหารายได้ให้คลินิกอยู่ดี” นักศึกษาคนหนึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกัวไฮว่พร้อมกับพูดยิ้ม ๆ อันที่จริงในใจเขาไม่อยากไปคลินิกไม่แล้ว ไปทำงานให้นายแต่ไม่ได้เงินแถมยังต้องให้เงินอีก แล้วฉันจะไปทำไมกันล่ะ ถ้าถามฉันว่าถ้าคนที่ฉันเกลียดให้เงินฉันสิบล้านไปช่วยเขาจ่ายยาแล้วฉันจะจ่ายให้ไหม ฉันไม่ใช่คนโง่นะเฮ้ย จ่ายอยู่แล้ว
“ขอโทษด้วยนะ นายถูกคัดออก นิสัยนายไม่เข้ากันกับสโลแกนคลินิกไม่” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ กับนักศึกษาคนนั้น “ไม่รักษาคนที่ไม่อยากรักษา ไม่อยากรักษาก็ไม่รักษา เงินไม่ใช่ปัญหา”
“ให้ตาย นายประสาทหรือเปล่า อย่าเสียเวลาฉันเปล่าเลย” ในขณะที่พูด นักศึกษาคนนั้นก็ออกจากห้องเรียนไป
“ไอ้น้อง ฉันไม่มีเงิน” หลี่อวี้เดินเข้าไปในห้องเรียน เขามองกัวไฮว่พร้อมกับพูดประโยคแรกขึ้น
“ฉันอยากไปที่คลินิกนาย ไม่ได้เพราะจะหาเงิน ฉันอยากเรียนวิชาแพทย์จากนายแค่นั้นแหละ ฉันอยากใช้สมุนไพรที่บ้านเก่าของฉันแล้วนำความร่ำรวยมาสู่คนในชนบท” หลี่อวี้พูดต่อ
“ถ้านายรับฉัน รอให้ฉันมีเงินแล้วฉันจะคืนเงินที่ติดค้างคลินิกจนหมดเลย” หลี่อวี้พูดพลางมองไปยังกัวไฮว่ที่เอาแต่ยิ้มตลอดเวลา
“ไอ้น้อง นายช่วยเชื่อใจฉันหน่อย ในคณะแพทย์แผนโบราณฉันผลการเรียนฉันไม่เลวเลยนะ นายทดสอบฉันดูก็ได้ ให้โอกาสฉันเถอะ” หลี่อวี้พูดเสียงดังด้วยความร้อนรนใจ
“หนึ่งปีหลังจากนี้ ฉันขอฝากคลินิกไม่กับนายด้วยนะ ไว้ถึงตอนนั้นนายห้ามลาออก ถ้านายตอบตกลง ฉันก็จะตกลงกับนาย เป็นไง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ฉันอยากรับนายเป็นศิษย์ นายตกลงหรือเปล่า”
“ท่านอาจารย์!” หลี่อวี้พูดด้วยความตื่นเต้น เมื่อวานเขาจ่ายเงินที่เหลือติดตัวอยู่เพียงแค่หนึ่งพันต้าหยาง[1] เพื่อดูวิดีโอการประลองความรู้ของกัวไฮว่ เขาดูไปเป็นสิบรอบแล้วเขาจึงบอกกับตัวเองว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องติดตามกัวไฮว่ผู้นี้ให้ได้ ฉันจะทำให้ความฝันของฉันเป็นจริงไปทีละก้าว ๆ ให้ได้
การสัมภาษณ์ตัวต่อตัวดำเนินไปจนถึงบ่ายสอง สาว ๆ ต่างก็ท้องร้องจ๊อก ๆ แต่กัวไฮว่ก็ยังคงสัมภาษณ์นักศึกษาที่เข้ามาอย่างตั้งอกตั้งใจ
“ได้แล้ว คนพวกนี้แหละ” เป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว กัวไฮว่ยืดเอวจากนั้นก็นำรายชื่อเดินออกไปจากห้องเรียน ทั้งโถงประชุมไม่ได้มีคนเยอะแบบเมื่อตอนเช้า ถึงขั้นที่ว่าตอนที่สัมภาษณ์นักเรียนจำนวนหนึ่งรู้ตัดว่าต้องถูกคัดออกก็ออกไปจากโถงประชุมโดยทันที
“ทุกคนรอกันนานเลยนะครับ ซือซือ เธอช่วยอ่านรายชื่อหน่อยสิ ให้คนพวกนี้เก็บกระเป๋าแล้วตอนห้าโมงเย็นฉันจะหารถมารับทุกคน ถึงตอนนั้นให้ทุกคนไปที่คลินิกกับฉัน เรื่องที่มหาลัยพวกเธอไม่ต้องกังวลนะ ทางฝั่งแพทย์แผนโบราณฉันคุยกับคณบดีหลิวไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนทางฝั่งแพทย์ปัจจุบัน คณบดีหลิวเองก็จะช่วยจัดการให้พวกเธอ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ
หลิวเย่าซือหยิบรายชื่อขึ้นมา กัวไฮว่ได้วงชื่อสิบคนบนรายชื่อ มีทั้งคนที่เธอให้คะแนนสูงและมีคะแนนที่ไม่สูง บางคนที่เธอคิดว่าได้รับการคัดเลือกก็ดันถูกคัดออก
“เหลิ่งซวง เฉิงคุน หลี่ว์เฟิง หลี่อวี้ หยวนอวี่หลง เผยเฟยเฟย อู่จ้าย เซียวเฉียน โหวรั่วอิง หลิวเย่าซือ” หลิวเย่าซือประกาศรายชื่อออกมา ทั้งสิบคนนี้คือคนจากคณะแพทย์แผนโบราณที่ได้รับคัดเลือก
“กัวไฮว่ ทำไมไม่มีฉันล่ะ ตอนสัมภาษณ์นายก็บอกฉันแล้วนี่ว่าฉันมีคุณสมบัติมากพอ ทำไมไม่เลือกฉัน” นักศึกษาจากคณะแพทย์แผนโบราณคนหนึ่งพูดด้วยเสียงดัง นักศึกษาในคณะหลายคนต่างก็รู้จักเขา เขาคือต้วนเทียนหยา นักศึกษาปีสามของคณะที่มีผลการเรียนเป็นสามลำดับแรก
“นายมีความสามารถในด้านการแพทย์ไม่น้อยเลยนะ แต่ทำตัวไม่ดีกับพ่อแม่ตัวเองไปหน่อย กลับไปทบทวนตัวเองซะเถอะ” กัวไฮว่พูดด้วยเสียงดัง จากนั้นต้วนเทียนหยาก็จากโถงประชุมไปด้วยสีหน้าแดงเถือก
“คณะแพทย์แผนปัจจุบัน เฉินเจี่ยตี้ เฉาเฉียนคุน เหอโม่ หลินลั่นซาน เหลยอวิ๋นอวิ๋น ซูถู เจี่ยเสี่ยวเสี่ยว เก๋ออวิ๋นเสียง” หัวไฮว่เลือกคนจากคณะแพทย์แผนปัจจุบันมาแปดคน
“ลั่วซาน เธอผ่านแล้ว เธอแน่ใจนะว่าเธอจะตามคนที่เด็กกว่าเธอแถมดูท่าทางไม่น่าไว้ใจไปทำงานด้วยน่ะ อย่าทำแบบนี้สิ ผลการเรียนอย่างเธอเนี่ยหลังเรียนจบไปที่โรงพยาบาลประจำเมืองก็มีที่ยืน ทำไมต้องไปทำงานพิเศษที่คลินิกส่วนตัวด้วยล่ะ” รูมเมตของหลินลั่วซานคนหนึ่งพูดชักจูง
“เขาเก่งมากเลย เก่งกว่าหมอที่ฉันเคยเห็นทั้งหมดซะอีก เรื่องความสามารถไม่ต้องพูดถึง จรรยาบรรณแพทย์ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย คำว่า ‘คุณธรรมนำชื่อ’ ยังไม่พอที่จะบรรยายเขาได้เลย ฉันเชื่อว่าคราวนี้ฉันเลือกถูก” หลินลั่วซานมองไปยังกัวไฮว่ที่อยู่ไกลๆ พร้อมกับพูดขึ้น
[1] เป็นหน่วยเงินของจีนในยุคสาธารณรัฐ โดยหนึ่งต้าหยางมูลค่าประมาณหนึ่งพันห้าร้อยหยวนในปัจจุบัน