[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 123 อยู่กับกัวไฮว่
“เสี่ยวโจว วันนี้แกทำอะไรอร่อยๆ กินเหรอ” นอกร้านอาหารของโจวเทียนหยาง มีชายแก่คนหนึ่งถามขึ้นด้วยเสียงดัง
“วันนี้ไม่เปิดร้าน อย่ามาอยู่ที่นี่เลย จะต้องทำอะไรก็ไปทำไป” โจวเทียนหยางตะโกนเสียงดังกับด้านนอก
“เสี่ยวโจว วันนี้แกกินคนเดียวเหรอ ขอฉันดูหน่อยว่าวันนี้แกทำอะไรอร่อยๆ กิน” ในขณะที่พูด ชายแก่ก็เดินเข้ามาในร้าน ชายผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เขาคือเจ้าสำนักฝ่ามือแปดรูปลักษณ์ เซียวอวิ๋นเทียน
“บอกแล้วไงว่าวันนี้ไม่เปิดร้าน จะเข้ามาทำไมอีกเนี่ย” โจวเทียนหยางพูดเสียงดัง เขาไม่ได้ดูว่าใครเป็นคนมาเยือน
“พ่อหนุ่มกัวไฮว่ ที่แท้คนที่โจวเทียนหยางต้อนรับคือเธอหรือเนี่ย มิน่าล่ะหมอนี่ถึงได้ผิดปกติขนาดนี้” เซียวอวิ๋นเทียนเห็นกัวไฮว่อยู่ในครัวก็ถามยิ้มๆ
“เหล่าเซียวมาอู่เฉิงตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย” กัวไฮว่มองเซียวอวิ๋นเทียนแวบหนึ่งก่อนจะพูดยิ้มๆ “ไปหาที่นั่งก่อนเถอะครับ วันนี้คุณได้ลาภปากแน่”
“พวกคุณรู้จักกันเหรอ งั้นก็ให้เหล่าเซียวอยู่ต่อ” โจวเทียนหยางพูดยิ้มๆ “เหล่าเซียว กินตอนร้อนๆ นะ นี่เป็นเนื้อกวางที่ฉันเพิ่งทำเสร็จเลย อร่อยแน่นอน คุณกินให้เยอะๆ เลย”
“เสี่ยวโจว เมื่อก่อนตอนเธออยู่กับลุงเซียวที่ภูเขาซุ่นอวิ๋น ลุงเซียวเคยทำแย่ๆ กับเธอหรือเปล่า” เซียวอวิ๋นเทียนหรี่ตามองโจวเทียนหยางพร้อมกับพูดขึ้น
“ตอนนั้นลุงเซียวเอ็นดูผมมาก ชาตินี้ผมไม่มีวันลืมเลย” โจวเทียนหยางพูดขึ้น สีหน้าของเขาแดงเล็กน้อย ราวกับดูออกว่าเซียวอวิ๋นเทียนจะพูดอะไร
“เสี่ยวโจว เธอให้ฉันกินเนื้อกวางแสนอร่อยที่เธอนึ่งไว้ในหม้อหน่อยสิ ฉันอยากกินอร่อยที่เธอนึ่งอยู่ด้วยเหมือนกัน เสี่ยวโจว เธอเย็นชาซะฉันผิดหวังจริงๆ” เซียวอวิ๋นเทียนพูดด้วยเสียงดัง ทำเอาสาวๆ ต่างก็หัวเราะลั่นขึ้นมา
“อาเซียว ผมแค่จะให้อาจ่ายก่อน ทำไมอาคิดแบบนี้ล่ะครับ” โจวเทียนหยางพูดด้วยสีหน้าแดงเถือก “ผะ…ผมไปดูในครัวก่อนนะครับว่ากับข้าวเป็นยังไงบ้าง” ในขณะที่พูด โจวเทียนหยางก็วิ่งเข้าไปในห้องครัว
ผ่านไปประมาณสิบห้านาที โจวเทียนหยางก็เก็บอาหารรสเลิศอย่างอื่นออกจากบนโต๊ะ จากนั้นก็นำจานใหญ่เกือบหนึ่งเมตรมาวางไว้บนโต๊ะ
“พี่ไฮว่ เปิดเถอะ กลิ่นดูไม่เลวเลย” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ เธอพอจะเดาออกว่าอาหารรสเลิศที่กัวไฮว่ทำนั้นคืออะไร
“อุ้งตีนหมีราดน้ำผึ้งประจำตระกูลกัว ทุกคนลองชิมด้วยกันเร็ว” ในขณะที่พูด กระบี่เฟยเจี้ยนเล่มเล็กที่อยู่ในมือก็บินลอยไปตัดอุ้งตีนหมี จากนั้นไม่นานอุ้งตีนหมีก็ถูกตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ขนาดใกล้เคียงกัน
“นายนี่มันแย่จริงๆ เลย ทำไมต้องให้ฉันกินของอร่อยขนาดนี้ด้วยเนี่ย ต่อไปฉันจะทำยังไงล่ะ ต่อไปฉันกินอย่างอื่นก็ไม่มีรสชาติแล้วน่ะสิ” หลิวเย่าซือทานไป น้ำตาก็ไหลออกมา
“ฉันเองก็เคยกินอุ้งตีนหมี แต่ไม่เคยกินอุ้งตีนหมีที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย น้ำผึ้งในอุ้งตีนหมีก็ไม่ใช่ของธรรมดา นายใช้วัตถุดิบอะไรกันแน่ อร่อยมากเลย” เหลิ่งซวงพูดเบาๆ
เซียวอวิ๋นเทียนเห็นปฏิกิริยาของเด็กสาวทั้งสองคนแล้วก็ใช้ตะเกียบคีบเนื้อขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ เอาเข้าไปในปากจากนั้นตะเกียบก็หล่นลง เซียวอวิ๋นเทียนหลับตาลง ทั้งใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกพอใจ เขารู้สึกเหมือนตัวเองจะพุ่งออกมาโดยไม่รู้ตัว
“พ่อหนุ่ม ฉันจะปิดร้านอาหารนี้ซะ ต่อไปทำของกินอะไรฉันคงไม่รู้สึกอร่อยอีกแล้วล่ะ ฉันยังจะไปทำอะไรได้อีก ต่อไปฉันต้องไปหางานแล้วล่ะ” โจวเทียนหยางทานไปคำหนึ่งก็พูดขึ้นมาด้วยความจนใจ
“พี่ไฮว่ ต่อไปฉันจะกินของอร่อยแบบนี้ทุกวันเลย พี่ต้องทำกับข้าวแบบนี้ให้ฉันทุกวันนะ ต่อไปพี่ห้ามมาหลอกฉันเรื่องของกินอีกล่ะ” อวี้เอ๋อร์เอาอุ้งตีนหมีเข้าไปในปากหลายต่อหลายคำ ท่าทางไม่สมกับเป็นเด็กสาวเลยสักนิด
กัวไฮว่มองทุกคนที่สนุกครื้นเครงอย่างยิ้มๆ เขาคีบอุ้งตีนหมีชิ้นนึงเข้าไปในปาก รสชาติไม่เลวเลย อร่อยกว่าของกินในงานเลี้ยงดอกท้อสวรรค์เสียอีก
“อาโจวครับ อาการป่วยซ้อนของอาถ้าไม่รีบรักษาให้ทันเวลาเซียนเทียนระยะหลังก็ช่วยอะไรอาไม่ได้นะครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ที่อาจะปิดร้านอาหารนี่ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลยนะ ไว้อาไปช่วยงานผมทำกับข้าวให้ทุกคนกินที่คลินิก ผมจะหาเวลารักษาอาการป่วยอาเอง คุ้มมากๆ”
“ถ้าอาทำงานให้เธอ อาไม่เอาเงินเดือนสักแดงเดียว แต่เธอช่วยให้เหล้าอาเยอะๆ หน่อยนะ” โจวเทียนหยางหรี่ตาพูด “ยังมีวัตถุดิบดีๆ อีก เธอเองก็แอบเก็บไว้ใช่หรือเปล่า ฮ่าๆ”
“นั่นก็แน่นอนอยู่แล้วครับ อาคิดให้ดีนะครับ ถ้าตัดสินใจมาทำงานที่คลินิกผมพรุ่งนี้ตอนบ่ายผมจะมารับอา แต่ถ้าอยากเก็บร้านอาไว้ผมก็ไม่อยากบังคับ แต่อาการบาดเจ็บของอา อาต้องต่อแถวรอรักษาล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“คิดอีกกับผีน่ะสิ วันนี้พอเรากินข้าวเสร็จฉันจะเริ่มเก็บของ จริงๆ ก็ไม่มีอะไรให้เก็บหรอก พรุ่งนี้บ่ายอาจะไปกับเธอ” โจวเทียนหยางพูดยิ้มๆ ส่วนกัวไฮว่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ยอดฝีมือเซียนเทียนระยะหลังถูกเขาหลอกเข้าแบบนี้ วันนี้ช่างสุขใจจริงแท้
“เสี่ยวไฮว่ อาการบาดเจ็บของพวกเราดีขึ้นแล้วล่ะ วันที่เธอเปิดคลินิกพวกเราเองก็จะไปด้วย ที่บ้านฉันมีผู้อาวุโสเคยถูกศัตรูตามฆ่าอยู่คนหนึ่ง บาดเจ็บไม่น้อยเลย ฉันอยากให้เธอตรวจเขาดูหน่อย ฉันขอจองคิวล่วงหน้านะ” เซียวอวิ๋นเทียนพูดยิ้มๆ
“เดี๋ยวจะลดให้ผู้อาวุโสเซียวเนื่องในวันเปิดกิจการเลยครับ เตรียมมาสิบล้านก็พอแล้ว ถ้าเงินไม่พอก็เอายาจีนมาให้สักหน่อยหนึ่งก็ได้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ส่วนโจวเทียนหยางถึงกับเบิกตาโพล่ง รักษาครั้งเดียวก็ได้เงินสิบล้าน จะโรงพยาบาลไหนก็ดูท่าไม่ได้จะราคาสูงขนาดนี้ แถมเงินสิบล้านนี่เป็นราคาหลังจากลดราคาแล้วด้วย
“ได้ งั้นก็ตามนี้แล้วกัน ฉันจะไปบอกพวกเขาหน่อย ถ้ามีใครอยากรักษาในวันเปิดกิจการ ก็เตรียมเงินไว้ดีๆ เลย ฮ่าๆ” เซียวอวิ๋นเทียนพูดยิ้มๆ
เมื่อมื้อค่ำแห่งความคึกครื้นผ่านไป ทุกคนต่างกินอุ้งตีนหมีขนาดใหญ่จนหมดไม่มีเหลือ เซียวอวิ๋นเทียนดื่มมากไปหน่อยถึงขั้นที่ปีนไปบนจานจากนั้นก็เลียๆ แล้วก็หลับผล็อยไป โจวเทียนหยางที่ดูแสนจะใสซื่อไม่มีใครเปรียบก็เอาโทรศัพท์มาถ่ายคลิปเก็บเอาไว้ ภายหลังเขาได้ใช้คลิปนี้ข่มขู่เซียวอวิ๋นเทียน จึงถูกเหล่าเซียวด่าเสียยกใหญ่
“พวกเรากลับก่อนนะ พี่ซือซือ เหลิ่งซวง น่าจะมีคนจากคณะแพทย์ปัจจุบันมาลงชื่อ พวกเธอช่วยเช็กดูหน่อยได้ไหม แล้วพรุ่งนี้ฉันจะมาเลือกคน คณะแพทย์แผนโบราณก็เหมือนกัน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เสร็จก็ขับรถออกไปกับอวี้เอ๋อร์ด้วยความเร็วราวกับบินไป
“เขาเป็นใครกันแน่ อายุเด็กกว่าพวกเราอีก ทำไมถึงได้มีความรู้แพทย์สูงขนาดนี้” หลิวเย่าซือมองรถกัวไฮว่ที่แล่นออกไปไกล จากนั้นก็พูดขึ้นเบาๆ
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันโตป่านนี้แล้ว แถมสัมผัสการแพทย์แผนโบราณมาตั้งแต่เด็กด้วยก็ไม่เคยพบเขามาก่อนเลย มีเด็กที่ยังอ่อนกว่าฉันมาให้ฉันกราบเป็นอาจารย์ แถมฉันยังจะตกลงจริงๆ เสียอีก” เหลิ่งซวงส่ายศีรษะพร้อมกับพูดขึ้น
“ถ้าเขาให้โอกาสพวกเธอไปทำงานกับเขาก็ต้องคว้าเอาไว้ให้ดี กัวไฮว่คนนี้ไม่ธรรมดา ฉันรู้อาการป่วยของฉันดี ฉันไปหาหมอชื่อดังมาทั่วหัวซย่าแล้ว ไม่มีใครบอกว่าจะรักษาฉันได้ แต่ตอนที่กัวไฮว่บอกว่าจะช่วยฉันฉันเชื่อสนิทใจเลยว่าเขาจะช่วยฉันได้” โจวเทียนหยางพูดเบาๆ จากนั้นเด็กสาวทั้งสองก็ผงกศีรษะ