[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 122 อุ้งตีนหมีน้ำผึ้ง
“กัวไฮว่ ขอบคุณมากนะที่วันนี้ช่วยให้พวกเราชนะการประลอง” หลิวเย่าซือพูดยิ้มๆ “เธอบอกว่าเธอจะเปิดคลินิก จริงหรือเปล่า ฉันเคยรู้มาว่าถ้าอยากเปิดคลินิกที่ถนนซิ่งหลินจะต้องมีความสามารถจริงๆ ไม่งั้นคนอื่นจะมาหาเรื่องได้ แล้วหมอคนอื่นๆ ที่ถนนซิ่งหลินก็จะไล่นายออกไป”
“จะเปิดกิจการเสาร์นี้ ไว้ถึงตอนนั้นเดี๋ยวพวกเธอก็จะรู้เอง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ซือซือ เธอช่วยพิจารณาเรื่องที่ฉันบอกไปหน่อยนะ มาที่คลินิกของฉัน สิ่งที่เรียนในมหาลัยน่ะมีจำกัด สิ่งที่คณบดีหลิวให้เธอได้ก็มีจำกัด ถ้าอยากเป็นหมอที่แท้จริงก็เพียงแค่มาหาฉันเท่านั้น”
“ตอนที่ไปเอายาคุณปู่บอกฉันแล้วล่ะว่าถ้าคลินิกนายเปิดกิจการที่ถนนซิ่งหลินได้จริงๆ ฉันก็ไปที่คลินิกนายได้” น้ำเสียงของหลิวเย่าซือเบาลงเรื่อยๆ
“ยายหนู กัวไฮว่นี่ไม่เลวเลยนะ ปู่ฉินของแกชมเขาใหญ่เลย ดูทรงแล้วเด็กนี่น่าจะมีความสามารถจริงๆ ถ้าเขาให้เธอไปที่คลินิกเขาเธอต้องตอบตกลงนะ เส้นทางแห่งการแพทย์จีนน่าจะอยู่ที่เขาหมดแล้ว อันที่จริงอายุเธอกับเขาใกล้เคียงกันมาก ถ้าเธอทำให้เขาเป็นลูกเขยตระกูลเราได้งั้นก็ยิ่งดีใหญ่เลย” ในตอนนั้นหลิวเฉินกังพูดกับหลิวเย่าซือแบบนี้
“พรุ่งนี้เธอไปรับสมัครคนกับอวี้เอ๋อร์แล้วก็กลับคลินิกมาด้วยกันเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เหลิ่งซวง ฉันกับเธอไม่ต้องพูดอะไรกันมาก ฉันอยากจะรับเธอเป็นศิษย์ ถ้าเธอตกลง ฉันจะมอบความรู้ทั้งหมดให้เธอเลย แต่ถ้าเธอไม่ตกลงฉันก็ยังหวังว่าเธอจะมาที่คลินิกฉันได้นะ”
“ฉะ…ฉันเหมือนกันกับซือซือได้ไหม ให้ช่วยงานที่คลินิกนายก่อน นายให้ฉันเป็นศิษย์ ฉัน…” เหลิ่งซวงพูดอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“เธอไปทำงานที่คลินิกฉันก่อนก็ได้ ไว้เธออยากให้ฉันเป็นอาจารย์หรือเปล่าก็แล้วแต่เธอ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “พวกเรากินข้าวกันเถอะ”
เป็นเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง โจวเทียนหยางก็ยกอาหารคาวหลายจานมาเสิร์ฟ ตัวเขาเองก็หาเก้าอี้เตี้ยมานั่งลงอย่างไม่ได้เกรงอกเกรงใจ
“อาโจว เอาแก้วเหล้ามาสิครับ เดี๋ยวผมให้ลุงได้ชิมเหล้าสักหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ โจวเทียนหยางชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อกี้เด็กนี่เอาเหล้ามาจากไหนกัน เมื่อก่อนเสี่ยวซือก็มากินข้าวอย่างเดียวไม่ดื่มเหล้า ส่วนเขาก็รู้ร่างกายของตนเองดีกว่าจะดื่มเหล้าเยอะไม่ได้ปกติเลยไม่ดื่ม
“ดี งั้นวันนี้ฉันแหกกฎดื่มเป็นเพื่อนพวกเธอหน่อยก็แล้วกัน” ในขณะที่โจวเทียนหยางพูดเขาก็นำถ้วยกระเบื้องมาจากในห้อง “ฉันไม่มีแก้วเหล้า ใช้นี่แล้วกันนะ”
กัวไฮว่ยิ้มพลางผงกศีรษะ ทุกคนต่างก็มีถ้วยเล็กๆ พวกเขาคีบเนื้อกวางเข้าไปในปาก จากนั้นก็ตามด้วยดื่มเหล้าในถ้วยอย่างไม่ได้เกรงอกเกรงใจ
“อาโจว เนื้อกวางนี่ไม่แย่เลย อาเลือกใช้วัตถุดิบก็พิถีพิถัน เห็ดในนี่ก็เป็นเห็นป่าบนภูเขา คู่กันกับเนื้อกวางรสเลิศของจริงเลยครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ฮ่าๆ พ่อหนุ่มรู้เรื่องอาหารเยอะนะเนี่ย ฉันชอบ ให้ฉันดื่มเหล้าเธอหน่อยเป็นไง” โจวเทียนหยางพูดยิ้มๆ เขาถือถ้วยเหล้าขึ้นมาก่อนจะดื่มหมดในอึกเดียว
“พวกเธอก็ชิมสิ รสชาติไม่เลวเลยนะ” กัวไฮว่พูดขึ้นกับหลิวเย่าซือและเหลิ่งซวง เด็กสาวทั้งสองเองก็ไม่เกรงใจ พวกเธอหยิบถ้วยเหล้าขึ้นมาก่อนจะชิมค่อยๆ ละเลียดชิม
“ไอ้น้อง เธอเอาเหล้านี้มาจากไหน ไม่สิ เหล้านี่ไม่มีใครขายหรอก เธอยังมีเหล้านี่อีกเท่าไหร่ ช่วยแบ่งมาให้ฉันหน่อยได้ไหม” โจวเทียนหยางพูดพลางถูฝ่ามือ
“อาโจว อีกถ้วยนะครับ” กัวไฮว่ไม่ได้พูดอะไรมาก เขายิ้มพลางเทเหล้าใส่ถ้วยของของโจวเทียนหยางจนเต็ม
“น้องกัวไฮว่ นายให้เหล้าฉันอีกได้ไหม” หลิวเย่าซือพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“ฉันก็เอาอีก” เหลิ่งซวงพูดต่อ
“วันนี้เอาให้พอ ดื่มให้ท้องแตกไปเลย ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “อาโจวครับ ขอผมใช้ครัวอาหน่อยนะ จะไปเพิ่มอาหารน่ะครับ” กัวไฮว่พูดพลางเดินเข้าไปในครัว จากนั้นโจวเทียนหยางก็เดินถือถ้วยเหล้าตามเข้าไปในครัวด้วยกัน
“พ่อหนุ่ม นี่มันวัตถุดิบอะไรของเธอเนี่ย ฉันดูไม่ออกเลย” โจวเทียนหยางมองชิ้นเนื้อขนาดไม่เล็กที่อยู่ในมือกัวไฮว่ก่อนจะถามยิ้มๆ
“อุ้งตีนหมี แต่ว่าใหญ่กว่าที่พวกคุณเคยเห็นหน่อยนึง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เมื่อกี้อาใช้กำลังภายในในการทำอาหาร ผมก็จะลองดูบ้าง” ในขณะที่พูด กัวไฮว่ก็วางอุ้งตีนหมีไว้บนเขียง จากนั้นก็กำหมัดทุบไปบนชิ้นเนื้อ
“กำลังภายในน่ากลัวเชียว พ่อหนุ่ม เธอมีความสามารถอะไรกันแน่เนี่ย” โจวเทียนหยางพูดเบาๆ “เนื้อนี่ไม่ใช่อุ้งตีนหมีธรรมดาๆ สิท่า นี่คืออุ้งตีนราชาหมี แต่ว่าพ่อหนุ่มมีอุ้งตีนหมีแบบนี้ได้ยังไงกัน”
กัวไฮว่หัวเราะแต่ไม่ได้พูด ราชาหมี? จะพูดอย่างนั้นก็ได้ นี่คืออุ้งตีนมารหมีในสมัยโบราณ เมื่อก่อนเจ้าของน้ำเต้านี่น่าจะมีอยู่จำนวนหนึ่ง
“อุ้งตีนหมีนี่น่าจะเข้ากับน้ำผึ้งนะ ไม่รู้ว่านึ่งรังผึ้งนี่กับอุ้งตีนหมีแล้วจะออกมาเป็นรสชาติยังไง” กัวไฮว่พูดพลางถือรังผึ้งเก้าชั้นไว้ในมือ โดยปกติแล้วรังผึ้งเก้าชั้นจะใหญ่ แต่ว่ารังผึ้งที่อยู่ในมือของเขานั้นเล็กกว่ามาก จากนั้นเขาก็ใช้กำลังภายในในการทุบรังผึ้งให้แหลกแล้วนำไปโรยบนอุ้งตีนหมี
“อาโจวเปิดหม้อนึ่งเลยครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ โจวเทียนหยางวางถ้วยเหล้าในมือลง จากนั้นก็เปิดหม้อนึ่ง เขาเติมฟืนใต้หม้อ เพราะการใช้ถ่านนึ่งกับใช้ไม้ฟืนจะได้รสชาติที่ต่างกันมาก
“ใช้ไม้นี่สิ!” ในขณะที่พูดกัวไฮว่ก็โยนไม้จันทน์จื่อจินขนาดไม่เล็กไปใต้หม้อ จากนั้นก็พัดอากาศเข้าไปให้หม้อทำให้ไม้ทั้งท่อนลุกไหม้ขึ้นมา
“พระเจ้า เด็กนี่คิดจะทำอาหารอะไรกันแน่ อย่าว่าแต่อุ้งตีนหมีกับรังผึ้งเมื่อกี้เลย แค่ไม้ท่อนนั้นราคาก็ซื้อร้านเล็กๆ ของฉันนี่ได้แล้วมั้งเนี่ย” โจวเทียนหยางพูดไม่ออก เขาลอบคิดขึ้นในใจ
“หอมมากเลย กัวไฮว่คิดจะทำอะไรกันแน่นะ” หลิวเย่าซือสูดดมเข้าไปลึก กลิ่นหอมที่สะพัดในอากาศลอยเข้าไปในร่างกายผ่านทางจมูก จากนั้นความรู้สึกอุ่นร้อนก็หยุดอยู่ตรงจุดกลางตันเถียน[1]
เดิมทีตำแหน่งของร้านนี้อยู่ไม่ใกล้ ทว่ากลิ่นหอมที่ลอยออกมาจากห้องครัวเป็นระลอกๆ ทำเอาคนที่อยู่รอบร้านต่างก็หยุดฝีเท้า ถึงขั้นที่ว่าบางคนเดินตามกลิ่นหอมเข้ามาในร้าน
“อู๋กัง โผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” ภายในวังแห่งจันทรา สตรีงามเทพธิดาฉางเอ๋อตวาดเสียงดังลั่น จากนั้นอู๋กังก็ปรากฏตัวขึ้นในวังแห่งจันทรา
“ท่านพี่ ไม่ทราบว่าผู้ใดทำผิดต่อท่านหรือ ท่านบอกมา ข้าจะไปสับมันให้” อู๋กังพูดพลางแบกขวานด้ามใหญ่เอาไว้
“วันนี้ไม่มีเรื่องอะไร เดี๋ยวเจ้าไปจับมารหมีที่แดนมารมาหน่อย เอาแบบที่อุ้งมือใหญ่ๆ หน่อยนะ แล้วก็ช่วยไปเอารังเซียนผึ้งมาด้วย เอาที่มีน้ำผึ้งเยอะๆ เลย” ฉางเอ๋อพูดยิ้มๆ
“ท่านพี่ ช่วงนี้แดนมารเองก็ไม่ได้มาหาเรื่องเลย ข้าไปแบบนี้ไม่ดีกระมัง” อู๋กังพูดขึ้นเบา
“ไม่ดี…ไม่ดีกับผีสิ ไม่ได้จะให้เจ้าไปหาเรื่องมารมังกรเสียหน่อย เจ้าจะกลัวไปไย ถ้าเจ้าทำไม่สำเร็จ ข้างจะให้หยางเจี่ยนไป ช่วงนี้เด็กนี่ดูเหมือนจะว่างนะ” ฉางเอ๋อพูดยิ้มๆ “ทว่าคราหลังหากมีอะไรดีๆ ข้าจะไม่ให้เขาให้เจ้า”
“ดูท่านพี่พูดเข้า ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ ข้าจะจับหัวราชามารหมีกลับมา” พูดเสร็จ อู๋กังก็หายตัวไปในวังแห่งจันทรา
“ดูท่าอุ้งตีนหมีนี่น่าจะอร่อยทีเดียวเชียว” ฉางเอ๋อพูดยิ้มๆ
[1] จุดศูนย์กลางของพลังงานภายในร่างกาย แบ่งออกเป็นสามตำแหน่งได้แก่ บริเวณระหว่างคิ้ว บริเวณใต้หัวใจและบริเวณใต้สะดือ