[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 116 ผู้เป็นหมอมีใจดั่งบิดามารดา
“เธอจะไม่ให้กินยาไม่ฉีดยา แล้วให้อดทน นี่คือวิธีการรักษาคนของแพทย์แผนโบราณเหรอ” เฉินเจี่ยตี้ถามขึ้นด้วยรอยยิ้มอันเย็นเยือก
“อดทนยังดีกว่าฉีดยาอีก พวกเธอเรียนแพทย์แผนปัจจุบันพวกเธอก็ลองถามคณบดีหวงของพวกเธอดูสิ นับตั้งแต่เขาสัมผัสการแพทย์ปัจจุบันเขาเคยฉีดยาบ้างหรือเปล่า” เหลิ่งซวงถามยิ้มๆ
“เสี่ยวเฉิน ในไข้หวัดจากไวรัสในปัจจุบันนี้เนี่ย หลายโรงพยาบาลเลือกวิธีการรักษารวมทั้งการแพทย์จีนและการแพทย์ปัจจุบัน รอบสองนี่เธอแพ้แล้วล่ะ” เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ทั้งสองมีปากเสียงกันหลิวชิงเจิงก็พูดขึ้นอย่างยิ้มแย้ม
“ขอฉันบอกอาการของผู้ป่วยรายที่สามก่อนนะคะ จะได้เลี่ยงคำครหาคณะแพทย์แผนปัจจุบันว่าฉันเอาเปรียบพวกคุณ” เหลิ่งซวงพูดเบาๆ ว่า “ผู้ป่วยรายที่สามลำไส้อักเสบ…” เหลิ่งซวงพูดแผนการรักษาของตนเองออกมา
“วิธีการของผมให้ผู้ป่วยใช้…” เฉินเจี่ยตี้บอกวิธีการรักษาของตนออกมา ครั้งนี้วิธีการใช้ยาของทั้งสองละเอียดรอบคอบอย่างมาก จากนั้นทั้งสองก็มองไปยังหลิวชิงเจิงเพื่อรอการตัดสินรอบสุดท้าย
“สำหรับลำไส้อักเสบแล้ว ฝั่งการแพทย์แผนปัจจุบันรุ่งเรืองมาก ในการเลือกใช้ยาสามารถช่วยหลีกเลี่ยงยาที่ส่งผลอันตรายต่อร่างกายได้ ทางด้านของยาจีน วิธีที่เหลิ่งซวงบอกมานั้นฉันเคยได้ยินคณบดีหลิวสอนในคาบแล้ว ความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง แต่ว่าขั้นตอนต้มยาจีนออกจะยุ่งยาก รอบนี้ เสี่ยวเฉินจึงชนะไป” หลิวชิงเจิงพูดยิ้มๆ
เหลิ่งซวงเองก็ไม่ได้พูดอะไร เธอผงกศีรษะเล็กน้อย เธอค่อนข้างยอมรับวิธีที่เฉินเจี่ยตี้ใช้ยาในครั้งนี้ ในเมื่อหลิวชิงเจิงพูดแบบนั้น เธอก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก
“ผู้ป่วยรายที่สี่ เหลิ่งซวงไม่ได้บอกวิธีการรักษา พวกเราให้เฉินเจี่ยตี้บอกวิธีรักษากับใช้ยากันก่อนดีกว่า” หลิวชิงเจิงพูดยิ้มๆ
“รอก่อน ขอฉันดูวิธีรักษาของเขาก่อนพอจะได้ไหมคะ” เหลิ่งซวงตะโกนเสียงดังเพื่อห้ามหลิวชิงเจิงเอาไว้
หลิวชิงเจิงมองเหลิ่งซวงแวบหนึ่งแล้วก็มองเฉินเจี่ยตี้ จากนั้นก็พยักหน้า เฉินเจี่ยตี้จึงยื่นวิธีการรักษาพร้อมทั้งวิธีการใช้ยาของตนไปให้เหลิ่งซวง
“หัวหน้าหลิว ฉันหวังว่าก่อนที่เขาจะประกาศ ให้ผู้ป่วยออกไปก่อนดีไหมคะ ในเมื่อการประลองของพวกเราส่งผลต่อการรักษาของพวกเขา ให้พวกเขากลับไปก่อนเถอะค่ะ” เหลิ่งซวงพูดเบาๆ
“อวี้เอ๋อร์ เหลิ่งซวงนี่ไม่เลวเลยนะ ฉันชอบ” กัวไฮว่เห็นการกระทำทั้งหมดของเหลิ่งซวงก็พูดยิ้มๆ ตั้งแต่ที่เขาลงมาแดนมนุษย์ เรื่องที่ทำให้กัวไฮว่หัวเราะออกมามีไม่เยอะจริงๆ
“ในเมื่อผู้ป่วยไปกันแล้ว งั้นฉันเริ่มเลยนะ” เฉินเจี่ยตี้พูดยิ้มๆ
“หัวหน้าหลิว รอบเล็กรอบนี้ฉันชนะ เขาไม่ต้องมาอ่านแล้วล่ะ” เหลิ่งซวงขวางเฉินเจี่ยตี้อีกครั้งก่อนจะพูดเบาๆ
“แปะๆๆ” ในช่วงขณะที่กัวไฮว่ได้ยินสิ่งที่เหลิ่งซวงพูดเขาก็ปรบมือขึ้นมา “ผู้เป็นหมอมีใจดั่งบิดามารดา เธอทำได้แล้วล่ะ ต่อไปเธอจะช่ำชองในการแพทย์เหนือยิ่งกว่าทุกคนที่นั่งอยู่นี่” กัวไฮว่พูดเสียงดัง
“พ่อหนุ่ม ไม่ทราบว่าเธอพูดเรื่องอะไรอยู่เหรอ” หวงฮั่นหลินพูดขึ้นด้วยความดูแคลน
“คณบดีหวง อยากรู้ไหมครับ” กัวไฮว่เดินก้าวมาข้างหน้าพร้อมกับพูดเสียงดัง “รอบนี่ถือว่าเสมอกัน งั้นขอผมบอกอะไรคุณหน่อยนะ ที่เสมอกันรอบนี้พวกคุณจะเอาไงต่อ” กัวไฮว่มองผู้ป่วยที่นั่งรถออกไปพร้อมกันกับครอบครัวแล้วพูดด้วยเสียงดัง
“คุณคิดว่าเหลิ่งซวงคิดหาวิธีรักษาให้ผู้ป่วยไม่ได้จริงๆ งั้นเหรอ ผมบอกคุณนะ ผมไม่ทันได้เข้าใกล้ผู้ป่วยผมยังดูออกเลยว่าผู้ป่วยเป็นโรคอะไร มะเร็งปอดระยะสุดท้าย แถมเซลล์มะเร็งก็ลามไปทั่วร่างกายแล้วด้วย” กัวไฮว่พูดด้วยเสียงดัง “ที่ผู้ป่วยมาให้ทุกคนได้วินิจฉัยอย่างสงบเสงี่ยมเช่นนี้ เพราะเขาไม่รู้ว่าเขาเป็นโรคอะไร ถ้าเมื่อกี้เฉินเจี่ยตี้บอกอาการป่วยของเขาไป ผมรับประกันเลยว่าผู้ป่วยต้องสูญเสียความมั่นใจที่จะใช้ชีวิตต่อไปแน่”
“พวกคุณคิดว่ายาบ้าๆ นั่นที่พวกคุณสั่งไปรักษาผู้ป่วยได้จริงๆ เหรอ มีแต่จะทำให้พวกเขาจ่ายเงินไปเสียเปล่าเท่านั้นแหละ ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายอย่างมีความสุขไม่ดีกว่าเหรอ” กัวไฮว่พูดเสียงดัง “เหลิ่งซวง ถึงแม้รอบเล็กรอบสุดท้ายเธอจะแพ้ แต่ว่าฉัน กัวไฮว่ นับถือเธอมากเลยล่ะ ฉันจะถือเธอเป็นเกียรติ และฉันคิดว่าคณะแพทย์แผนจีนเองก็ถือเธอเป็นเกียรติเช่นกัน”
เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จ ในดวงตาของเธอก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ทั่วทั้งคณะแพทย์แผนโบราณก็ปรบมือเสียงดังสนั่น ถึงแม้รอบที่สองจะเสมอกัน ทว่าที่เหลิ่งซวงแสดงออกมาทั้งหมดก็ทำให้ทุกคนนับถือนักศึกษาที่เรียนการแพทย์แผนโบราณที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ถึงขั้นที่ว่านักศึกษาคณะแพทย์แผนปัจจุบันคอตกกันเป็นแถบ สุดท้ายแล้วจะแพ้หรือชนะก็ไม่สำคัญสำหรับพวกเขาเลย
“หมอก็เป็นคน ก็ต้องเลี้ยงปากท้องเหมือนกัน ถ้าทำแบบพวกเธอกันหมด งั้นเรียนหมอกันไปทำไม เลี้ยงตัวเองไม่ได้แล้วจะไปรักษาใครได้อีก” หวงฮั่นหลินมองไปยังนักศึกษาของตน ไม่ว่าผลการประลองครั้งนี้จะเป็นเช่นไร นับต่อจากนี้คณะแพทย์แผนจีนก็จะมีชื่อเสียงเหนือคณะแพทย์แผนปัจจุบันไปอีกนาน
“เหล่าหลิวบอกว่าจะให้นักศึกษาใหม่คนนี้เป็นคนแข่ง กฎการแข่งรอบสุดท้ายพวกเราเป็นคนกำหนด เธอเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง” หวงฮั่นหลินถามเสียงดัง
“พร้อมเสมอครับ ผมรู้ว่าคณบดีหวงจะประลองอะไร แล้วก็รู้ด้วยว่าคณะแพทย์แผนปัจจุบันของพวกคุณได้ซ่อนอัจฉริยะหนุ่มคนหนึ่งเอาไว้ ไม่ต้องหลบๆ ซ่อนๆ แล้ว ให้เขาออกมาเถอะ” กัวไฮว่พูดเสียงดัง “การประลองในครั้งนี้ผมจะพนันด้วย ไม่ทราบว่าคณบดีหวงจะกล้าเล่นด้วยหรือเปล่า”
“ยังจะพนัน? ฉันไม่เคยพนันมาก่อน แต่วันนี้ฉันจะแหกกฎวันนึง เธอบอกมาเถอะ เธอจะพนันอะไร” หวงฮั่นหลินพูดเสียงดัง เสียคนไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ ตอนนี้ไม่ว่ากัวไฮว่จะพูดอะไรเขาก็ตอบรับไปหมด
“ตาสุดท้าย ผมให้คุณแข่งพร้อมกับอัจฉริยะหนุ่มนั่นก็ได้ ถ้าพวกคุณชนะ ผมก็จะปิดกิจการตรงถนนซิ่งหลินทันที แต่ถ้าพวกเราชนะ ผมจะเลือกนักศึกษาจากคณะแพทย์แผนปัจจุบันไปช่วยงานผมที่คลินิกที่สักเดือนนึง ให้พวกเขาได้เรียนรู้การแพทย์จีนหน่อย หลังจากหนึ่งเดือน คุณก็ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายชีวิตในอนาคตของนักเรียนพวกนี้อีก” กัวไฮว่พูดเสียงดัง
“ที่แท้คลินิกไม่นั่นก็เกี่ยวข้องกับเธอนี่เอง ตอนแรกตั้งใจจะไปเยี่ยมเยียนคลินิกไม่ที่ถนนซิ่งหลินวันเสาร์นี้สักหน่อย ตอนนี้ดูท่าไม่ต้องแล้วล่ะ ฉันตกลงตามคำขอของเธอ เธอเตรียมปิดประตูคลินิกไม่ได้เลย” หวงฮั่นหลิงพูดเสียงดัง หลายวันก่อนเขาได้รับประกาศจากสมาคมแพทย์จีนว่าวันเสาร์หน้าจะมีประลองความรู้ที่คลินิกตรงถนนซิ่งหลิน แต่ไม่คิดเลยว่าเขายังไม่ทันไป คนจากคลินิกไม่ก็มาหาตนถึงที่แล้ว
“อย่ามัวเสียเวลาทุกคนอยู่เลย ถ้าคุณชนะผมได้ ผมก็จะปิดคลินิกไม่ทันที คุณอยากประลองอะไรก็บอกมาได้เลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“วันนี้ที่โรงพยาบาลประจำเมืองอู่เฉิงมีผู้ป่วยเนื้องอกสองราย อยู่ที่หน้าประตูคณะแล้ว ในรอบสุดท้ายนี้ ฉันอยากให้พวกเธอได้ชมฝีมือการผ่าตัดศัลยกรรมของแพทย์แผนปัจจุบัน” หวงฮั่นหลินพูดเสียงดัง “เสี่ยวเหอ เดี๋ยวนายมาผ่าตัดนะ ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอจนเสร็จ แค่เอาชนะนักเรียนคนนี้เนี่ย ฉันว่าแค่เธอก็เอาอยู่แล้วล่ะ”
“เสี่ยวเหอที่ท่านคณบดีบอกเป็นใครเหรอ” นักเรียนคณะแพทย์แผนปัจจุบันรายหนึ่งพูดเบาๆ
“เหอโม่ นักเรียนใหม่ปีหนึ่ง เด็กสาวคนที่ตอนฝึกทหารล้มครูฝึกได้คนนั้นน่ะ” ในคณะแพทย์แผนปัจจุบันมีคนพูดขึ้น
“นักเรียนใหม่ปีหนึ่งเป็นคนผ่าหลัก เหอโม่คนนี้ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย” เมื่อหลินเฉินกังได้ยินบนสนทนาของนักเรียนคณะแพทย์แผนปัจจุบันก็พูดขึ้นมาเบาๆ