[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 112 สร้างกองทัพ
“ไอ้หนู แกพูดมั่วซั่วอะไรน่ะ ฉันเป็นคนสั่งยาเอง ตาแก่นั่นมีอาการม้ามและกระเพาะพร่อง ถ้าจะใช้ยาในการรักษาอย่างเดียวไม่ได้ ฉันเลยสั่งยาบำรุงไปให้เขา ก็ปกตินี่” หูปู้ไป๋พูดเสียงดัง
“ยาบำรุงเสริมชี่บำรุงกระเพาะสิบเม็ดแต่เอาเงินเขาไปตั้งสามพันหยวน แถมยังปนกันระหว่างยาดีกับยากากอีก คุณคิดว่าคุณทำแบบนี้แล้วจะหลอกใครได้งั้นเหรอ” กัวไฮว่พูดด้วยเสียงดัง “คุณไม่มีสิทธิ์มาคุยเรื่องซิ่งหลินหรือเรื่องการแพทย์แผนโบราณกับคลินิกไม่ของเราด้วยซ้ำ”
“ตาแก่หู เด็กนี่พูดจริงหรือเปล่า” ไป๋มู่เซิงถามด้วยเสียงดัง
“พี่ไป๋ พี่อย่าไปฟังเด็กนี่พูดเลยนะ ผมเป็นคนสั่งยาเอง แล้วคลินิกปู้ไป๋ของผมก็ขายของสมราคาแน่นอน พี่อย่าไปฟังไอ้เด็กนี่พูดมั่วซั่วเลยนะ” หูปู้ไป๋พูดเสียงดัง
“พูดมั่วซั่ว? งั้นเราไปดูที่คลินิกปู้ไป๋ก็ได้ ไปดูสักหน่อยว่าอะไรที่เรียกว่าตู้ยาสองช่อง” กัวไฮว่หรี่ตาพูด ในขณะนั้นหูปู้ไป๋ก็หน้าถอดสี ตู้ยาสองช่องถือเป็นความอัปยศของวงการแพทย์จีนเมื่อร้อยปีก่อน และเป็นเพราะตู้ยาสองช่อง ทำให้ผู้คนค่อยๆ มีความเชื่อมั่นในการแพทย์จีนน้อยลง
วิธีการทำตู้ยาสองช่องนั้นง่ายมาก ลิ้นชักตู้หนึ่งมีสองช่อง ช่องหนึ่งเป็นของดีอีกช่องเป็นของห่วย ในครั้งนั้นมีคนค้นพบมีการใช้ตู้ยาสองช่องในการแพทย์แผนโบราณ จึงทำให้การแพทย์แผนโบราณตกต่ำลงอย่างมาก
“หูปู้ไป๋ จะให้พวกเราไปดูที่คลินิกปู้ไป๋ไหม” ไป๋มู่เซิงพูดเสียงดัง “แกรวมตัวพวกเรามาบอกว่าเจ้าของคลินิกไม่น่ะไม่รู้การแพทย์แผนโบราณ จะทำให้ถนนซิ่งหลินแปดเปื้อน ตอนนี้คลินิกไม่เป็นยังไงฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันคิดว่าน่าจะมีคนแปดเปื้อนถนนซิ่งหลินจริงๆ แล้วล่ะ”
“พี่ไป๋ ให้โอกาสผมสักครั้งเถอะนะ ขอร้องล่ะ ให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมถูกคนขายยาหลอกมาน่ะ ถ้าผมไม่ขายยาพวกนี้ออกไป กลัวว่าปีนี้คลินิกผมจะจ่ายค่าเช่าไม่ไหว” หูปู้ไป๋พูดพลางร้องไห้เสียงดังลั่น
“เหล่าหู ฉันให้เวลาแกหนึ่งอาทิตย์ เก็บของแล้วไสหัวไปจากถนนซิ่งหลินซะ ถ้าแกกล้าเหยียบวงการแพทย์แผนโบราณอีกล่ะก็ สมาคมแพทย์แผนโบราณจะทำให้แกเสียใจ” ไป๋มู่เซิงพูดเสียงดัง
“ได้ เหล่าไป๋ ฉันรู้ว่าแกเป็นคนซื่อตรง ฉันไปก็ได้ แต่ฉันอยากดูนักว่าเจ้าของคลินิกไม่เป็นใครแล้วมันรู้จักเกี่ยวกับการแพทย์แผนโบราณมากเท่าไหร่เชียว” หูปู้ไป๋พูดเสียงดัง
“พ่อหนุ่ม ไม่ทราบว่าวันนี้เจ้าของคลินิกของพวกเธออยู่หรือเปล่า ถ้าอยู่ รบกวนให้เขาออกมาพบเจอกันหน่อยสิ” ไป๋มู่เซิงพูดขึ้นเบาๆ
“คลินิกไม่จะเปิดทำการเสาร์หน้า ถ้าพวกคุณอยากจะมาหาเจ้าของคลินิกหรือถล่มคลินิกก็ค่อยมาวันเสาร์เถอะครับ พวกเราจะออกไปแล้ว ไม่มีเวลาว่างอยู่เป็นเพื่อนทุกคนหรอกนะครับ ผมขอประกันกับทุกคนว่า คลินิกไม่จะเป็นดั่งต้นไม้ใหญ่ท่ามกลางลมแรงแห่งวงการแพทย์แผนโบราณ”
“พ่อหนุ่มอย่าเพิ่งรีบสิ ต่อให้วันที่เปิดกิจการพวกเราไม่ไปหาเรื่องเขา การแพทย์แผนปัจจุบันก็มาหาเรื่องอยู่ดี เฮ้อ ถึงตอนนั้นหวังว่าเขาจะสามารถเอาชนะพวกผู้ดีนั่นได้นะ” ไป๋มู่เซิงพลางส่ายศีรษะ
“คลินิกไม่ ไว้วันเสาร์ฉันก็จะมาด้วย ฉันอยากจะรู้นักว่าคนที่นำฉันสู่หนทางความตายจะสักแค่ไหนกันเชียว” เมื่อหูปู้ไป๋พูดเสร็จก็เดินเข้าไปในคลินิกของตนเอง นับได้ว่าคลินิกของเขาได้พังไม่เป็นท่าไปแล้ว
“พี่ไฮว่ ดูทรงแล้ววันที่พวกเราเปิดคลินิกสนุกอยู่เหมือนกันนะ เหอะๆ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ
“คนที่มาหาเรื่องยิ่งเยอะยิ่งดี คนยิ่งเยอะ คลินิกไม่ของพวกเราก็จะยิ่งโชติช่วง เราไปหาสาวสวยที่คณะแพทย์มหาลัยอู่เฉิงกันเถอะ” กัวไฮว่พูดพลางขับรถไป
“เจ็บ อวี้เอ๋อร์เมียรัก ปล่อยนะ พี่ผิดไปแล้ว ไปหาพนักงานน่ะพนักงาน” กัวไฮว่พูดเสียงดัง มือน้อยๆ ของอวี้เอ๋อร์หยิกไปที่เนื้อนุ่มนิ่ม บริเวณเอวของเขาไปแล้วหลายรอบ
“ฮึ แอบคบชู้ก็ว่าไป ยังจะกล้าพูดเรื่องจีบคนสวยต่อหน้าฉันอีก พอแมวไม่อยู่ก็เป็นหนูร่าเริงเลยนะ” อวี้เอ๋อร์เบ้ปากพูด
“นี่นักศึกษา ถามหน่อยว่าคณะแพทย์ไปยังไงเหรอ” เมื่อกัวไฮว่กับอวี้เอ๋อร์จอดรถเข้าที่แล้วก็เดินเข้าในมหาวิทยาลัยอู่เฉิง ในตอนนั้นเองพวกเขาก็หลงทิศทางเล็กน้อย มหาลัยอู่เฉิงใหญ่เท่าไหร่กันน่ะเหรอ ก็เป็นผู้นำด้านการศึกษาของหัวซย่า มีประมาณสามสิบกว่าคณะ และเคยมีนักศึกษาที่เริ่มเดินเล่นในมหาวิทยาลัยอู่เฉิงตั้งแต่ปีหนึ่ง จนกระทั่งปีสี่ยังมีบางที่ที่ก็ยังไม่เคยไปเลย
“นายหมายถึงคณะแพทย์แผนโบราณ คณะแพทย์แผนปัจจุบันหรือคณะสัตวแพทย์เหรอ” นักศึกษาหนุ่มมองกัวไฮว่ที่เด็กกว่าตนไม่กี่ปีแวบหนึ่งก่อนจะถามยิ้มๆ จากนั้นสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่อวี้เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง
“พี่สุดหล่อ พี่จะมามองแฟนผมโจ่งแจ้งแบบนี้ไม่ดีหรอกนะ ถ้ารู้ก็บอกมา ถ้าไม่รู้ผมจะได้ไปถามคนอื่น” กัวไฮว่พูดเสียงดัง
“อะแฮ่มๆ คณะแพทย์แผนโบราณจากถนนเส้นนี้ให้ตรงไปทางทิศเหนือ คณะแพทย์แผนปัจจุบันกับคณะแพทย์แผนโบราณอยู่ใกล้ๆ นี่เอง ส่วนคณะสัตวแพทย์อยู่ไกล นายต้องเดินไปตาม…” นักศึกษาชายคนนั้นพูดด้วยสีหน้าแดงเถือก
“ขอบคุณนะพี่สุดหล่อ ผมไม่ไปสัตวแพทย์” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็ลากอวี้เอ๋อร์ตรงไปทางคณะแพทย์แผนโบราณ
“แม่มันเถอะ เด็กผู้หญิงคนนั้นสวยจริงๆ เลย สวยกว่าหลิวเย่าซือคณะแพทย์แผนโบราณซะอีก” นักศึกษาหนุ่มมองแผ่นหลังของอวี้เอ๋อร์พร้อมกับพูดพึมพำ
เดินไปประมาณสิบนาที ทั้งสองก็เดินมาถึงประตูใหญ่ประตูหนึ่งที่ข้างบนมีอักษรตัวใหญ่เขียนไว้ว่า คณะแพทย์แผนโบราณ
“พี่ไฮว่ พี่จะรับสมัครคนยังไงเหรอ” อวี้เอ๋อร์ถามยิ้มๆ เธอกับกัวไฮว่เดินเข้าไปในประตูใหญ่ โดยรปภ. ก็ไม่ได้ขวางเอาไว้ “ต่อให้อยากหาคนสวย คณะใหญ่ขนาดนี้พี่หาไม่ได้ง่ายๆ แน่”
“ถ้ามีเงินจะปลุกผีขึ้นมาโม่แป้งให้ก็ยังได้[1]” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นทั้งสองก็เดินไปยังอาคารหลักของคณะ
“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคณบดีหลิวอยู่ไหมครับ” กัวไฮว่พาอวี้เอ๋อร์เคาะประตูห้องทำงานของคณบดีคณะแพทย์แผนโบราณ หลังจากเข้าไปเขาก็ถามขึ้นยิ้มๆ
“นี่นักศึกษา ฉันคือหลิวเฉินกัง มาหาฉันมีอะไรหรือเปล่า” ชายแก่ที่นั่งอยู่ในห้องเงยหน้าขึ้นมามองกัวไฮว่และอวี้เอ๋อร์แวบหนึ่งก่อนจะถามยิ้มๆ “พวกเธอสองคนไม่ใช่นักศึกษาคณะแพทย์แผนโบราณใช่ไหม”
“คณบดีหลิวตาแหลมนะครับ พวกเราไม่ใช่นักศึกษาคณะแพทย์แผนโบราณ พวกเรามีเรื่องส่วนตัวมาหาคุณนิดหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“นั่งเถอะ มีอะไรก็ว่ามา ถ้าชอบในการแพทย์แผนโบราณแล้วอยากจะสอบเข้าคณะแพทย์แผนโบราณหลังจบมอปลายฉันก็ยินดีต้อนรับ” หลิวเฉินกังพูดยิ้มๆ
“คณบดีหลิว ผมไม่อ้อมค้อมแล้วนะครับ วันนี้ผมกับภรรยามาพบคุณเพราะว่าต้องการคนจากคุณ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ต้องการคน? บอกมาสิว่าต้องการคนยังไง” หลิวเฉินกังพูดยิ้มๆ
“ผมเปิดคลินิกแห่งหนึ่งที่ถนนซิ่งหลิน อยากจะหาพนักงานสักสิบคน แล้วจะต้องเป็นคนที่มีพื้นความรู้การแพทย์เลยมาหาที่นี่ จะเรียนจบหรือไม่จบก็ได้ทั้งนั้น หวังว่าคณบดีหลิวจะช่วยแนะนำให้หน่อยนะครับ ส่วนคุณสมบัติอย่างอื่นไม่ต้อง ของแค่หน้าตาต่างจากเมียผมไม่เยอะก็พอ” กัวไฮว่พูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มร้าย
“ถ้าเธอต้องการแบบนี้งั้นก็กลับไปซะเถอะ ที่นี่หาคนที่สวยสู้ยายหนูที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้หรอก ถึงจะเป็นหลานสาวฉัน ฉันก็ไม่กล้าพูดหรอกว่าสวยสู้ยายหนูคนนี้ ได้ ถ้าฉันอายุน้อยกว่านี้สักหกสิบปีต้องตกหลุมรักยายหนูคนนี้แน่เลย ฮ่าๆ” หลิวเฉินกังพูดยิ้มๆ
“คณบดีหลิวตลกแล้วล่ะ พวกเราไม่ได้โกหก อยากจะมาหานักศึกษาที่ดูพอๆ กันจริงๆ รบกวนท่านคณบดีด้วยนะครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เขารู้สึกไม่เลวกับชายแก่ที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เลย
“ถ้าเธอเปิดคลินิกที่ถนนซิ่งหลินได้จริงๆ เธอก็มาเลือกนักศึกษาจากที่นี่ไปได้เลย เธอไม่ได้รบกวนหรอก เธอมาช่วยฉันลดแรงกดดันในการหางาน ฮ่าๆ” หลิวเฉินกังพูดยิ้มๆ
[1] เป็นสำนวน อุปมาว่าหากมีเงินจะทำสิ่งใดก็ย่อมเป็นไปได้