[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 111 จรรยาบรรณแพทย์อยู่ไหน
“ยายหนูน้อย อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอเป็นผู้มีพลังวิเศษ ในคลิปน่ะดูอะไรไม่ออกหรอก บอกมาตามตรงเถอะว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่งั้นเธอได้ซวยแน่” ซย่าโหวซานเหอพูดขึ้นด้วยความน่ากลัว
“คนในตระกูลซย่าโหวของคุณตาย แล้วพวกคุณจะมาเอาอะไรจากฉันล่ะ ซวยก็ซวยไปสิ ในเมื่อคุณรู้แล้วว่าฉันเป็นผู้มีพลังวิเศษ งั้นเราก็มาประลองกันหน่อยไหม ถ้าชนะแล้วฉันจะบอก” หนานกงหลิงโม่พูดเสียงดัง จากนั้นก้อนหินก็แหลกราวกับเม็ดทรายบนตึกก็ลอยขึ้นกลางอากาศ
“กะแล้วเชียวว่าเรื่องของหลานชายฉันเกี่ยวข้องกับยายหนูนี่” ซย่าโหวซานเหอพูดด้วยเสียงดัง ทั่วทั้งร่างกายมีลมปราณไหลรั่วออกมา จากนั้นก็เดินตรงไปหาหนานกงหลิงโม่
“เซียนเทียนระยะกลาง ขอฉันดูหน่อยสิว่ามีความสามารถอะไรกันแน่ คิดจะหาเรื่องฉันเหรอ คิดว่าฉันเป็นเด็กหรือไง”
“ยายหนูน้อย ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาหรอกนะ ผู้คุมกาลตัวน้อยๆ อย่างเธอกล้าพูดแบบนี้กับฉันเหรอ” ซย่าโหวซานเหอไม่ได้สนใจก้อนหินเลยแม้แต่น้อย เขามุ่งโจมตีไปทางหนานกงหลิงโม่
“ปัง!” เสี่ยวหลิงโม่เห็นว่าซย่าโหวซานเหอพุ่งเข้ามา ก็โยนลูกเหล็กสีดำทึบสองก้อนที่ไม่รู้มาอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่ไปทางซย่าโหวซานเหอ ต่อมาก็มีเสียงระเบิดเกิดขึ้น ลูกเหล็กแตกออก ข้างในเห็นไม่ชัดว่าเป็นเข็มหรือว่าเป็นอะไร แต่สรุปแล้ว ภายในชั่วขณะเดียวซย่าโหวซานเหอก็ระเบิดพลังปราณมาปกป้องตนเอาไว้ คราวนี้ซย่าโหวซานเหอก็ไม่กล้าประมาทอีกต่อไป จากนั้นก็มีมีดยาวอยู่ในมือของเขา
“ให้ตาย ขนาดนี้แล้วยังไม่ตาย สู้ไม่ไหวแน่” หนานกงหลิงโม่มองซย่าโหวซานเหอที่ทั้งตัวอาบไปด้วยเลือด เขาพูดขึ้นเบาๆ ด้วยสีหน้าอันดุดัน
“ยายหนู แกบังอาจทำร้ายฉันเหรอ ถึงจะไม่ใช่แก แกก็ต้องตาย” ในขณะที่พูด มีดยาวก็มุ่งไปทางหนานกงหลิงโม่
“พี่ไฮว่ ช่วยฉันด้วย ฆ่าตาบ้านี่ให้ที” จู่ๆ หนานกงหลิงโม่ก็ร้องตะโกนเสียงดังลั่น ซย่าโหวซานเหอชะงักไปครู่หนึ่งราวกับเจอศัตรูตัวฉกาจ เขาหันไปด้านหลัง ไม่พบแม้แต่เงาคน เขาจึงหันกลับมาอีกครั้ง คราวนี้ หนานกงหลิงโม่ไม่รู้ว่าหายไปอยู่ไหน ทั่วทั้งดาดฟ้ามีเพียงเขาแค่คนเดียว
“ยายเด็กตระกูลหนานกง อย่าให้ฉันเจอเธอก็แล้วกัน ไม่งั้นฉันฆ่าแกแน่ เหอะๆๆ” ซย่าโหวซานเหอตะคอกเสียงดัง เขาบำเพ็ญเพียรมาตั้งหลายปี เคยเสียเปรียบแบบนี้ที่ไหนกัน
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ซย่าโหวซานเหอหาทั่วทั้งโรงเรียนแต่ก็ไม่พบร่องรอยของหนานกงหลิงโม่ เขาจึงออกจากโรงเรียนมัธยมแห่งมหาลัยอู่เฉิงไป
“ตกใจแทบแย่” หนานกงหลิงโม่ที่เอาสองมือเกาะดาดฟ้าเอาไว้บินลอยขึ้นมาปรากฏตัวที่ดาดฟ้าอีกครั้ง จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “ว่างๆ ไปเอาลูกสายฟ้าดำจากพี่อวี้เอ๋อร์ดีกว่า เซียนเทียนระยะกลางเป็นแบบนี้นี่เอง!”
“พี่ไฮว่ พี่อยากได้กุศล แต่ถ้ารักษาวันละสิบคนก็ได้บุญไม่เยอะเท่าไหร่หรอกนะ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ ตอนนี้อวี้เอ๋อร์กับกัวไฮว่มายังคลินิก
“ฉันรักษาแค่สิบคน แล้วฉันจะทำยาลูกกลอนสักหน่อย แล้วก็ขายให้คลินิกเอาไปขาย บุญนี่ก็จะเป็นของฉัน เจอคนรวยก็แล้วไป ถ้าเจอคนจน ถึงจะไม่มีเงินก็รักษา ไม่แค่รักษาคนนะ ฉันจะส่งเสริมการแพทย์แผนโบราณด้วย ถ้าทำเรื่องนี้ได้ก็ได้บุญมาไม่น้อยเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“งั้นพี่ก็ค่อยๆ สะสมบุญเถอะ ยังไงซะในโลกก็มีพลังปราณน้อยซะขนาดนี้ ต่อให้ให้เวลาพี่เป็นร้อยปี อย่าว่าแต่บินขึ้นไปเลย บำเพ็ญเป็นเทพก็ไม่ได้หรอก” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ “พี่บอกว่าจะรับสมัครพนักงานไม่ใช่เหรอ เราไปกันเถอะ”
“คลินิกไม่ มีใครอยู่ไหม” ตอนที่กัวไฮว่กับอวี้เอ๋อร์คุยกันอยู่นั่นเอง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนอยู่ที่ประตูใหญ่
“ปัญหามาแล้วล่ะ” กัวไฮว่ชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อได้ยินเสียงก็รู้ว่าไม่ได้มาดี
“ไม่ทราบว่ามาที่คลินิกไม่ของผมมีอะไรหรือเปล่าครับ คลินิกไม่เปิดทำการวันเสาร์ ถ้าอยากมารักษาค่อยมาวันเสาร์เถอะครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับคนสิบคนที่แต่งตัวเป็นคุณหมอที่ยืนอยู่หน้าประตูใหญ่
“ไอ้หนู รู้หรือเปล่าว่าถนนเส้นนี้ชื่อว่าอะไร” คนที่มีรูปร่างอ้วนท้วมคนหนึ่งถามขึ้นด้วยเสียงดัง คนคนนี้มีชื่อว่าหูปู้ไป๋ เป็นเจ้าของคลินิกปู้ไป๋ที่อยู่ข้างๆ คลินิกไม่
“ลุงอ้วน ลุงอ่านหนังสือไม่ออกเหรอ เห็นลุงแต่งตัวอย่างกับหมอ ไม่คิดเลยว่าอ่านไม่ออก เฮ้อ งั้นก็อย่าแต่งตัวอย่างนี้เลย ใครเห็นเดี๋ยวจะเข้าใจผิดเอา ผมขอบอกลุงไว้เลยนะว่าถนนเส้นนี้ชื่อว่าถนนซิ่งหลิน” กัวไฮว่ยังไม่ทันจะพูดอะไร อวี้เอ๋อร์ก็พูดขึ้นยิ้มๆ
“เด็กป่านี่มาจากไหนกัน ในเมื่อรู้ว่านี่คือถนนซิ่งหลิน ก็น่าจะรู้ความหมายของคำว่าซิ่งหลินดี” หูปู้ไป๋พูดด้วยเสียงดัง เดิมทีสีหน้าก็ขรึมอยู่แล้ว โดนที่อวี้เอ๋อร์พูดไปสักครู่ก็หน้าขรึมเข้าไปใหญ่อีก
กัวไฮว่ก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมสองคนนี่ เรียกเจ้าของคลินิกออกมาเลยนะ ในเมื่อจะเปิดคลินิกที่ถนนซิ่งหลิน ไม่ใช่อยากเปิดก็เปิดได้ แสดงความสามารถมาให้พวกเราดูหน่อยสิ” หูปู้ไป๋พูดเสียงดัง
“พี่ไฮว่ พวกเขาหาเจ้าของคลินิก พี่เป็นเจ้าของคลินิกไม่ใช่เหรอ ลุงหน้าโหดนี่ไม่รู้ประสาทหรือเปล่า พี่ดูให้เขาหน่อยสิ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ คนที่ตามอยู่ข้างหลังหูปู้ไป๋อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ส่วนหูปู้ไป๋ก็โมโหจนแทบจะเป็นลม
“เด็กบ้า รีบเรียกเจ้าของคลินิกออกมาเร็วเข้า ถ้าไม่กล้าออกมา พวกแกก็ไม่ต้องเปิดคลินิกไม่ ปิดไปซะก็สิ้นเรื่อง” หูปู้ไป๋พูดเสียงดัง “หมอเป็นอาชีพชั้นสูง ไม่ใช่ว่าใครหน้าไหนจะมาทำก็ได้”
“ใช่ ตอนนี้การแพทย์แผนปัจจุบันกุมอำนาจเอาไว้ คนส่วนใหญ่จะไปหาหมอก็เลือกการแพทย์แผนปัจจุบันเพราะเห็นผลไว” กัวไฮว่มองทั้งสิบกว่าคนพร้อมกับพูดขึ้น “แต่ในสถานการณ์นี้ ในบรรดาแพทย์โบราณดันมีคนไม่รู้แต่แกล้งทำเป็นรู้ จ่ายยาจีนมั่วซั่วอยู่”
“พ่อหนุ่มนี่ แกหมายความว่าไง” ชายวัยกลางคนแต่งตัวดูมีภูมิฐานคนหนึ่งก็ก้าวมายืนขึ้นข้างหน้า “ฉันชื่อไป๋มู่เซิงจากสมาคมแพทย์แผนโบราณ เป็นเจ้าของคลินิกซิ่งหลินคนก่อนหน้านี้ ไม่ทราบว่าที่พ่อหนุ่มพูดว่าใครงั้นเหรอ”
“จะว่าใครคนนั้นก็ย่อมรู้แก่ใจ ตอนเช้ามีชายแก่มาซื้อยาที่คลินิกตรงถนนซิ่งหลิน ถึงหมอจะวินิจฉัยอาการป่วยของเขาได้ถูกต้องแม่นยำ แต่ทำไมต้องบังคับให้เขาซื้อยาบำรุงราคาแพงไปตั้งสิบแผงด้วยล่ะ เรื่องนี้ใครทำก็ย่อมรู้ตัวดีล่ะมั้ง” กัวไฮว่มองหูปู้ไป๋พร้อมกับพูดด้วยเสียงดัง เมื่อสักครู่นี้เอง กัวไฮว่ได้ใช้วิชาอ่านจิตกับหูปู้ไป๋ จึงได้ทราบว่าเช้าวันนี้ตาแก่หูนี่บังคับให้ชายชราซื้อยาบำรุงไปสิบแผง
“วันนี้ที่คลินิกฉันไม่มีคนแก่นะ แล้วของพวกแกล่ะ” สิบกว่าคนมองหน้ากันแล้วต่างก็วิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา
“จะเป็นฉันได้ยังไง ยาย่อมมีพิษสามส่วน ตอนเรียนแพทย์แรกๆ เลยอาจารย์เคยบอกแล้วว่าถ้าจะใช้ยาให้ใช้ปริมาณที่เหมาะ ไม่งั้นจรรยาแพทย์จะอยู่ไหน” หมอวัยกลางคนรายหนึ่งพูดขึ้นเบาๆ