[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 110 ปัญหามาเยือน
กัวไฮว่เองก็ไม่ได้ร้อนใจ เขายิ้มมองทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้า ฉู่หงเอายาลูกกลอนเข้าไปในปาก ไม่นานความเย็นเฉียบก็แผ่ซ่านเข้าไปในทรวงอก ทำเอาสองคนที่เหลือนิ่งอึ้งไป อายุสามสิบเจ็ดสามสิบแปดเป็นเหมือนฝันร้ายของผู้หญิง ริ้วรอยก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น และเริ่มมีฝ้ากระ ทว่าริ้วรอยที่อยู่บนใบหน้าของฉู่หงกลับหายไปต่อหน้าต่อตา ฝ้ากระบนใบหน้าที่ใช้แป้งมาปิดแต่ไม่อาจปิดไว้ก็หายไปเช่นกัน
สาวๆ ทั้งสองคนมองหน้ากัน จากนั้นก็แย่งกันยัดยาเข้าไปในปาก
“พี่หง ห้องน้ำอยู่ข้างหลัง รีบไปเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ฉู่หงจึงรีบวิ่งไปยังห้องน้ำ จากนั้นหวังปิงกับจางอวิ๋นก็วิ่งไปทางห้องน้ำ โชคดีที่บ้านกัวไฮว่มีห้องน้ำเยอะ ไม่งั้นคงได้เกิดเรื่องน่าอับอายแน่
“พี่ไฮว่ คราวนี้พี่ลงแรงไปเยอะเลยนะ” อวี้เอ๋อร์มองหญิงสาววิ่งไปพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“มีกากยาที่ไม่ได้ทิ้งอยู่น่ะเลยเอามาทำหน่อย แต่ดูทรงสรรพคุณไม่เลวเลยนะ” กัวไฮว่พูดพลางส่งยาสีเขียวเข้มให้อวี้เอ๋อร์ อวี้เอ๋อร์เองก็ไม่ได้เกรงใจ เธอกินเข้าไปทันที จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิเพื่อเริ่มดูดซับฤทธิ์ยา
ไปห้องน้ำงั้นเหรอ อวี้เอ๋อร์ไม่ต้องไปหรอก อย่าว่าแต่พิษในตัวอวี้เอ๋อร์เลย แม้แต่สิ่งแปลกปลอมก็ไม่มีแม้แต่นิดเดียว ขับพิษอะไรกัน ยาที่กัวไฮว่ให้อวี้เอ๋อร์ไปเป็นยาขยายเส้นเลือดในร่างกาย ทำให้อวี้เอ๋อร์สบายขึ้นเวลาร่ายมนตร์
ผ่านไปประมาณสิบกว่านาที สาวๆ ก็มาปรากฏตัวอยู่หน้ากัวไฮว่อีกครั้ง พูดไม่ได้ว่าผู้หญิงพวกนี้มีเบ้าหน้าที่ไม่เลวอยู่แล้ว แต่เมื่อกินยาขับพิษในร่างกายออกไป และมองดูดีๆ ทุกคนต่างก็ดูเด็กลงไปหลายปี ทำเอาหญิงสาวอายุสามสิบกว่าปีดูอย่างกับอายุยี่สิบกว่าปี
“อวี้เอ๋อร์ เสี่ยวไฮว่ ยานี่ฉันจะเอาฟรีไม่ได้นะ เดี๋ยวพวกเราให้เงิน จากนี้มีอะไรดีๆ พวกเธอก็อย่าลืมพวกพี่ล่ะ” ฉู่หงพูดยิ้มๆ “วันที่คลินิกไม่เปิดฉันจะพาเพื่อนๆ มาเยี่ยมแน่นอน”
“พี่หง เราเป็นเพื่อนกันนะ ก็บอกแล้วไงว่าให้พวกพี่คนละเม็ด ถ้าจะเอาค่ายาจากพี่อีก อย่างนี้ก็พูดแล้วไม่น่าเชื่อถือน่ะสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ยาที่ให้พวกพี่กินเมื่อกี้ มีผลอยู่ได้แค่ประมาณครึ่งปี ถึงตอนนี้พี่ค่อยมาหาผมอีกรอบ ผมจะให้พวกพี่อีกคนละเม็ด พวกเราเป็นเพื่อนบ้านกัน ผมไม่ให้คนอื่น แต่จะไม่ให้พวกพี่ได้ยังไง”
“เสี่ยวไฮว่ เธอทำแบบนี้ดูถูกพวกพี่ชัดๆ จากสรรพคุณยานี้แล้วเนี่ย เม็ดนึงล้านหยวนยังไม่พอเลย ฉันจะมาเอาเปรียบพวกเธอสองผัวเมียได้ยังไงกัน ยาแบบนี้พวกเธอก็น่าจะมีไม่เยอะใช่ไหม” ฉู่หงพูดยิ้มๆ
“ใช่แล้ว เสี่ยวหงพูดถูก ขอบคุณพวกเธอที่วันนี้ให้ยานะ ฉันต้องรีบกลับไปแล้วล่ะ ให้ตาแก่ที่บ้านฉันดูหน่อยว่าฉันสวยกว่ายายจิ้งจอกที่เขาซ่อนเอาไว้ตั้งเยอะ ฮึ” ในขณะที่พูด หวังปิงก็บอกลาพวกเขา จากนั้นก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับบินไป
“เสี่ยวหง พวกเราก็กลับไปก่อนเถอะ วันนี้เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว ให้เสี่ยวไฮว่อวี้เอ๋อร์สองผัวเมียเขาได้พักผ่อน” จากนั้นจางอวิ๋นกับฉู่หงก็เดินออกไปจากบ้านของตระกูลกัว
“พี่ไฮว่ ที่คลินิกเป็นไงบ้าง ของที่ฉันทำไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ
“อวี้เอ๋อร์เมียรัก วันนี้เธอไม่ได้ไป ของที่เธอทำทำเอาคนจากสมาคมสถาปนิกตะลึงไปเลย พรุ่งนี้เธอลองไปที่คลินิกกับฉันดูสิ การตกแต่งเข้ากับเฟอร์นิเจอร์มากเลย ของชุดนี้เอาไปไว้ที่สวรรค์ก็นับว่าเป็นของชั้นสูงเลยนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“แม้ชีวิตในแดนมนุษย์จะจุกจิก แต่ฉันก็รู้สึกเติมเต็ม ไม่น่าล่ะหลายคนถึงได้ไม่ยอมเป็นเซียนบนสวรรค์แล้วแอบหนีลงมา” อวี้เอ๋อร์พูดอย่างทอดถอนใจ
“มนุษย์อิจฉาที่เซียนมีชีวิตยืนยาว ไม่มีแก่เฒ่า แต่พวกเขาจะไปเข้าใจหนทางแห่งเซียนที่แสนแห้งแล้งไร้รสชาติได้ยังไงกัน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “อวี้เอ๋อร์ ร้อยปีแดนมนุษย์นี่เสวยสุขไว้ให้ดีล่ะ สองวันมานี้อวี้เอ๋อร์เมียรักเหนื่อยมามากแล้ว ฉันช่วยทำให้เธอผ่อนคลายเอาไหม” ในขณะที่พูด กัวไฮว่ก็อุ้มอวี้เอ๋อร์แล้ววิ่งเข้าไปในห้องอาบน้ำ ไม่นาน ก็เกิดกิจกรรมสนุกๆ ขึ้น
“ตาบ้า ตาม้าพ่อพันธุ์ ไม่รู้จริงๆ เลยว่าคนอย่างพี่ในตอนนั้นบินขึ้นสวรรค์ถูกจัดเป็นเซียนไปได้ยังไงกัน” ผ่านไปประมาณสองชั่วโมง กัวไฮว่ก็นอนโอบอวี้เอ๋อร์อยู่บนเตียง อวี้เอ๋อร์ถลึงตามองกัวไฮว่พร้อมกับพูดขึ้น
“ถ้ารู้ว่าเป็นเซียนแล้วไร้รสชาติแบบนี้ ตอนนั้นพี่ไม่เลือกหนทางบำเพียรหรอก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “อวี้เอ๋อร์เมียรัก เธอไม่คิดเลยเหรอว่าที่พวกเราทำกันเมื่อกี้ก็เป็นการฝึกอย่างหนึ่ง”
“ตาบ้า ถึงการฝึกคู่หยินหยางจะเป็นหนึ่งในวิธีฝึก แต่ถ้าไม่ระวังก็อาจผิดพลาดได้ พอผิดพลาดก็ไม่อาจหันกลับมาได้อีกต่อไป ต่อไปก็ทำเรื่องแบบนี้ให้มันน้อยๆ หน่อย” อวี้เอ๋อร์พูดอยู่ในอ้อมอกของกัวไฮว่
“งั้นต่อไปตอนทำเรื่องแบบนี้ก็ไม่คิดเรื่องฝึกแล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ไม่งั้นพวกเราลองดูหน่อยไหม”
“ตาบ้า ถ้าอยากลองพี่ก็ไปลองเองสิ ถ้าไม่เหนื่อยก็ไปทำของกินมาหน่อยสิ ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว” อวี้เอ๋อร์พูดพลางเตะกัวไฮว่ลงเตียง
“ผู้หญิงนี่เปลี่ยนหน้าไวยิ่งกว่าพลิกหนังสืออีก” กัวไฮว่ไม่ได้โกรธ เขาพูดขึ้นยิ้มๆ “เธอพักผ่อนหน่อยเถอะ ฉันทำของกินเสร็จแล้วเดี๋ยวจะมาเรียกเธอ” กัวไฮว่พูดพลางสวมชุดนอนแล้วเดินดิ่งตรงไปยังห้องครัว
“พี่ไฮว่ ฝีมือทำอาหารพี่เพิ่มขึ้นเยอะเลย พอเปิดคลินิกไม่แล้วจากนี้ก็เปิดร้านอาหารเถอะ ฉันคิดไว้แล้วนะ เราทำอาหารแค่โต๊ะเดียว มูลค่าหนึ่งหมื่น ฮ่าๆ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ
“ยังจะมาพูดเรื่องอื่นอีก แต่ไอเดียเธอดีมากเลยนะ ไว้ฉันพิจารณา” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “แต่ว่าเราต้องจัดการคลินิกไม่ให้เรียบร้อยก่อน วันนี้ฉันคิดว่าแค่พวกเราสองคน เปิดคลินิกวันเสาร์ได้ยุ่งหัวฟูแน่ ต้องไปจ้างพนักงานมาสักหน่อย”
“เรื่องนี้พี่ไปจัดการเถอะ ยังไงซะฉันก็ไม่รู้เรื่อง” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ “แต่ว่าพี่ระวังไว้หน่อยล่ะ อย่าไปรับใครมามั่วซั่วนะ ฉันเคยได้ยินมาว่าที่แดนมนุษย์มีเรื่องแบบเจ้านายลามปามลูกจ้างด้วยล่ะ ถ้าพี่กล้าทำเรื่องแบบนี้ ระวังน้องชายพี่เอาไว้ให้ดีเถอะ”
“แค่กๆๆ อวี้เอ๋อร์ เธอไปรู้มาผิดๆ แล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “วางใจเถอะ คนดีๆ อย่างฉันจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ไงกัน ถ้ามีคนสวยๆ ก็พาเข้าวังหลังเลย ไม่เห็นต้องให้เป็นลูกจ้าง”
“ตาบ้า สันดานไม่เปลี่ยนเลย” อวี้เอ๋อร์พูดไปกินไป
“พรุ่งนี้ไปที่คลินิกกับฉันนะ แล้วพวกเราค่อยไปดูที่คณะแพทย์มหาวิทยาลัยอู่เฉิง ไปจ้างนักศึกษาจบใหม่ปีนี้กัน ต้องหาคนที่รู้เรื่องยาหน่อย ต่อไปจะได้ใช้งานง่าย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“พี่จะหารับนักศึกษาหญิงล่ะสิ พูดอย่างกับไม่มีอะไร” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ
“เธอเข้าใจฉันดีที่สุดเลย ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “กินข้าวๆ กินเสร็จก็ตามพี่ไปจีบสาวกัน ฮ่าๆ”
วันที่โรงเรียนแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงมีแขกไม่ได้รับเชิญมาหนึ่งราย ซย่าโหวซานเหอ เทคโนโลยีขั้นสูงที่หลี่เวยเคยบอกอะไรนั่นไม่ส่งผลต่อยอดฝีมือเขตแดนเซียนเทียนระยะกลางอย่างเขาเลยแม้แต่น้อย บนยอดตึกหอพักนักเรียนหญิง ซย่าโหวซานเหอยืนเผชิญหน้ากับหนานกงหลิงโม่ผู้ไร้ซึ่งมลทิน
“ยายหนูน้อย อย่าทำหน้าใสซื่อแบบนั้นสิ เธอน่าจะรู้เรื่องซย่าโหวเทียนอยู่แล้วนะ บอกมาเถอะ วันนั้นเสี่ยวเทียนเป็นลมได้ยังไงกัน” ซย่าโหวซานเหอถามขึ้นเสียงดัง
“เมื่อกี้ฉันบอกแล้วไงว่าจู่ๆ ซย่าโหวเทียนก็เป็นลมในรอบตัดสินการแข่งขันวิชาการ พวกฉันเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น” หนานกงหลิงโม่เองก็ไม่ได้กลัวเขา เธอพูดขึ้นด้วยเสียงดัง “คุณเองก็ดูคลิปวันนั้นแล้วนี่ ไม่มีใครทำอะไรเขาเลย คงจะเห็นพวกเราโรงเรียนฟู่จงของเราจะได้ที่หนึ่งเลยร้อนใจมั้ง”