[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 107 พ่อลูกตระกูลจาง
“พี่ซานเหอ เด็กนั่นออกมาจากบ้านแล้ว” ในขณะที่กัวไฮว่กำลังออกจากที่พักก็สัมผัสได้ว่ามีคนกำลังจับตามองตนอยู่ ส่วนเป็นใครนั้นเขาก็เดาออกได้แค่ลางๆ จับตามองก็จับตามองไปสิ ถ้าพวกแกกล้าลงไม้ลงมือ ฉันก็จะอยู่เป็นเพื่อนเล่นพวกแกเอง
“เสี่ยวอู่ สัมผัสถึงพลังวิเศษสะพัดจากร่างกายเขาได้ไหม” ชายหนุ่มสูงประมาณร้อยห้าสิบเซ็นติเมตร อายุราวสามสิบกว่าปีที่อยู่ปลายสายรายหนึ่งถามขึ้นเบาๆ
“สัมผัสไม่ได้” ซย่าโหวอู่พูดเบาๆ
“สัมผัสไม่ได้? งั้นพวกแกก็จับตาดูต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเด็กนั่นหรือไม่ แต่การตายของเสี่ยวเทียนก็เกี่ยวพันกับมันไม่มากก็น้อย จำไว้นะ อย่าให้เขาจับได้ว่าพวกแกตามรอยอยู่” ซย่าโหวซานเหอพูดขึ้นเบาๆ
“พี่ซานเหอ ตอนนี้พวกเราเข้ามาให้โรงเรียนมัธยมมหาลัยอู่เฉิงแล้ว สืบเกี่ยวกับสาวๆ ที่เกี่ยวข้องกับมันแล้วด้วย นอกจากเด็กตระกูลหนานกงคนนั้น คนอื่นก็ไม่มีปัญหาอะไร” ซย่าโหวเฟิ่งจากตระกูลซย่าโหวพูดกับโทรศัพท์เบาๆ
“พี่ซานเหอ เฉียนตัวตัวที่เคยคลุกคลีกับกัวไฮว่นั่นไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่าไอ้เซวียนต้าจู้ที่ร่างกายแข็งแรงกว่าคนปกตั่วไปนั่นสิมีปัญหา มันใกล้จะบรรลุเขตแดนเซียนเทียนแล้วล่ะ” ซย่าโหวเฉิงพูดกับปลายสาย
“จับตาดูไว้ให้ดี อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม” ซย่าโหวซานเหอพูดกับปลายสาย สามคนที่เหลือก็พยักหน้าพร้อมกัน
“สี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง ยังมีอีกสามคนที่ต้องทำความรู้จักสักหน่อย ฉันจะคอยดูว่าใครเป็นคนทำหลานชายฉันตายกันแน่ ใครที่มันทำหลานฉันตายแล้วยังใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอีก” ในขณะที่พูด ร่างกายของซย่าโหวซานเหอก็ระเบิดไออากาศอันแข็งแกร่งออกมา
“พี่สอง ผมใกล้จะถึงถนนซิ่งหลินแล้วล่ะ ถ้าวันนี้ยังตกแต่งคลินิกไม่เสร็จ พี่ได้ซวยแน่ เพราะว่าผมเตรียมจะเอาเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดมาวางในคลินิกแล้วล่ะ” ระหว่างทางกัวไฮว่ได้ต่อสายโทรหาเจี่ยหยวนพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“กำลังจะโทรหาแกแกก็โทรมาพอดีเลย ฉันรอแกอยู่ที่คลินิกอยู่ทั้งเช้าเนี่ย วันนี้เป็นวันที่สี่แล้ว แกรีบมาเถอะ ตอนนี้คนงานยังไม่ไป จะได้ให้พวกเขาช่วยย้ายของเข้าไป” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ ขึ้นกับปลายสาย “พี่ๆ พวกพี่รอก่อนนะ เดี๋ยวจะให้ทุกคนช่วยอะไรนิดหน่อย แล้วจะเพิ่มเงินให้คนละพันหยวน”
“เถ้าแก่เจี่ย แต่งห้องเป็นแบบนี้ไปแล้ว จะมีเฟอร์นิเจอร์ที่เข้ากับสไตล์นี้ได้จริงๆ เหรอ” ชายแก่คนหนึ่งพูดยิ้มๆ เขาคือผู้จัดการสมาคมสถาปนิกหัวซย่า หัวหน้าในการตกแต่งครั้งนี้ หลังจากที่เขาเห็นแปลนที่กัวไฮว่ให้เจี่ยหยวนไปครั้งแรก ก็ถูกแปลนที่อยู่ตรงหน้าแผ่นนี้สะกดเอาไว้ นี่สิถึงจะเหมาะกับการตกแต่งห้องในครั้งนี้
“อาจารย์จาง เรียกผมว่าเสี่ยวเจี่ยก็ได้” เจี่ยหยวนพูดขึ้นอย่างเกรงอกเกรงใจ การที่จะเชิญบุคคลอย่างจางซีอวิ๋นมาช่วยตกแต่งได้ ที่เขามาช่วยเพราะช่วยไว้หน้าเจี่ยกูอวิ๋นผู้เป็นปู่ของตน ตนก็ควรต้องเคารพต่อเขา
“ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าน้องผมจะทำให้เฟอร์นิเจอร์เข้ากับสไตล์การตกแต่งได้หรือเปล่า เพราะว่าโดยปกติแล้วเนี่ยเฟอร์นิเจอร์ไม่มีทางเข้ากับสไตล์การตกแต่งแบบนี้ได้” เจี่ยหยวนพูดเบาๆ “แต่น้องผมโทรมาหาแล้ว เขาบอกว่าใกล้ถึงแล้วล่ะครับ”
“ได้ เรารอกันสักหน่อย ถ้าน้องเธอทำเฟอร์นิเจอร์เข้ากับการออกแบบได้ ฉันก็ไม่เอาเงินค่าออกแบบ ขอให้เสี่ยวเจี่ยออกปากถ่ายรูปให้ฉัน แล้วส่งรูปมาให้ฉันก็พอแล้วล่ะ”
“อาจารย์จางตลกแล้ว เราเอาทีละเรื่องดีกว่า บ้านหลังนี้คุณเป็นคนออกแบบ ถึงตอนนั้นอยากจะถ่ายรูปยังไงก็ถ่ายได้เลย แล้วเดี๋ยวผมจะส่งรูปไปให้ เรื่องนี้เดี๋ยวผมเป็นตัวตั้งตัวตีเอง” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ การตัดสินใจของเจี่ยหยวนในครั้งนี้ในภายหลังทำให้ลูกหลานของจางซีอวิ๋นได้เงินจำนวนมาก ร้อยปีให้หลัง แปลนที่กัวไฮว่วาดขึ้นด้วยพู่กันถูกขายในงานประมูลเป็นเงินมูลค่าสูงกว่าเจ็ดร้อยล้าน เมื่อเจี่ยหยวนพูดถึงเรื่องนี้ทีไรก็เป็นอันเจ็บใจทุกที
“พี่สอง ให้คนมาขนของเร็ว” รถขนเฟอร์นิเจอร์ของกัวไฮว่มาถึงหน้าคลินิก ส่วนกัวไฮว่ก็เดินดิ่งเข้าไป เขาเดินพลางผงกศีรษะ ไม่คิดเลยว่าบนแดนมนุษย์จะมีช่างแบบนี้ด้วย ถึงแม้รายละเอียดจะไม่เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้ แต่ว่าโดยรวมแล้วก็เป็นแบบที่กัวไฮว่ต้องการ
“เจ้าสี่ มานี่สิ ฉันแนะนำให้แกรู้จักหน่อย นี่อาจารย์จาง คนที่ออกแบบบ้านนี่ให้แกก็คืออาจารย์จางนี่แหละ อาจารย์จาง นี่น้องผมเองครับ กัวไฮว่” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ กัวไฮว่ยื่นมือออกมาจับมือจางซีอวิ๋นเบาๆ จู่ๆ เขาก็พลันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกสนิทชิดเชื้อ
“อาจารย์จาง คุณช่วยส่งคนมาช่วยขนของให้หน่อยนะครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นจางซีอวิ๋นก็ให้คนที่ตนพามาไปยังด้านข้างของรถบรรทุกของขนาดสามสิบห้าเมตรคันหนึ่ง
“โชเฟอร์ เปิดประตูรถเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับคนขับรถ
“อย่าเพิ่งขยับ ให้ฉันดูก่อน” ในขณะที่จางซีอวิ๋นเปิดประตูรถนั่นเอง ก็มีกลิ่นหอมสะอาดของไม้ระลอกหนึ่งสะพัดมา สำหรับผู้ที่เกี่ยวพันกับของพวกนี้มานานอย่างเขาแล้ว เขาก็รับรู้ได้ว่าเฟอร์นิเจอร์บนรถคนนี้ไม่ใช่ของธรรมดา
“เสี่ยวกัว รอก่อนนะ ส่วนพวกเธอกลับกันไปก่อนเถอะ เงินเดือนเดือนนี้เดี๋ยวฉันโอนไปให้พวกเธอในบัตร” จากนั้นจางซีอวิ๋นก็ให้คนงานขนของกลับไป
“อาจารย์จาง ทำแบบนี้หมายความว่าอะไรครับ” กัวไฮว่ถามยิ้มๆ
“เช้าวันนี้พวกเขาทำงานกันไปแล้วก็เลยกลัวว่าจะมีปัญหากับการขนของ ฉันหาคนมาใหม่ดีกว่า” จางซีอวิ๋นพูดพลางต่อสายโทรศัพท์ “เสี่ยวกัว เธอไปเอาเฟอร์นิเจอร์มาจากไหน นี่มันงานศิลปะชั้นสูงทั้งนั้น เธอคิดจะใช้เฟอร์นิเจอร์พวกนี้จริงๆ เหรอ”
“ตลกแล้วอาจารย์จาง ของพวกนี้แค่หาวัสดุยาก ไม่ได้เป็นงานศิลปะชั้นสูงอะไรหรอก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ในเมื่ออาจารย์จางบอกว่ายังมีคนอีก งั้นเราก็รอเดี๋ยวเถอะ”
“ฮัลโหล จางโม่ ฉันจางซีอวิ๋นนะ หาผู้ชายสักสามสิบคนมาที่ถนนซิ่งหลินให้ฉันหน่อยสิ เร็วเลยนะ คนนี่ต้องไว้เนื้อเชื่อใจได้ แล้วก็เอาถุงมือผ้าฝ้ายกับผ้าฝ้ายบริสุทธิ์ร้อยเมตรมาในรถด้วย” จางซีอวิ๋นพูดเสียงดังกับโทรศัพท์
“พ่อครับ ครั้งหน้าเวลาเราคุยโทรศัพท์กันไม่ต้องเกรงใจแบบนี้กันก็ได้ จางโม่จางซีอวิ๋นอะไรกัน ทำอย่างกับเพิ่งรู้จักกัน” ชายหนุ่มที่ถือสายอยู่พูดขึ้น “เดี๋ยวจะส่งคนไป ผมจะพามาเองครับ พ่อไปหาที่พักก่อนเถอะ” จางโม่ไม่ได้สนใจว่าจางซีอวิ๋นจะทำอะไร แต่เขาก็เรียกคนมารวมตัวแล้ว
“อะแฮ่มๆๆ อาจารย์จาง คุณคุยกับลูกตัวเองตลกเหมือนกันนะครับเนี่ย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ขายหน้าพวกเธอแล้วล่ะ เด็กนั่นมันเกเรน่ะ ครั้งก่อนให้มันตามฉันมาทำงานสถาปัตย์ สุดท้ายก็หนีจากบริษัทไป ตอนนี้เราแบ่งเส้นกันชัดเจนแล้วล่ะ ถ้าจะใช้คนของมันฉันก็ต้องให้เงินมัน แฟร์ๆ” จางซีอวิ๋นพูดขึ้นอย่างเหลืออด
“เด็กๆ เขาก็เอาตัวรอดกันได้ อาจารย์จางไม่ต้องทำแบบนี้หรอก รอให้คุณมีหลานแล้วค่อยสอนทักษะของคุณให้เขา ให้เขาทำตามที่ใจคุณปรารถนาก็น่าจะได้แล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เขามองโหงวเฮ้งของจางซีอวิ๋นก็บอกได้ว่าเขาจะมีหลานชายสองคน
“จริงสิ จางโม่เด็กบ้านั่นไม่รักเรียน ฉันก็สอนให้เสี่ยวจู้ได้นี่นา” เมื่อจางซีอวิ๋นได้ยินที่กัวไฮว่พูดก็ตกตะลึงอึ้งไป
“พ่อครับ ผมพาคนมาแล้ว วันนี้มีงานอะไรเหรอ สั่งมาได้เลย” ชายวัยกลางคนสูงราวร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตรคนหนึ่งปรากฏตัวอยู่ด้านข้างผู้คน ด้านหลังมีชายหนุ่มแต่งตัวคล้ายๆ กันประมาณสามสิบคนลงมาจากรถตู้สองคัน เผยให้เห็นกลิ่นอายแห่งความหนุ่มแน่นกำยำ