[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 105 อันตรายใกล้จะมา
“ตาบ้า มาซะช้าขนาดนี้ ฉันจะนอนแล้ว นายกลับไปเถอะ” เมื่อซุนหลิงหลิงได้ยินเสียงอันคุ้นเคยเธอก็พลันดีใจขึ้นมา จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างโมโห
“งั้นเรามานอนด้วยกันเถอะ” ในขณะที่พูด กัวไฮว่ก็กอดซุนหลิงหลิงเอาไว้ในอ้อมอก จากนั้นก็จุมพิตที่ริมฝีปากของซุนหลิงหลิง ไม่นาน ร่างกายของซุนหลิงหลิงก็อ่อนยวบ จากนั้นทั้งห้องก็อบอวลไปด้วยเสียงหอบหายใจ แน่นอนว่าครั้งนี้กัวไฮว่ก็รอบคอบโดยการทำให้ทั้งห้องนี้เก็บเสียงเอาไว้
“หลิงหลิง ในสายเธอบอกว่าคนของตระกูลซย่าโหวมาถึงอู่เฉิงแล้ว ข่าวนี่เชื่อถือได้ไหม อย่างอื่นฉันไม่กังวลหรอกนะ ขอแค่ไม่มาวุ่นวายวันที่พี่เปิดกิจการก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“ฉันก็ได้ยินมาจากคุณปู่ คุณปู่รู้เรื่องของเราสองคนแล้วล่ะ” ซุนหลิงหลิงพูดด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ
“ดูท่าฉันต้องหาเวลาไปไหว้คุณปู่หน่อยแล้วล่ะ แล้วก็เตรียมสินสอดไว้ขอเธอแต่งเข้าบ้าน ไม่งั้นคงต้องมาที่แบบนี้อีก อย่างกับมาแอบคบชู้” กัวไฮว่พูดขึ้นอย่างไม่กังวลแม้แต่น้อย
“ดีที่คุณปู่รู้จักชื่อนายหลังจากการแข่งวิชาการสิ้นสุดลง ไม่งั้นถ้าปู่ได้ยินชื่อสี่ตัวอันตรายตัวอสรพิษเข้า ตอนนี้ศพนายได้จมอยู่ในคูเมืองแน่” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ
“ถ้าโยนฉันลงคูเมือง ใครจะมานอนเป็นเพื่อนเธอล่ะ” กัวไฮว่พูดพลางโอบซุนหลิงหลิงเอาไว้พร้อมทั้งจูบแรงๆ ทีหนึ่ง
“ตาบ้า” ซุนหลิงหลิงพูดขึ้นด้วยความเขินอาย “ตระกูลหัวซย่ามีอิทธิพลในเมืองหลวงไม่น้อยเลย คราวนี้มากันสี่คน จากที่คุณปู่บอกเป็นผู้บำเพ็ญเพียรสองคน ถึงขั้นเซียนเทียนแล้วด้วย คุณปู่ให้ฉันบอกนายแบบนี้”
“ยอดฝีแดนเซียนเทียน น่าสนใจนี่ ให้พวกเขามาเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “หลิงหลิง เวลาเป็นเงินเป็นทอง เราอย่ามัวแต่พูดถึงปัญหาจู้จี้จุกจิกนี่เลย” จากนั้นทั้งสองก็ทำเรื่องสนุกๆ กันอีกครั้งหนึ่ง
“เธอพกป้ายห้อยนี่เอาไว้นะ ส่วนที่เหลือเธอเอาไปให้พวกเสี่ยวซีคนละอันนะ ถ้าคนของตระกูลซย่าโหวมาหาพวกเธอก็บอกที่อยู่ของฉันกับพวกมัน เดี๋ยวฉันจัดการเอง” กัวไฮว่พูดพลางมอบป้ายหยกแก่ซุนหลิงหลิง บนป้ายหยกทุกอันมีตัวอักษรเขียนเอาไว้ บนป้ายหยกของซุนหลิงหลิงเขียนอักษรคำว่าซุนเอาไว้
“นายไม่เอาไปให้พวกเขาเองเหรอ ถ้าฉันเอาไปให้เดี๋ยวพวกเขาจะหึงเอานะ” ซุนหลิงหลิงพูดเบาๆ
“อันที่จริงจะให้พวกเขาวันเสาร์ แต่ว่าตอนนี้จัดการหลายเรื่องไม่ไหว เธอเอาไปให้พวกเขาเถอะ เขตแดนเซียนเทียน หวังว่าจะเป็นอย่างเขตแดนเซียนเทียนหน่อยนะ” กัวไฮว่หรี่ตาพร้อมกับพูดขึ้น
เป็นเวลาหกโมงเช้า กัวไฮว่ค่อยๆ จูบซุนหลิงหลิงที่กำลังนอนหลับอยู่ จากนั้นก็ขี่กระบี่กลับไปยังที่พักตระกูลกัว ทำเอาทั้งหัวซย่าสะท้านสะเทือนกันอีกระลอกหนึ่ง
“ตาบ้า กลับมาแล้วเหรอ สุดยอดเลยนะเนี่ยขี่กระบี่มาด้วย แสดงว่าที่ไปจีบสาวมาคราวนี้ได้ผล” เพิ่งจะมาถึงบ้านได้ไม่นาน อวี้เอ๋อร์ก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“แค่กๆ ตื่นแล้วเหรอเมียหลวง ไม่นอนต่อสักหน่อยเหรอ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ แล้วไปนั่งข้างๆ อวี้เอ๋อร์
“ตาม้าพ่อพันธุ์!” อวี้เอ๋อร์ก่นด่าอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ “วันนี้ไปเป็นเพื่อนฉันเดินเล่นเลยนะ ไม่งั้นพี่ได้ซวยแน่”
“วันนี้มีเรื่องต้องทำ เธอกลับไปเยี่ยมคุณปู่ที่บ้านให้ฉัน ไปบอกเขาเรื่องที่พวกเราเปิดคลินิกหน่อยสิ”
“พี่หาทางส่งของพวกนี้ไปให้เจี่ยหยวนเถอะ แล้วก็ไม่ต้องใช้แหวนที่เก็บไว้ของพี่วงนั้นแล้วล่ะ เปลี่ยนของไปเยอะในเวลาไม่นานแบบนี้ เดี๋ยวคนนอกเขาจะตกใจเอา” อวี้เอ๋อร์ชี้ไปที่เฟอร์นิเจอร์หลากหลายชนิดในบ้านพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“อวี้เอ๋อร์เมียรักคิดรอบคอบจริงๆ มา มาให้จุ๊บหน่อย พี่จะให้รางวัลเธอ” กัวไฮว่พูดพลางยู่ปากไปหา
“ให้ตาย รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเลยนะ เดี๋ยวตอนบ่ายๆ ฉันจะไปเล่นไพ่นกกระจอกที่สมาคมไพ่นกกระจอก” อวี้เอ๋อร์พูดพลางผลักกัวไฮว่ไป
“เล่นไพ่นกกระจอกที่สมาคมไพ่นกกระจอก ถ้าพี่เธอรู้เข้าเธอว่าเขาจะมีท่าทียังไง” กัวไฮว่พูดด้วยสีหน้าอึมครึม จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในห้อง
“พี่บอกเองนี่ว่าชีวิตร้อยปีแดนมนุษย์ อยากเล่นสนุกอย่างไรก็อย่างนั้น” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ “ไม่แน่ว่าผ่านไปสักพักหนึ่งพี่เขาอาจจะให้ฉันกลับไป ถึงตอนนั้นอยากเล่นแบบนี้ก็ไม่มีโอกาสแล้วล่ะ”
ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง กัวไฮว่เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วทั้งสองก็ไปรับประทานอาหารเช้ากัน จากนั้นก็ขับรถออฟโรดบึ่งตรงไปยังคฤหาสน์ตระกูลกัว
“เด็กบ้า จะมาก็ไม่บอกก่อนเลยนะ แกกับยายหนูพักผ่อนกันก่อน เดี๋ยวฉันจะไปทำของอร่อยๆ ให้พวกเธอ” เมื่อกัวไฮว่กับอวี้เอ๋อร์กลับมาบ้าน คนที่มีความสุขย่อมต้องเป็นนายหญิงใหญ่ เธอรีบวิ่งเข้าไปในครัวโดยไม่ฟังที่กัวไฮว่โน้มน้าวเลย
“อวี้เอ๋อร์มาแล้วเหรอ” เขามองอวี้เอ๋อร์พร้อมกับพูดขึ้น กัวเจิ้งหยางกลับมาจากข้างนอกโดยไม่ได้หันไปมองกัวไฮว่ “เด็กบ้า ลาออกเหรอ เรื่องใหญ่แบบนี้ไม่รู้จักบอกฉันสักคำ”
“ตาแก่ กว่าหลานจะกลับมา แกทำอะไรของแกเนี่ย ก็แค่ลาออกเองไม่ใช่เหรอ อันที่จริงเข้าเรียนก็ไม่เห็นจะสนุกอะไรเลย ฉันว่าเด็กพวกนั้นน่ะยังสู้หลานเราไม่ได้เลย” นายหญิงพูดยิ้มๆ
“เป็นเพราะฉันให้ท้ายแก” กัวเจิ้งหยางพูดขึ้น จากนั้นเมื่อเขาเห็นว่านายหญิงโผล่หน้าเข้ามาก็เงียบโดยทันที “ไอ้หนู ตามฉันมาที่ห้องหนังสือฉันมีเรื่องจะคุยกับแก ยายหนูอวี้เอ๋อร์ เธอเดินเล่นในบ้านก่อนนะ มีอะไรก็บอกยายแก่ได้”
“ตาไฮว่ ช่วงนี้ฉันอยากให้แกไปอยู่ทางใต้สักพักหนึ่ง ฉันติดต่อปู่เหวินเซวียนของแกไว้เรียบร้อยแล้ว แกไปอยู่กับเขาสักปีนึงนะ” กัวเจิ้งหยางเองก็ไม่ได้อ้อมค้อม เขาพูดขึ้นตรงๆ
“ปู่ก็รู้เรื่องตระกูลซย่าโหวแล้วเหรอครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ซย่าโหวเทียนตายไปแล้วเกี่ยวอะไรกับผมด้วย”
“ตามฉันเข้ามา” กัวเจิ้งหยางส่ายศีรษะพลางกดปุ่มที่อยู่บนโต๊ะหนังสือ จากนั้นก็มีห้องเล็กๆ ปรากฏขึ้นในห้องหนังสือ ทำเอากัวไฮว่ตกใจ ในความทรงเดิมเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับห้องขนาดเล็กนี่ คุณปู่ปิดได้มิดใช้ได้เลยนะนี่
“ซย่าโหวหย่วน ให้เสี่ยวเทียนลงทะเบียนผู้มีพลังวิเศษ ให้เขาอยู่ในกลุ่มผู้มีพลังวิเศษแต่โดยดี เขาเรียนกับพวกผู้อาวุโสไปได้สักพักแต่แกก็ไม่ฟัง ตอนนี้เกิดเรื่องมากมายแกจะให้กลุ่มผู้มีพลังวิเศษของเราทำยังไง” ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพูดขึ้นกับซย่าโหวหย่วน ผู้นำตระกูลซย่าโหว
“จางจงเฉิง เรื่องนี้ตระกูลซย่าโหวของเราผิดเอง แต่ไม่ว่ายังไงเสี่ยวเทียนก็ไม่สมควรตาย คุณก็รู้ความสามารถของเสี่ยวเทียนดีนี่ คนธรรรมดาๆ ไม่มีทางทำร้ายเขาได้แน่ คนที่ทำร้ายของต้องเป็นผู้มีพลังวิเศษ เรื่องนี้ให้สมาคมผู้มีพลังวิเศษของพวกคุณจัดการเถอะ” ซย่าโหวหย่วนพูดด้วยเสียงดัง
สามวันก่อน ซย่าโหวเทียนถูกส่งจากเมืองอู่เฉิงกลับไปยังเมืองหลวง ซย่าโหวหย่วนคิดอย่างไรก็คิดไม่ตกว่าหลานชายผู้แสนจะน่าภาคภูมิใจของตนไปเมืองอู่เฉิงแค่ครั้งเดียวกลับมีสภาพเช่นนี้ได้ ซย่าโหวหย่วนเชิญหมอชื่อดังที่จะสามารถเชิญมาได้ทุกคน แต่สุดท้ายก็ไม่อาจรักษาชีวิตของซย่าโหวเทียนเอาไว้ได้ จึงจำต้องติดต่อคนจากกลุ่มผู้มีพลังวิเศษหัวซย่า
“จะให้พวกเราจัดการเหรอ มีอะไรให้จัดการอีกล่ะ คนที่เอาหัวเสี่ยวเทียนได้หรืออัดเสี่ยวเทียนได้น่าจะเป็นผู้มีพลังวิเศษเหมือนกัน แถมยังเป็นผู้มีพลังวิเศษที่แกร่งในการควบคุมจิตอีกด้วย ก่อนฉันมาได้ตรวจสอบระเบียนกลุ่มผู้มีวิเศษเรียบร้อยแล้ว ทั้งหัวซย่าไม่มีผู้มีพลังวิเศษแบบนี้หรอก เรื่องนี้กลุ่มผู้มีพลังวิเศษของพวกเราจัดการให้ไม่ได้หรอกนะ” จางจงเฉิงพูดพลางส่ายศีรษะ