[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 104 ลอบกินตอนกลางคืน
จากนั้นกัวไฮว่ก็ติดต่อโหยวโยวโยว โยวโยวเองก็หัวเสียไม่น้อย พี่ออกจากโรงเรียนมาตั้งหลายวันแล้วไม่โทรมาแม้แต่นิดเดียว ใครจะไม่โกรธบ้างล่ะ กัวไฮว่เลยต้องเอาใจอีกยกใหญ่ ส่วนเนื้อหาที่คุยก็เหมือนกันกับผู้หญิงคนอื่น นั่นก็คือเตรียมจะพบสาวๆ ในวันเสาร์
“ไม่รับ ดันไม่รับโทรศัพท์ฉัน” กัวไฮว่ต่อสายโทรหาหลินซวงอยู่หลายครั้ง ทว่าอีกฝ่ายไม่ได้รับ กัวไฮว่จึงบ่นอุบ ในใจเขารู้สึกไม่สงบ ทว่าไม่กี่วันก่อนได้เสี่ยงทายดูก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่นา
“ตาบ้า ออกจากโรงเรียนไปตั้งหลายวันเพิ่งคิดจะมาติดต่อกับฉันนะ แถมเพิ่งคิดถึงฉันหลังจากติดต่อเด็กพวกนั้นเสร็จอีก ตาบ้า ไอ้ตาบ้า” หลินซวงข่มใจไม่รับโทรศัพท์ที่ดังติดต่อกันสามครั้ง
“เวยเวย ช่วงนี้ครูหลินไม่เป็นไรใช่ไหม” กัวไฮว่ต่อสายโทรหาเวยเวยอีกครั้ง ก่อนจะถามยิ้มๆ
“ไม่เป็นอะไรนะ ตอนที่พี่เพิ่งโทรคุยกับฉันเสร็จฉันยังได้รับสายจากครูหลิน ยังถามถึงพี่อยู่เลย” มู่หรงเวยเวยพูดยิ้มๆ “พี่มีเรื่องจะหาครูหลินเหรอ”
“เปล่า ฉันเข้าใจแล้ว ไว้เราเจอกันวันเสาร์นะ” พูดเสร็จกัวไฮว่ก็วางโทรศัพท์ จากนั้นก็ต่อสายโทรหาหลินซวงอีกครั้ง
“เสี่ยวซวงซวง ไม่รับสายสามี อยากจะต่อต้านกันหรือไง” หลินซวงรับโทรศัพท์ กัวไฮว่ยังไม่ทันรอให้หลินซวงพูดอะไร เขาก็พูดขึ้นยิ้มๆ
“เรียกฉันว่าครูหลิน” หลินซวงพูดด้วยความเย็นเยียบ “โทรมามีอะไรเหรอ”
“เสี่ยวซวงซวง เมื่อก่อนเธอไม่ได้เป็นแบบนี้นี่ วันเสาร์ฉันจะเปิดคลินิกอยากเชิญเธอมาร่วม ถึงตอนนั้นแต่งตัวสวยๆ หน่อยล่ะ” กัวไฮว่ไม่ได้โกรธ เขาพูดขึ้นยิ้มๆ ว่า “อีกอย่าง ผ่านช่วงนี้ไปฉันจะไปหาตระกูลกู่ เรื่องของตระกูลกู่เธอไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ”
“กัวไฮว่ อย่าไปนะ ถือว่าฉันขอร้อง อย่าไปหาตระกูลกู่ ที่นั่นไม่ใช่ที่ที่เธอจะไปได้นะ” เมื่อหลินซวงได้ยินที่กัวไฮว่พูดก็รีบพูดขึ้น
“เธอเคยบอกเองไม่ใช่เหรอ ถ้าอยากให้เธอเป็นผู้หญิงของฉันก็ต้องจัดการตระกูลกู่ให้เรียบร้อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ช่วงนี้รู้สึกไม่สบายตัวบ้างไหม ถ้ารู้สึกไม่สบายก็ไม่ต้องไปที่โรงพยาบาล ให้มาหาฉันที่คลินิก โรคของเธอโรงพยาบาลรักษาให้ไม่ได้หรอก”
กัวไฮว่กับหลินซวงคุยจิปาถะกันนิดหน่อยก็รู้ว่าหลินซวงไม่ได้มีปัญหาอะไร จากนั้นกัวไฮว่ก็วางสายลง ผู้หญิงเยอะก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไร แค่โทรหาทีละคนๆ ก็หมดเวลาไปทั้งบ่าย
“ตาบ้า ถ้าวุ่นวายกับผู้หญิงของนายพวกนั้นเสร็จแล้วก็รีบมาช่วยหน่อย” จู่ๆ กัวไฮว่ก็ได้ยินเสียงอวี้เอ๋อร์ตะโกนมา เขาเลยบินลอยไปอยู่ตรงหน้าของอวี้เอ๋อร์
“อวี้เอ๋อร์ เธอนี่มันนางฟ้าประจำตัวฉันจริงๆ เลยนะ ต่อให้อยู่ในสวรรค์ฝีมือเธอก็เป็นอันดับหนึ่งอยู่ดี” กัวไฮว่มองเฟอร์นิเจอร์หลากหลายชนิดในคลินิกก็พูดอย่างภาคภูมิใจ
“ตาบ้า ฉันจัดการวัสดุไม้จันทน์จื่อจินให้พี่หมดแล้วนะ ที่เหลือพี่จัดการเองเถอะ ขอฉันไปพักผ่อนหน่อย” เมื่ออวี้เอ๋อร์เห็นว่ากัวไฮว่มาเธอก็หมุนตัวเดินเข้าไปในห้อง
“อวี้เอ๋อร์คนดี ช่วยแล้วก็ช่วยจนถึงที่สุดสิ ไม้หวงฮวาหลีที่เหลือกับไม้จันทน์เสี่ยวเยี่ยจื่อนั่นอีก เดี๋ยวฉันช่วยวาดแบบให้เธอ เธอช่วยฉันหน่อยสิ” กัวไฮว่พูดพลางยื่นมือไปดึงอวี้เอ๋อร์เอาไว้
“ตอนนี้รู้แล้วสินะว่าอวี้เอ๋อร์เป็นคนดี เมื่อกี้ยังได้ยินพี่คุยสนุกกับสาวๆ กันอยู่เลย คืนนี้จะออกไปอีกไม่ใช่หรือไง” อวี้เอ๋อร์มองกัวไฮว่พลางพูดขึ้น “คืนนี้อยู่บ้านเป็นเพื่อนฉันเถอะ ฉันจะช่วยพี่จัดการทุกอย่างเอง ไม่พูดเรื่องอื่นกัน ในสรวงสวรรค์นอกจากอู๋กังแล้ว งานไม้ไม่มีใครเทียบกับฉันได้เลย”
“อวี้เอ๋อร์ เธอก็ได้ยินแล้วนี่ ฉันตอบตกลงเขาไปแล้ว คนเราจะพูดไปแต่เชื่อใจไม่ได้ไม่ได้หรอกนะ” กัวไฮว่พูดอย่างหน้าหนา “เดี๋ยวฉันทำของอร่อยๆ ให้เธอ ท่านเซียนอวี้เอ๋อร์ดีที่สุดเลย” พูดเสร็จ กัวไฮว่ไม่ทันให้อวี้เอ๋อร์มีปฏิกิริยาอะไร เขาก็วิ่งเข้าห้องไป
“ฮึ ตาบ้า ตาม้าพ่อพันธุ์ ไม่นานต้องเกิดเรื่องเพราะผู้หญิงแน่” อวี้เอ๋อร์เบ้ปากพูดแต่มือยังคงไม่หยุด อวี้เอ๋อร์แกะสลักลวดลายจากมีดสั้นที่อยู่ในมืออย่างคล่องแคล่ว ถ้ามีคนมาเห็นจะต้องตกใจเป็นแน่ ลองจินตนาการภาพดูสิ แค่มีดสั้นๆ เล่มเดียวก็ทำเฟอร์นิเจอร์ออกมาได้สวยวิจิตรแบบนี้
“เหนื่อยแทบตาย ตาบ้า ทำของออกมาดีแทบตาย หวังว่าอาบน้ำเสร็จนายจะช่วยทำกับข้าวอร่อยๆ ให้ฉันหน่อย แต่วันนี้นายกลับออกไปเถลไถล” อวี้เอ๋อร์พูดเสียงดัง
“อวี้เอ๋อร์เมียรัก ดูหน่อยสิว่าถูกปากไหม” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมงเขาก็ยกอาหารมาสิบสองอย่าง อาหารร้อนแปดอย่าง อาหารเย็นสี่อย่าง วัตถุดิบชั้นยอดบวกกับฝีมือทำอาหารของกัวไฮว่ ทำให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอมตลบอบอวล
“ม้าพ่อพันธุ์จริงๆ ลงแรงขนาดนี้เพื่อจะไปเดตกับแฟน หรือว่าฉันไม่อาจทำให้นายได้อย่างนั้นเหรอ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ เธอไม่ได้เช็ดเหงื่อตรงศีรษะหมดเลยทีเดียว แต่ค่อยๆ ดึงเสื้อขึ้นไปเช็ด จึงเผยให้เห็นส่วนขาวนวล
“อวี้เอ๋อร์เมียรัก วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ฉันก็ต้องทำให้เธอสบายหน่อยสิ” ใขขณะที่พูด กัวไฮว่ก็อุ้มอวี้เอ๋อร์เดินไปยังห้องนอน
“ตาบ้า ปล่อยฉันลงนะ คืนนี้ฉันไม่สนนายแล้ว รีบวางฉันลงเร็ว” อวี้เอ๋อร์ตะโดนเสียงดัง
“ยังจะอายอีก อวี้เอ๋อร์เมียรักลำบากแล้วล่ะ เดี๋ยวสามีนวดให้นะ” จากนั้นไม่นาน ในห้องก็มีแต่เสียงหอบหายใจเป็นระยะๆ
“เป็นผู้ชายมันไม่ง่าย เป็นผู้ชายดีๆ ก็ไม่ง่ายเลย เป็นผู้ชายอย่างฉันนี่ยากซะกว่าปีนฟ้าอีก” กัวไฮว่พูดพึมพำ จากนั้นก็ออกมาจากที่พักตระกูลกัว หลังจากฝึกซ้อมคู่มาหลายครั้ง พลังเซียนของกัวไฮว่ก็ค่อยๆ สามารถใช้กระบี่ได้แล้ว ครั้งนี้เขาก็ขี่กระบี่
ทว่ากัวไฮว่กลับไม่รู้ว่า ที่เขาขี่กระบี่ในครั้งนี้ทำเอาผู้มีพลังวิเศษและผู้บำเพ็ญเพียรทั้งเมืองอู่เฉิงกระทั่งทั่วทั้งหัวซย่าต่างก็สัมผัสได้ถึงพลังงานสั่นไหวระลอกใหญ่ ถึงขั้นที่ว่าชายชราผิวหย่อนยานที่นั่งที่อยู่ใต้สระแห่งฟ้าก็เบิกตาโพล่งขึ้นมาอีกครั้ง
“คนที่ทำเสี่ยวเทียนตายอยู่นี่นี่เอง ดี ดีมาก คอยดูเถอะ ไว้วันที่ฉันบำเพ็ญเพียรเสร็จฉันจะทำแกกระอักเลือด” พูดเสร็จ ชายชราผิวหย่อนยานก็หลับตาลง
“ไอกระบี่แกร่งมากเลย หรือว่าพวกสำนักบู๊ตึ๊งจะบรรลุแล้ว” ชายวันกลางคนที่หมู่บ้านในภูเขาคนหนึ่งขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ คนคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือหัวหน้าผู้มีพลังวิเศษหัวซย่า ผู้นำตระกูลกู่ กู่เจิ้นเหลย
ในขณะที่กู่เจิ้นเหลยตกใจอยู่นั่นเอง สำนักบู๊ตึ๊ง สำนักเอ๋อเหมย สำนักเหมาซาน สำนักตงไห่ สำนักหนานได่ สำนักเป่ยไห่ รวมไปถึงผู้บำเพ็ญเพียรทั้งหมดที่มีในแดนมนุษย์ต่างก็ตกอกตกใจ ที่กัวไฮว่ขี่กระบี่ในครั้งนี้ทำให้คนจำนวนไม่น้อยในหัวซย่าไม่อาจหลับใหลได้ เหมือนกับผีเสื้อในทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก[1]
“ตาบ้า นานขนาดนี้แล้วยังไม่มาอีก เรื่องแบบนี้ยังจะให้คนอื่นเขารออีก” ซุนหลิงหลิงเปิดห้องในโรงแรมมหาลัยอู่เฉิงเรียบร้อยแล้ว ยังคงเป็นที่เดิมที่เธอกับกัวไฮว่ทำอะไรสนุกๆ กัน เธอรออยู่นานทว่ากัวไฮว่ยังไม่ถึงสักที ซุนหลิงหลิงจึงพูดขึ้นด้วยความโมโหร้อนใจ
“หลิงหลิงเมียรัก ฉันมาแล้ว รอนานเลยล่ะสิ” จู่ๆ กัวไฮว่ก็ปรากฏตัวอยู่ในห้องของโรงแรม ทำเอาซุนหลิงหลิงตกอกตกใจ
[1] หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Butterfly Effect