[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ - ตอนที่ 10 อย่ามาอ่อยพี่ได้ไหมครับ
“ไอ้น้อง นี่เป็นฝ่ายหอพัก พวกเราเข้าไปกัน เดี๋ยวฉันขอห้องที่แสงถึงให้” หลี่เวยลากกัวไฮว่เดินเข้าไปในฝ่ายหอพัก
“หลี่หลง รีบออกมาเร็ว เป็นการเป็นงานหน่อย” เมื่อหลี่เวยตะโกนเสียงดัง ชายรูปร่างอ้วนท้วมท่าทางกึ่งหลับกึ่งตื่นคนหนึ่งก็เดินออกมา
“พี่เวย เช้าขนาดนี้เสียงดังอะไรกัน” ชายตัวอ้วนหรี่ตาถามขึ้น “ฝ่ายรปภ.รับสมัครคนมาเพิ่มเหรอ แรงงานเด็กเหรอเนี่ย”
“ไม่ใช่ นี่นักเรียน รีบจัดการหอพักเลย เอาห้องที่แสงถึงนะ ต้องเป็นห้องสองคนด้วยนะ แกอย่ามุบมิบนะ รีบทำเดี๋ยวนี้เลย” หลี่เวยพูดเสียงดัง
“ทั้งสองคนรอก่อนนะ ฉันไปเปลี่ยนชุดแปบ” พูดจบ หลี่หลงก็เดินตรงเข้าไป
“ไอ้น้อง ฉันจะอู้งานตลอดไม่ได้ นายรออยู่ตรงนี้เดี๋ยวนะ ถ้าเขาจัดการให้นายไม่ดีก็มาหาฉัน เดี๋ยวฉันจัดการเขาเอง รอให้มีเวลาเดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าวนายเอง” พูดจบ หลี่เวยก็เดินออกนอกประตูไป
“โอ้โฮ ใครกันเนี่ย มีตาไว้ประดับหน้าหรือไง” ในขณะที่หลี่เวยหมุนตัว ก็ชนเข้ากับเงาดำ
“คะ…คุณปู่รอง ไม่เป็นไรนะครับ” หลี่หลงเดินก้าวขึ้นมาข้างหน้า จากนั้นก็ดึงเงาดำให้ลุกขึ้น
“ปู่รองแกตาบอดหรือไง” หลี่เวยตะโกนเสียงดัง ก่อนจะเห็นว่าคนที่ตัวเองชนคือใคร “คะ คะ คะ คุณปู่รอง ทำไมถึงมานี่ได้ล่ะครับ ผมมีงานต้องทำ ผม ผมไปก่อนนะครับ” พูดจบ หลี่เวยก็หมุนตัวคิดจะรีบหนี
“ไอ้หนู กลับมาก่อน” หลี่สวินอวี้จับหลี่เวยเอาไว้ “กัวไฮว่ ฉันคือหลี่สวินอวี้ ผอ.โรงเรียนฟู่จง เรื่องของเธอกับหลี่เวยวันนี้ ฉันต้องการจะพูดให้ชัดเจน”
“คุณคือผอ.เหรอ ดูแล้วไม่เห็นจะผิดมนุษย์มนาแบบคุณหญิงใหญ่บ้านผมเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ผมกับหลี่เวยมีเรื่องอะไรต้องพูดให้ชัดเจนเหรอ เชิญผอ.ชี้แจงครับ”
“ในเมื่อพูดมาถึงนี่แล้ว ฉันก็จะพูดแล้วนะ กัวไฮว่ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้หลี่เวยทำไม่ถูก ในฐานะที่ฉันเป็นปู่รองของเสี่ยวเวย ฉันขอโทษเธอ เธอช่วยปล่อยเขาไปเถอะนะ วันหลังถ้าเกิดมีปัญหาอะไรในโรงเรียน เธอก็มาหาฉันได้เลย” หลี่สวินอวี้พูดเสียงค่อย
“ผมกับหลี่เวย? ผมเข้าใจแล้ว เรื่องผมกับหลี่เวยเราคุยกับเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรแล้วครับ ถ้าไม่เชื่อก็ถามหลี่เวยดูสิครับ” กัวไฮว่พูดพร้อมยิ้ม รอยยิ้มนี้ดูไม่เป็นไรแต่หลี่สวินอวี้กลับกลัวมากขึ้น
“ใช่ครับ คุณปู่รอง พวกเราไม่ได้มีเรื่องอะไรกัน ถ้าปู่ไม่มีอะไรแล้ว ผมจะไปประตูใหญ่แล้วนะครับ ทางนู้นยังมีงานอีก” พูดจบ หลี่เวยไม่ทันรอให้หลี่สวินอวี้พูดอะไร เขาก็หมุนตัวออกไปทันที
“เสี่ยวหลง รีบจัดการเรื่องหอพักให้เสี่ยวไฮว่เถอะ” หลี่สวินอวี้ถลึงตาพูดเสียงดังกับหลี่หลง “เอาแต่นอนขี้เกียจ ถ้ายังเป็นแบบนี้อีก แกก็อย่าทำงานที่นี่เลย เสี่ยวไฮว่ ฉันจะไปรอเธอที่ห้องทำงาน เดี๋ยวเธอตามมาหาฉันด้วย”
“ไอ้น้อง ห้องแสงถึงเหลือแค่ห้องชั้นสิบแปดห้องเดียว เป็นห้องสองคน อยู่แล้วคนหนึ่ง เป็นเด็กมอห้า เป็นคนซื่อสัตย์ นายว่าใช้ได้หรือเปล่า” หลี่หลงพูดเสียงเบา
“ได้ครับ ห้องนี้ก็ได้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“งั้นนายไปก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันเอาผ้าห่มขึ้นไปให้ ขาดเหลืออะไรบอกฉันได้เลยนะ” หลี่หลงพูดยิ้มๆ
“ขอบคุณครับพี่ วันหลังเราค่อยไปกินข้าวด้วยกันนะ” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็ถือกุญแจเดินไปทางประตูลิฟต์
“มารดามันเถอะ เวลาขึ้นเครื่องเล่นนี่ใจเต้นโครมครามตลอด หากไม่ฝึกยุทธอื่น ก็ต้องสร้างกระบี่ดีๆ สักเล่ม ขี่กระบี่ยังยังสนุกกว่าขึ้นเครื่องเล่นนี่เยอะเลย” เมื่อลิฟต์เปิด กัวไฮว่ก็รีบกระโดดออกมาทันที
“1818 ห้องนี้แหละ” ประตูห้องพักถูกเปิดออก ข้างในเป็นสองห้องนอน สองห้องนั่งเล่น สองห้องน้ำ โซฟาหนังแท้ เครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่หมด รูมเมตที่ต้องเจอหน้ากับกัวไฮว่ไม่เลวเลย ในห้องสะอาดสะอ้านดี
“แดนมนุษย์นี่ดีจริงๆ” กัวไฮว่ตะโกนเสียงดัง ทำเอาหลี่หลงที่เพิ่งเข้าห้องมาตกใจจนเหงื่อท่วม
“ไอ้น้อง พูดอะไรน่ะ” หลี่หลงพูดพลางแบกกล่องใบใหญ่เข้ามา “ผ้าห่มผ้านวมแปดชุดใหม่หมด ถ้ารู้สึกว่าไม่พอ เดี๋ยวฉันไปเอาให้นายอีกชุดนึง ของอย่างอื่นนายอยากเปลี่ยนอะไร นายบอกฉันมาก็พอ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันลงไปแล้วนะ จริงสิ คุณปู่รองบอกว่าแกจัดการเสร็จแล้วให้ไปหาเขาด้วย ฉันแนะนำนะว่าให้นายรีบไปหน่อย เขาไม่ชอบรอคนน่ะ”
“ขอบคุณครับพี่หลง เดี๋ยวผมไปหาผอ.ก่อน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
“กัวไฮว่ นั่งสิ วิ่งวุ่นมาทั้งวัน เหนื่อยล่ะสิ” หลี่สวินอวี้พูดด้วยร้อยยิ้มเต็มใบหน้า “เมื่อกี้ฉันคุยกับหัวหน้าเซวียเรื่องเลือกห้องเรียนของเธอแล้ว มอสี่มีสิบสามห้อง มีครูหกชุด เอาจริงๆ นะ โรงเรียนฟู่จงของเราไม่ได้แบ่งห้องคิงห้องบ๊วย แต่รู้สึกว่าให้เธอไปห้องหนึ่งดีกว่า ครูประจำชั้นเป็นนักศึกษาปริญญาโทที่เพิ่งจบมาจากมหาลัยอู่เฉิง อายุไม่ห่างจากพวกเธอมาก จะได้คุยกันรู้เรื่อง เธอว่าไง”
“ให้ข้าดูหน่อยแล้วกันว่าเจ้าหมาป่านี่คิดอะไรอยู่” กัวไฮว่มองหลี่สวินอวี้ แล้วค่อยๆ ใช้วิชาอ่านจิตกับหลี่สวินอวี้
“ครูหลินซวง ขอแค่คุณเสียสละสักหน่อย นักเรียนแบบนี้ต้องไว้ในห้องคุณเท่านั้น ข้อแรกคือคุณเป็นครูผู้หญิง ถึงเด็กนี่จะป่วนยังไงแต่อย่างน้อยเขาก็คิดว่าคุณเป็นผู้หญิง ข้อสอง ถ้ามีเรื่องอะไรจริงๆ ตระกูลหลินก็พอๆ ตระกูลกัว” ความคิดในหัวของหลี่สวินอวี้ถูกส่งเข้าสู่สมองกัวไฮว่
“ในเมื่อผอ.กับหัวหน้าเซวียคุยกันเรียบร้อยแล้ว งั้นเอางี้แล้วกัน รบกวนหัวหน้าเซวียบอกห้องเรียนผมหน่อย ผมควรจะไปทักทายครูประจำชั้นก่อนไม่ใช่เหรอ พรุ่งนี้ผมก็จะเป็นสมาชิกโรงเรียนฟู่จงแล้วนี่ ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ
เซวียหรูเหอกับหลี่สวินอวี้สบตากัน เด็กนี่คงไม่ได้จะหาเรื่องอีกนะ จากนั้นเซวียหรูเหอก็พากัวไฮว่ไปทำความคุ้นเคยที่ห้องเรียน ไม่นาน กัวไฮว่ก็เห็นครูที่กำลังสอนอยู่ผู้หนึ่ง หน้าตาสะสวย ถึงแม้จะมองไม่เห็นหน้า ทว่ารูปร่างผอมเพรียว เทียบกับโหยวโยวโยวได้สบายๆ เลย
“ในที่สุดก็เสร็จสักที กฎร้อยแปดสิบแปดข้อ เข้มงวดกว่ากฎสวรรค์ซะอีก” หลังจากวิ่งวุ่นมาทั้งเช้า กัวไฮว่ก็อ่านหนังสือกฎโรงเรียนในห้องนอนจนเสร็จ จู่ๆท้องก็ร้องขึ้นมา ถึงแม้อาหารในแดนมนุษย์จะไม่อร่อย แต่ก็ต้องหาอะไรมารองท้องสักหน่อย คิดแล้ว กัวไฮว่ก็เดินไปยังโรงอาหารของโรงเรียน
“รู้แบบนี้เอาเงินสดมาก็ดี ไม่รู้ว่าที่โรงอาหารใช้บัตรรูดได้หรือเปล่า” ตอนที่มาถึงโรงอาหาร กัวไฮว่ก็พลันคิดขึ้นได้ว่าตัวเองไม่มีเงินติดตัวเลยสักนิด มีเพียงบัตรธนาคารมูลค่าเก้าล้านกว่า
“โยวโยว หลังจากวันนั้นถูป้าไม่ได้มาหาเรื่องเธอแล้วใช่ไหม ทำเอาพวกเราตกใจจริงๆ เธอควรจะย้ายโรงเรียนมาที่นี่นานแล้ว ตอนนี้ดีแล้วล่ะที่พวกเราได้มาอยู่ด้วยกันอีก” นักเรียนผู้หญิงพูดกระซิบกระซาบบางอย่างกันอยู่
“ใช่ ต่อให้ถูป้าจะใจกล้าขนาดไหนก็ไม่กล้ามาหาเรื่องที่ฟู่จงหรอก จริงสิ เจ้าสี่ สี่ตัวอันตรายนั่นแกก็สลัดออกได้แล้ว วันนี้เราไปห้องอาหารชั้นสี่กันเถอะ เธอเลี้ยงเรานะ ฮ่าๆ” เด็กหญิงหน้าตาไม่เลวคนหนึ่งพูดพลางหัวเราะ
“อันที่จริงที่ร้านใต้หล้าอู่เฉิงนั่น กัวไฮว่ช่วยฉันไว้ ถ้าวันนั้นเขาไม่โผล่ออกมาทันเวลาพอดี ฉันไม่อยากจะคิดถึงเรื่องที่จะเกิดเลย” หากสาวสวยที่พูดไม่ใช่โยวโยวจะเป็นใครได้อีกล่ะ “ในเมื่อติดค้างน้ำใจเขา ก็ต้องคิดหาวิธีคืนแล้วล่ะ จะได้เจ๊ากัน”
“งั้นก็ดีเลย วันนี้เลี้ยงข้าวฉัน พวกเราจะได้เจ๊ากันสักที ว่าไง โยวโยวคนสวยของผม” กัวไฮว่ที่เดิมอยู่ด้านหลังนักเรียนหญิง เมื่อได้ยินคำพูดของโหยวโยวโยว ก็พลันก้าวไปข้างหน้า พร้อมทั้งพูดยิ้มๆ
“กะ…กัวไฮว่ นายมาอยู่ที่ฟู่จงได้ยังไง นายเข้ามาได้ยังไง นายตามฉันมาใช่ไหม” โหยวโยวโยวเบิกตาโพล่ง เธอไม่คาดคิดว่ากัวไฮว่ก็เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงเหมือนกัน
“เลี้ยงข้าวหน่อยเถอะ กินไปคุยไป” เมื่อกัวไฮว่เดินมา นักเรียนหญิงรอบๆ ตัวโหยวโยวโยวก็ถอยห่างออกมาโดยสัญชาตญาณ กัวไฮว่เป็นใครกันน่ะเหรอ เจ้าสี่หนึ่งในสี่ตัวอันตรายแห่งเมืองอู่เฉิง ถึงแม้นักเรียนหญิงพวกนี้จะรู้จักเมืองอู่เฉิงไม่มาก แต่สี่ตัวอันตรายเป็นใคร พวกเธอต่างรู้ดี
“โยวโยว ต้องโทรหาคุณลุงโหยวก่อนไหม” นักเรียนหญิงเพียงคนเดียวที่อยู่ข้างโหยวโยวโยวถามขึ้นเสียงเบา
“ไม่ต้อง แค่กินข้าวกับเขามื้อนึง เสี่ยวเหม่ย เธอไปกินข้าวกับพวกเขาเถอะ ฉันจะคุยกับกัวไฮว่” โหยวโยวโยวพูดเบาๆ เสี่ยวเหม่ยมองพิจารณากัวไฮว่แวบหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ ไปรวมกลุ่มกับนักเรียนหญิงคนอื่น
“บอกมาเถอะ นายน้อยกัว นายจะเอายังไงกันแน่ ที่นี่คือโรงเรียนนะ นายเคารพกฎโรงเรียนหน่อยจะดีกว่า” โหยวโยวโยวเห็นกัวไฮว่ที่มองตนเองตาไม่กระพริบ โดยเฉพาะบริเวณสะโพกกับหน้าอก ในใจพลันสั่นสะท้านรีบพูดขึ้น
“ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ เลี้ยงข้าวฉัน เราต้องเคลียร์เรื่องของเรานะ ยากหรือไง” กัวไฮว่พูดพลางยิ้มร้ายมองโหยวโยวโยว
“ง่ายแค่นี้เลยเหรอ หรือว่านายไม่ได้คิดอย่างอื่นกับฉัน” โหยวโยวโยวไม่เชื่อคนอย่างกัวไฮว่แต่แรกอยู่แล้ว
“ขอร้องล่ะ โรงเรียนห้ามนักเรียนคบกัน ไม่งั้นจะหักสิบสองคะแนน พี่เพิ่งจะมา อย่ามาอ่อยพี่ได้ไหมครับ” กัวไฮว่เสียงดัง คนในห้องอาหารไม่เยอะ ประมาณร้อยกว่าคน ทุกคนล้วนเบิกตามองกัวไฮว่กับโหยวโยวโยวสองคน
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^
https://www.kawebook.com/story/6815