[นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ - ตอนที่ 31 ละทิ้งภรรยาเข้ากองทัพ (2)
ดวงตากลมใสของฉู่เหลียนกะพริบทีหนึ่ง เกิดอะไรขึ้นหรือ? นางยังอยู่ดี เหตุใดพวกเขาจึงจ้องมองนางราวกับนางต้องอยู่เปล่าเปลี่ยวเพียงลำพังเล่า? นางมีอะไรให้สงสารหรือ?
“ท่านย่า พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ พี่รอง”
ฉู่เหลียนยอบกายคารวะสมาชิกผู้อาวุโสในครอบครัว
เฮ่อเหล่าไท่จวินกวักมือเรียกนาง “เหลียนเอ๋อร์ มานั่งกับย่าตรงนี้เถอะ”
เอ๋? ฉู่เหลียนมองพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ที่นั่งอยู่ต่ำกว่าเฮ่อเหล่าไท่จวิน แม้จะไม่เต็มใจ นางก็ทำได้เพียงเดินไปอยู่ข้างเฮ่อเหล่าไท่จวินอย่างช้า ๆ มืออุ่นของท่านย่าดึงนางให้นั่งลงบนเก้าอี้นุ่ม
ฉู่เหลียนหันมองโจวซื่อ ตรวจสอบว่ามีร่องรอยของความริษยาหรือไม่ ทว่าไม่มีเลย นางก็ดูผ่อนคลายดี
เฮ่อเหล่าไท่จวินยังจ้องมองหลานสะใภ้คนงาม ก่อนจะลอบถอนใจ
ฉู่เหลียนเห็นว่าแปลกนัก ทุกคนต่างจ้องมองนาง กระทั่งเฮ่อเหล่าไท่จวินยังจับมือนางและตบหลังมือเบา ๆ คล้ายกำลังปลอบประโลม
นางกะพริบตาอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว “ท่านย่า เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ?”
เฮ่อเหล่าไท่จวินลูบหัวนางอย่างอ่อนโยน ก่อนกล่าว “เหลียนเอ๋อร์ ย่ามีเรื่องต้องบอกเจ้า แต่ก่อนอื่นต้องให้สัญญากับย่าก่อน ว่าเจ้าจะไม่โกรธ”
ฉู่เหลียนยิ้มกับตัวเอง ตราบใดที่ไม่เกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของนาง ย่อมไม่มีเรื่องราวใดในยุคราชวงศ์อู่นี้ที่ทำให้นางโกรธเคืองได้
ทว่าคำกล่าวของเฮ่อเหล่าไท่จวินก็ยังทำให้นางสงสัยขึ้นมา “ท่านย่าพูดเถิดเจ้าค่ะ หลานสะใภ้มิใช่คนใจแคบ โกรธเคืองง่ายดายเพียงนั้น”
เฮ่อเหล่าไท่จวินนิ่งงันไปชั่วขณะ คล้ายมิเชื่อสิ่งที่ฉู่เหลียนกล่าว ยามที่นางเอ่ยขึ้น น้ำเสียงก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ก็ได้เด็กน้อย ย่าจะบอกเจ้าแล้ว ซานหลางจะไปเข้ากองทัพที่ชายแดนเหนือ เขาไปแล้วเมื่อเช้าก่อนตะวันส่อง”
ฉู่เหลียนชะงักงัน นางมิได้คาดถึงเรื่องนี้แม้แต่น้อย
เดี๋ยวสิ ต้องมีเรื่องผิดพลาดแน่…จะเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?
เฮ่อฉางตี้ในนิยายไม่เคยคิดถึงการเข้ากองทัพ เห็นได้จากการที่เขาไม่เคยสนใจประกาศรับสมัครใดเป็นพิเศษ แม้ว่าจะเติบโตในตระกูลทหารหลวงก็ตาม แล้ว…แล้วทำไมเขาถึงออกไปเข้าร่วมกองทัพตอนนี้ได้เล่า?!
ทำไมเหมือนเนื้อเรื่องทั้งหมดกำลังเปลี่ยนไป? เฮ่อซานหลางคนนี้แตกต่างจากเนื้อเรื่องเดิมทั้งสิ้น
หากทุกคนในห้องรู้ว่ายามนี้ฉู่เหลียนกำลังคิดอะไร คงต้องกลอกตาเป็นแน่
ในฐานะภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้าของเฮ่อซานหลาง สิ่งที่ใส่ใจดูจะหลุดประเด็นไปหน่อยไหมฉู่เหลียน? นางควรจะคิดว่า ทำไมสามีถึงได้ละทิ้งภรรยาเพิ่งแต่งไปร่วมกองทัพ มิใช่กังวลเรื่องเหตุการณ์ที่ไม่ดำเนินไปตามต้นฉบับนิยายเช่นนี้
ฉู่เหลียนตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนไปพักใหญ่ ในขณะที่สายตาของคนในตระกูลเฮ่อ ดูคล้ายว่านางกำลังทำตัวไม่ถูก
เฮ่อเหล่าไท่จวินรู้สึกเจ็บปวดใจแทนหลานสะใภ้ของนางเสียยิ่งกว่าเดิม “เด็กน้อยอย่าเศร้าใจไปเลย เจ้ายังมีพี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ พี่รอง และยังมีย่าอยู่ตรงนี้ด้วย!”
สำหรับคนอื่น ๆ ในยามนี้ คล้ายว่าฉู่เหลียนกำลังใจสลายด้วยข่าวที่เพิ่งได้ยิน แต่มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่าในใจตนกำลังคิดเรื่องอะไร
ฉู่เหลียนลอบคำรามใส่เฮ่อฉางตี้ ดูท่าชายผู้นั้นคงอยากแยกจากนางแทบตายเลยกระมัง พอทานอาหารที่นางทำเสร็จ เขาก็กระโดดขึ้นม้าแล้วจากไป! ใบหน้าออกจะหล่อเหลาแท้ ๆ เสียดายที่นิสัยเลวร้ายถึงเพียงนี้! ตอนนี้นางอยากจะรอดูนักว่าเขาจะไปทำอะไรที่ชายแดนเหนือ!
ในเมื่อเป็นเพื่อนกันไม่ได้ เช่นนี้ก็ตัดสัมพันธ์กันไปเลย!
ใช่ว่านางจะอยู่โดยไม่มีเขาไม่ได้นี่
ที่จริง เขาไปเช่นนี้ก็นับว่าดีนัก ตอนนี้นางสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างอิสระในจวนจิ่งอันโดยไม่มีใครมาก่อกวนอีก!
ฉู่เหลียนไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย หากมิใช่ว่าในนิยายบรรยายว่าเฮ่อฉางตี้นั้นแสนวิเศษ นางคงไม่ตั้งความหวังกับเขาแม้แต่น้อย ยามนี้ความหวังทั้งหมดพังทลายลง นางไม่เหลือความหวังใดกับเฮ่อซานหลางอีกต่อไป และไม่มีอะไรให้เสียใจแม้แต่น้อย
ฉู่เหลียนยิ้ม “ท่านย่า หลานสะใภ้ทราบดีว่าท่านจะอยู่กับหลานที่ตรงนี้ แม้สามีจะมิได้อยู่ที่นี่ หลานก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบายเจ้าค่ะ”
รอยยิ้มของนางตอนนี้คงดูคล้ายรอยยิ้มที่เสแสร้งเพื่อปกปิดความเศร้ากระมัง กระทั่งเฮ่อฉางเจว๋ที่มักไม่คิดหน้าคิดหลังก็ยังเอ่ยขึ้น “น้องสะใภ้อย่าเศร้าไปเลย ข้าทำงานอยู่กองทัพหลวงฝ่ายซ้าย หากมีข่าวอะไรที่เกี่ยวกับน้องชาย ข้าย่อมนำมาแจ้งแก่เจ้าแน่”
ดังนั้น เช้าวันนี้ของฉู่เหลียนจึงผ่านไปได้โดยการได้รับคำปลอบประโลมจากบรรดาสมาชิกในครอบครัว เฮ่อเหล่าไท่จวินยังได้มอบของขวัญให้นางเป็นพิเศษ นั่นคือเครื่องประดับหยกเลี่ยมทองเพื่อเป็นการปลอบใจ ดูจากลักษณะของเครื่องประดับชิ้นนี้แล้ว ราคาต้องไม่ต่ำกว่าพันตำลึงเป็นแน่
หลังจากวุ่นวายกับการถูกปลอบประโลม ฉู่เหลียนก็ต้องนำของขวัญกองพะเนินกลับเรือนซงเถา
ทันทีที่ก้าวเข้าเรือน กุ้ยหมัวมัวถึงกับตกตะลึงกับหีบของขวัญมากมายที่ฉีเยี่ยนและฝูเยี่ยนขนเข้ามา
“เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ?”
ฉีเยี่ยนและฝูเยี่ยนมิได้ดูใจเย็นดังเช่นฉู่เหลียน พวกนางดูไม่มีชีวิตชีวาเอาเสียแล้ว ฉีเยี่ยนเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน “เฮ่อเหล่าไท่จวินและนายหญิงมอบเป็นของขวัญให้นายหญิงสามเจ้าค่ะ”
“อ๋า? ยามนี้มิได้มีโอกาสพิเศษมิใช่หรือ เป็นของขวัญอะไรกันแน่?” เพียงแค่หีบอย่างเดียวก็ดูสูงค่านัก จึงเดาได้ว่ามูลค่าของภายในก็คงไม่แพ้กัน
แม้จวนจิ่งอันจะร่ำรวยกว่าจวนอิ้งมาก ทว่าผู้อาวุโสในตระกูลย่อมไม่มอบของขวัญสูงค่าแก่ผู้น้อยโดยไร้เหตุผลไปได้
ฉีเยี่ยนมองฉู่เหลียน เห็นนายหญิงมิได้ดูหงุดหงิดโมโห นางจึงรายงานเรื่องที่เฮ่อซานหลางจากจวนไปเข้าร่วมทัพชายแดนเหนือตั้งแต่รุ่งสางให้แก่กุ้ยหมัวมัวฟัง
เมื่อฟังได้ดังนั้น ดวงตาของกุ้ยหมัวมัวก็เบิกโพลง “อะไรนะ! คุณชายสามไปแล้ว?”
ฉู่เหลียนมองสาวใช้ที่รายล้อมนางด้วยความเหนื่อยหน่าย กล่าว “เอาของไปเก็บเถอะ ข้ารู้สึกเพลียเล็กน้อย จะได้นอนพักเสียหน่อย”
กุ้ยหมัวมัวมองฉู่เหลียน ยามนี้อยู่กลางฤดูร้อน นางจึงแต่งกายด้วยชุดที่ไม่หนามากนัก และนางยังเร่งไปเรือนชิ่งสี่ทันทีที่ตื่นนอน จึงได้รีบเลือกเสื้อผ้าสีอ่อนมาสวมใส่ ในขณะนี้สายลมพัดผ่านห้อง พาให้ชุดพัดปลิวแนบเรือนร่าง ทำให้ร่างของนางยิ่งดูผ่ายผอมบอบบางกว่าเดิม
กุ้ยหมัวมัวเห็นหลายวันมานี้คุณหนูหกต้องอดทนมากนัก สามีของนางยังเป็นบุรุษดื้อดึงผู้หนึ่งที่เอาแต่หาเรื่องนางได้ทุกวันตั้งแต่วันแต่งงาน ยามนี้ยังละทิ้งนางไปเข้ากองทัพอีก! แถมยังมิได้บอกกล่าวนางแม้แต่น้อย ปล่อยให้ต้องรู้จากปากของเฮ่อเหล่าไท่จวินเสียแทน
ในใจคุณหนูหกจะทุกข์ระทมสักเพียงใดหนอ…
ขณะคิดถึงเรื่องราวในช่วงหลายวันมานี้ กุ้ยหมัวมัวอดมิได้ให้ลอบปาดน้ำตา สงสารนายหญิงของตน
สาวใช้คนอื่น ๆ ล้วนแต่มีสีหน้าเศร้าสร้อยทั้งนั้น
กุ้ยหมัวมัวเห็นบรรยากาศในเรือนหดหู่ลง จึงเร่งปาดน้ำตาด้วยผ้าเช็ดมือ แล้วดุเหล่าสาวใช้เสียงต่ำ “จะทำหน้าเศร้าไปทำไม! นายหญิงเจ้ายังร่าเริงแจ่มใสอยู่เบื้องหน้า! ไปๆ! ไปทำหน้าที่เสีย! ใช่ว่าคุณชายสามจะไปแล้วไปลับเมื่อไร นี่คือบ้านของท่าน ไม่ว่าจะไปไหน อย่างไรย่อมมีที่แห่งนี้อยู่ในใจเสมอ”
สาวใช้ทั้งหลายรีบแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว
ทว่ากุ้ยหมัวมัวทราบดียิ่ง ว่าเหตุการณ์ย่อมมิได้ง่ายดายดังที่นางพยายามกล่าว นางย่อมทราบว่าชายแดนเหนือเป็นสถานที่เช่นใด เมื่อคุณชายสามไปเข้าร่วมกองทัพ และเป็นส่วนหนึ่งของกองป้องกันชายแดนแล้ว เขายังต้องประจำการที่นั่นอีกห้าปีเต็ม หากไร้ซึ่งผลงาน!
ห้าปี!
ปีนี้นายหญิงอายุสิบห้า ปีหน้าก็สิบหก หากคุณชายประจำการอยู่ชายแดนห้าปี นายหญิงก็จะอายุได้ยี่สิบ ยามที่เขากลับมา
ห้าปี…นายหญิงสามจะรอคอยเขาอย่างไร? ทั้งที่ควรเป็นห้าปีที่งดงามที่สุดในชีวิตสตรี
เหตุใดคุณชายสามจึงกระทำเช่นนี้ต่อคุณหนูหกได้ลงคอ?
ทว่าสิ่งที่ฉู่เหลียนคิดนั้นต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ยามนี้นางสวมเสื้อตัวบนสีเหลือง คู่กับช่วงล่างสีขาว นอนอยู่บนเตียงใหญ่ ขาไขว้ขึ้น นางยังใช้พัดกลมพัดตนเอง อีกมือหนึ่งถือนิยายตลกที่นางอ่านอย่างสนุกสนาน
เมื่ออ่านถึงจุดที่น่าสนใจ นางถึงหยุดพัดอย่างลืมตัวและพึมพำกับตนเองหลายต่อหลายครั้ง
“ไม่คิดเลยว่าคนยุคโบราณจะจินตนาการบรรเจิดขนาดนี้ นิยายแนวสลับบทบาททางเพศก็มีด้วย! จุ๊ ๆ … เสียดายไม่มีแนวผู้ชายท้องได้ ว้า”
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6816