[นิยายแปล] ปกรณัมรักข้ามภพ - ตอนที่ 16 เพลิงไหม้ในห้องครัว
ในที่สุดฉู่เหลียนก็ตระหนักได้ด้วยตัวเองว่าเกิดอะไรขึ้น พี่สะใภ้ใหญ่และเหลียวหมัวมัวคงสรุปกันไปเองว่าเกิดบางสิ่งขึ้นระหว่างเดินทางกลับมายังจวนเป็นแน่ แท้จริงแล้วนางเองเพิ่งจะตื่นจากหลับลึก และลงจากรถม้าอย่างเร่งรีบจนมิได้ใส่ใจเรื่องการแต่งกาย และเมื่อเฮ่อซานหลางตามออกมาแบบนั้น… พวกนางจะคิดเป็นอะไรไปได้อีก?
นางลอบมองเฮ่อฉางตี้ที่ตอนนี้มีสีหน้าเดือดดาลราวกับพายุ ฉู่เหลียนจึงได้แต่หดคอลงเล็กน้อย นางไม่ได้ตั้งใจนะ หวังว่าเฮ่อซานหลางจะให้อภัยนาง
เหลียวหมัวมัวนำทางทั้งคู่กลับไปยังเรือนของพวกตน ก่อนจากไป นางยังหันมากล่าวแนะนำเฮ่อฉางตี้อย่างผิดเวลา “บ่าวรู้ว่าพวกท่านยังข้าวใหม่ปลามัน ทว่านายหญิงสามยังเด็กนัก คุณชายสามโปรดหักห้ามใจเสียหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”
เมื่อเฮ่อฉางตี้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ก็แทบจะลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปแล้ว ทว่ากลับได้รับคำเตือนจากเหลียวหมัวมัว ความเกรี้ยวกราดนั้นจึงปะทุขึ้นอีกครา
เขารอกระทั่งเหลียวหมัวมัวจากไป ก่อนจะจ้องมองฉู่เหลียนอย่างอาฆาตและถอยกลับไปยังห้องหนังสือ
เมื่อเฮ่อซานหลางจากไป ฉู่เหลียนก็ได้แต่คร่ำครวญในใจและนั่งลงบนตั่งข้างหน้าต่าง
ฉีเยี่ยนแอบซ่อนรอยยิ้ม กุ้ยหมัวมัวทราบแล้วว่าเกิดเหตุใดขึ้น นางเดินตรงมาหาฉู่เหลียนและส่งถ้วยน้ำอุ่นให้ ก่อนกระแอมไอครั้งหนึ่ง นางถามฉู่เหลียนเสียงเบา “นายหญิงสาม ท่านกับคุณชายสามได้…”
ก่อนกุ้ยหมัวมัวจะพูดจบประโยค ฉู่เหลียนก็หันไปมองบ่าวด้วยท่าทีเสียใจเป็นอย่างยิ่ง นางจึงอธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในรถม้าให้สาวใช้ฟังโดยไร้ทางเลือก เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดที่แสนจะน่าอับอาย
เมื่อฉีเยี่ยนรู้ความจริง นางก็อดมิได้ให้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ฉู่เหลียนเท้าคางมองออกไปนอกหน้าต่าง นางพยายามชื่นชมภาพฤดูใบไม้ผลิที่กำลังเลือนรางให้มากเท่าที่จะทำได้ และพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่ใส่ใจเสียงหัวเราะชนิดไม่สนโลกของกุ้ยหมัวมัวและฉีเยี่ยน
เพราะความเข้าใจผิดใหญ่โตนี้เอง มิน่าเล่าคุณชายสามจึงได้มีท่าทีไม่พึงใจต่อนายของตนถึงเพียงนี้ กุ้ยหมัวมัวคิดกับตัวเอง
กุ้ยหมัวมัวนั้นคุ้นเคยกับนิสัยของฉู่เหลียน ทั้งยังทราบดีว่านางมิใคร่ให้ใครมาหัวเราะเยาะ จึงได้พยายามควบคุมตนเองโดยการเอ่ยถาม “นายหญิงสามต้องการทานอะไรดีเจ้าคะ? อีกเดี๋ยวบ่าวชราผู้นี้จะไปครัวใหญ่ จะนำสิ่งที่ท่านชอบมาให้เจ้าค่ะ”
ฉู่เหลียนยังคงนั่งใจลอยอยู่ตอนที่ได้ยินกุ้ยหมัวมัวเอ่ยถึงครัวใหญ่ เป็นจังหวะเดียวกับที่นางจำเหตุการณ์สำคัญในนิยายขึ้นได้ นั่นคือเหตุการณ์เพลิงไหม้ในครัวใหญ่ของจวนจิ่งอันในวันนี้ โจวซื่อ พี่สะใภ้ใหญ่จะได้รับบาดเจ็บจากไฟนั้น
ฉู่เหลียนนิ่งคิดไปชั่วครู่ ก่อนจะเร่งลุกขึ้น “หมัวมัว ข้ายังมิได้เห็นเลยว่าครัวใหญ่ของจวนเราเป็นอย่างไร ข้าจะไปกับเจ้า!”
กุ้ยหมัวมัวตัดสินใจอยู่ครู่หนึ่ง “นายหญิงสาม ท่านเพิ่งกลับจากจวนอิ้ง พักเสียหน่อยไม่ดีหรือเจ้าคะ?”
ฉู่เหลียนเห็นว่ากุ้ยหมัวมัวคล้ายไม่อยากให้นางไปด้วย จึงเร่งเร้าเขย่าแขนกุ้ยหมัวมัวราวกับเด็กน้อยที่ถูกตามใจเสียจนเคยตัว และแน่นอนว่าบ่าวผู้นี้มิอาจทนการรบเร้าเช่นนี้ได้ จึงได้แต่ส่ายหน้ายอมแพ้
“ก็ได้เจ้าค่ะ ไปกันเถอะฉีเยี่ยน เจ้าก็มาด้วย แต่นายหญิงสามต้องเดินอยู่เพียงที่สวนภายนอกครัวเท่านั้นนะเจ้าคะ ประเดี๋ยวจะถึงเวลาอาหารแล้วจะมีบ่าวไพร่เข้าออกครัวมากมาย ดังนั้นได้โปรดอย่าเข้าไปในห้องครัวนะเจ้าคะ”
ฉู่เหลียนหยักหน้าตอบรับ ก่อนตามกุ้ยหมัวมัวและฉีเยี่ยนไปยังครัวใหญ่แห่งจวนจิ่งอันพร้อมกัน
ครัวใหญ่ตั้งอยู่ในเรือนลำดับสองทางตะวันตกของจวน
ใช้เวลาประมาณครึ่งเค่อก็เดินถึง ฉู่เหลียนอดกังวลไม่ได้จึงเร่งฝีเท้าเดินไวขึ้น กระทั่งพวกนางเข้าใกล้ครัวใหญ่ และพบว่ายังไม่มีสัญญาณของกลุ่มควันหนา ๆ ฉู่เหลียนจึงถอนใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก
กุ้ยหมัวมัวประหลาดใจอยู่บ้าง ไยนายหญิงสามจึงทำตัวพิลึกพิลั่นนัก เมื่อมาถึงจุดหมาย ฉู่เหลียนก็ดูเบาใจลง กระนั้นนางก็มิได้ถามนายหญิงถึงเรื่องพฤติกรรมประหลาดนี้แต่อย่างใด
“นายหญิงสามรอในสวนสักครู่นะเจ้าคะ บ่าวชราผู้นี้จะกลับมารายงานท่าน หากตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว” กุ้ยหมัวมัวยิ้มกล่าว
ฉู่เหลียนพยักหน้า และไม่ลืมเอ่ยเตือนนาง “หมัวมัว รีบไปเถอะ ตอนนี้ช้ามากแล้ว”
กุ้ยหมัวมัวตบหลังมือฉู่เหลียนเบา ๆ เพื่อให้ความมั่นใจ นางก้าวเท้ายาว ๆ มุ่งไปยังครัว เพื่อไปถึงให้ไวขึ้น
ณ สวนสวยเบื้องหน้า ทุกสิ่งถูกจัดแต่งไว้อย่างงดงาม ใกล้ ๆ แปลงดอกไม้มีภูเขาจำลองประดับวางอยู่ดูแล้วช่างเข้ากัน ถัดไปมีชุดโต๊ะหินอ่อนพร้อมม้านั่งเข้าชุด ไม่ไกลกันนักมีสระบัวที่เต็มไปด้วยกลีบบัวเขียวชอุ่ม ทั้งยังมีบัวสายที่เริ่มเบ่งบานชูช่อสีขาวขึ้นแซมเหนือใบบัวสีเขียว เกิดเป็นภาพอันวิจิตร
ฉีเยี่ยนประคองฉู่เหลียนไปยังม้านั่ง “นายหญิงสามเจ้าคะ ดอกบัวขาวเหล่านั้นช่างงดงามยิ่งนักเจ้าค่ะ”
ฉู่เหลียนมิได้อยู่ในอารมณ์จะชมดอกไม้ นางเพียงตั้งสมาธิกับการมองหาเงาร่างของโจวซื่อ ซึ่งควรปรากฏตัวขึ้นที่ถนนสู่ห้องครัวใหญ่ในนาทีใดนาทีหนึ่งได้แล้ว
ดังคาด โจวซื่อกำลังมุ่งหน้ามาอย่างรีบเร่งจากทางด้านหลังดอกไห่ถัง
ฉีเยี่ยนทำหน้างุนงง “นายหญิงสามเจ้าคะ ท่าทางนายหญิงใหญ่จะมุ่งหน้าไปยังครัวใหญ่เช่นกันเจ้าค่ะ”
ฉู่เหลียนเร่งเดินไปหา “พี่สะใภ้ พี่สะใภ้เจ้าคะ!”
ด้านโจวซื่อที่ถูกสาวใช้ประคองมา ถึงกับนิ่งงันไปครู่หนึ่งและมองตามต้นเสียง “น้องสะใภ้ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
ฉู่เหลียนทำได้เพียงก้มหน้า แสร้งว่ากำลังหน้าแดงเขินอาย “ข้ามาดูว่าคืนนี้มีอะไรทานเจ้าค่ะ”
โจวซื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ้ม “แม้จะเป็นสตรีที่แต่งงานแล้ว ทว่าเจ้าก็ยังอายุเพียงสิบห้าเท่านั้น จะเลือกกินสักเล็กน้อยก็เป็นเรื่องธรรมดา แค่บอกพี่สะใภ้มาว่าเจ้าอยากทานอะไร พี่สะใภ้จักให้บ่าวในครัวจัดเตรียมให้เจ้าเอง”
ยามฉู่เหลียนหันไปมองทางครัวก็รู้ว่ากุ้ยหมัวมัวยังไม่ออกมา นางจึงเร่งส่งฉีเยี่ยนให้เข้าไปตาม
“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านดูเร่งรีบนัก จะไปยังครัวใหญ่เช่นกันหรือเจ้าคะ”
โจวซื่อทอดถอนใจ “วันนี้ท่านแม่รู้สึกไม่ค่อยสบาย กระทั่งบ่ายกว่าแล้วก็ยังลุกไม่ขึ้น ข้ามาเพื่อต้มยาให้นาง!”
ฉู่เหลียนย่นคิ้ว ในนิยายมิได้ระบุไว้ว่าฮูหยินจิ่งอันป๋อจะสุขภาพย่ำแย่ลงในวันนี้ ทว่าตอนนี้นางยังไม่สามารถสนใจเรื่องนี้ได้ ฮูหยินจิ่งอันยังคงมีชีวิตอยู่ได้อีกสองสามปี นางยังไม่เสียชีวิตในวันนี้แน่ ขณะนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการห้ามมิให้โจวซื่อก้าวเข้าสู่ครัวใหญ่
เห็นโจวซื่อตั้งท่าจะจากไป ฉู่เหลียนก็เร่งดึงแขนเสื้อนางไว้ “พี่สะใภ้ใหญ่ มิทราบว่าตอนนี้อาการของท่านแม่เป็นเช่นไร เราควรตามหมอหลวงมาตรวจหรือไม่เจ้าคะ?”
แม้โจวซื่อจะเร่งรีบ ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าน้องสะใภ้ดูกังวลยิ่งก็มิอาจปล่อยนางไว้เพียงลำพัง จึงได้แต่หยุดไปชั่วขณะและเล่าทุกสิ่งให้ฉู่เหลียนฟัง
เมื่อฉู่เหลียนเห็นฉีเยี่ยนและกุ้ยหมัวมัวปรากฏตัวพร้อมกัน ก็คล้ายกับภูเขาในอกถูกยกออก ในเวลานั้นเสียงระเบิดดังสนั่นมาจากทางครัวใหญ่ ตามมาด้วยควันไฟที่ลุกไหม้ไปทั่วเรือน
แม้ฉู่เหลียนจะรู้ว่าสิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้น แต่นางก็มิอาจทราบได้ว่ามันจะระเบิดเช่นนี้ ในชั่วขณะนั้นนางนิ่งค้างอยู่กับที่
โจวซื่อนั้นต่างออกไป นางกระโดดขึ้นด้วยความตกใจและเร่งสั่งบ่าวรับใช้ให้ตามคนจากเรือนนอกมาช่วยกันดับไฟ ทั้งยังขอบคุณดาวนำโชคที่ทำให้นางต้องหยุดยืนคุยกับน้องสะใภ้อยู่ตรงนี้และมิได้เข้าไปในครัว
เมื่อหันไป สิ่งแรกที่นางเห็นคือดวงตาคู่น้อยของฉู่เหลียนที่คลอเคล้าไปด้วยน้ำตาเสียจนนางรู้สึกปวดใจ ฉู่เหลียนยังอ่อนเยาว์นัก นางเพียงต้องการเข้าครัวเพราะหิวเล็ก ๆ น้อย ๆ ทว่าก่อนจะได้ทานของว่างก็เกิดเหตุเช่นนี้เสียก่อน นางต้องกลัวมากเป็นแน่!
โจวซื่อปลอบใจนางอย่างนุ่มนวล “น้องสะใภ้อย่าได้กลัวไป ข้าส่งคนไปเรียกรถขนน้ำมาดับไฟแล้ว บ่าวไพร่เหล่านั้นจะต้องไม่เป็นไร ที่ตรงนี้อันตรายนัก เจ้ากลับไปที่เรือนก่อนดีหรือไม่?”
เมื่อกล่าวจบก็หันหน้าไปมองกุ้ยหมัวมัวกับฉีเยี่ยนที่เพิ่งจะเดินมาถึง “เจ้าสองคนมัวยืนนิ่งอะไรอยู่? รีบพานายหญิงของพวกเจ้ากลับไปพักที่เรือนเสีย!”
ในที่สุดฉู่เหลียนก็รู้สึกตัวจึงกล่าวตอบ “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าสบายดี ท่านอยู่ตรงนี้โปรดรักษาตัวด้วย ข้าขอตัวก่อน”
เมื่อเดินพ้นจากภูเขาจำลอง นางก็บังเอิญเจอกับเฮ่อฉางตี้ผู้เร่งฝีเท้ามาจากเรือนใน เฮ่อฉางตี้สังเกตเห็นสีหน้าเป็นกังวลของนาง ดวงใจเขาก็เต้นระรัวเสียจนกระทบซี่โครง เขารีบสั่งไหลเยว่ให้นำคนมาช่วยเหลือ หลังจากนึกได้ว่าพี่สะใภ้ใหญ่ของตนจะได้รับบาดเจ็บจากไฟไหม้ครั้งใหญ่นี้ ส่วนเฮ่อซานหลางก็เร่งมุ่งหน้าไปยังเรือนชิ่งสี่ทันที
————————
อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ค่ะ^^
https://www.kawebook.com/story/6816