ตอนที่ 4
ถึงจะตกลงแข่งขันกับแอนแล้ว แต่ก็ใช่ว่าการสอบจะเริ่มขึ้นทันที
แม้สถาบันนี้จะสนับสนุนให้นักเรียนแข่งขันกันเองเพื่อการเติบโต แต่ถ้าจะจัดการสอบหรือแข่งเวทมนตร์กันบ่อยๆ แบบนั้นเวลาเรียนคงไม่เหลือ
ยังมีเวลาอีกสักพักกว่าจะถึงการสอบครั้งถัดไปที่สัญญาไว้กับแอน
ระหว่างนั้น ――
「สวัสดีค่ะ คุณซัมเมอร์ส」
「ท่านลอร่า สวัสดีค่ะ」
จะว่าได้ใช้เวลากับแอนมากขึ้นก็ได้
เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อยระหว่างเรา
อย่างแรก แอนเริ่มให้ความสนใจในตัวฉัน เมื่อฉันไปสวนด้านหลังเหมือนทุกทีและส่งเสียงเรียก เธอก็เงยหน้าทักตอบกลับมา
ก่อนหน้านี้เธอจะทักตอบกลับมาแบบผิวเผิน แต่ตอนนี้เธอทักทายโดยที่รับรู้ถึงตัวตนของฉัน เทียบกันแล้วต่างกันอย่างชัดเจน
และในตอนที่ฉันใช้เวลากับแอนอยู่ที่สวนด้านหลังตามปกตินั้น ――
「ท่านลอร่า การสอบครั้งหน้าจะเริ่มแล้วสินะคะ」 แอนพูดอย่างสบายๆ
「ค่ะ ดิฉันกำลังตั้งตารออยู่เลย」
「ฉันก็ด้วย เตรียมใจไว้ได้เลย เพราะฉันไม่คิดจะสั่งอะไรง่ายๆ อย่างการให้เรียกชื่อต้นหรอกนะคะ」
เธอพูดเหมือนเอาชนะฉันได้แล้ว พอเห็นท่าทางไม่หวั่นเกรงนั่น ฉันก็รับคำท้าอย่างไม่ยอมแพ้
「คุณก็เหมือนกัน คราวหน้า ดิฉันจะให้คุณจำอย่างอื่นนอกจากชื่อด้วยนะคะ」
แม้เธอจะจำชื่อของฉันได้แล้ว แต่เด็กคนนี้แทบจะยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับฉันเลย
อย่างเต็มที่ก็คงจะรู้แค่ว่า “ชื่อลอร่า แอชลีย์ เป็นบุตรีของขุนนางเลื่องชื่อที่เรียนเก่งพอสมควร” ละมั้ง
ซึ่งแค่นั้นจะเรียกว่ารู้จักฉันไม่ได้หรอก
ถ้าไม่ทำให้เด็กคนนี้รับรู้ถึงความเฉพาะตัวของฉัน ขีดเส้นแบ่งแยกและปฎิบัติกับฉันให้ต่างกับคนอื่นอย่างชัดเจน ฉันคงยอมรับไม่ได้
「นอกจากชื่อ?」 แอนเอียงคอสงสัย
「ก็พวกโครงสร้างครอบครัว วันเดือนปีเกิด ที่มาที่ไป เป้าหมายในอนาคต หรือของที่ชอบ ไปจนถึงอาหารที่เกลียด ทั้งหมดเลยค่ะ ฉันจะทำให้คุณรู้เรื่องทุกอย่างของฉันเลย」
แก้มของแอนขึ้นสีแดงเล็กน้อย ทันใดนั้นก็เอามือขวาแปะหน้าผากอย่างทุกข์ใจ 「ช่วยอย่าเล่นนอกกฎได้มั้ยคะ」
พูดอะไรไม่เห็นจะเข้าใจ ฉันไม่เข้าใจว่านี่เป็นการเล่นนอกกฎตรงไหน
ฉันส่งสายตางงงวยให้แอน เธอถอนหายใจออกมาเฮือกนึง
แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ไม่เคยเห็นแอนทำอะไรที่สมกับเป็นการเตรียมสอบเลยนะ
ถึงฉันจะมาที่นี่ แต่ฉันก็อ่านหนังสือเรียน ท่องศัพท์ และทุ่มเทให้กับการเรียนแม้จะมีเวลาเพียงน้อยนิด
กลับกัน เด็กคนนี้เอาแต่อ่านหนังสือพิมพ์ นิยายสมัยนิยม นิตยสารผู้หญิงราคาถูก
นี่เธอมีไฟแล้วจริงๆ เหรอ เท่าที่ฉันเห็นก็เหมือนจะไม่ต่างจากเดิมเลยสักนิด
「คุณน่ะ ทั้งที่บอกว่ามีไฟ แต่กลับเอาแต่อ่านหนังสือพวกนั้น การแข่งครั้งหน้าจะไม่เป็นไรเหรอคะ?」
บอกตามตรง ฉันเผลอคิดไปแล้วว่าอีแบบนี้คงจบลงด้วยผลลัพธ์ที่น่าผิดหวัง
อุตส่าห์เจอคู่แข่งดีๆ ที่จะช่วยส่งเสริมกันและกันได้ การได้พบกับคนแบบนี้ออกจะมีคุณค่าแท้ๆ
ชั่วชีวิตหลังจากนี้ จะได้เจอคนแบบนี้เป็นครั้งที่สองรึเปล่าก็ไม่รู้ ทั้งที่เป็นการพบพานแห่งโชคชะตาแท้ๆ
การจะปล่อยให้เธอทิ้งพรสวรรค์ให้เน่าเปื่อยลงโดยไม่ขวนขวายแบบนี้ มันดีแค่ตอนแรกเท่านั้นแหละ
ถ้าจะปล่อยให้ตกต่ำลงไปอีก ―― มันน่าเสียดายออกนะ
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ คงมีแต่ต้องจะจับเธอมัดไว้กับเก้าอี้แล้วบังคับให้อ่านหนังสือแต่โดยดีละมั้ง
ขณะที่ฉันกำลังกังวลเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น ――
「ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ」 แอนหลุดหัวเราะ ส่งสายตาให้ฉันอย่างยั่วยวน 「ก็ถ้าฉันแสดงท่าทีสบายๆ แบบนี้ เวลาท่านลอร่าแพ้จะเจ็บใจกว่าใช่มั้ยล่ะคะ?」
ดูเหมือนฉันจะกังวลไปเองแฮะ
ฉันเลิกถือสากับท่าทางเหยียดหยามคนอื่นนิดๆ ของแอนแล้ว
เด็กคนนี้เหมาะกับคำพูดมารยาทจ๋าจนเหมือนประชดประชันตั้งแต่แรกแล้วแหละ แต่พักหลังมานี้ชักจะรุนแรงขึ้นไปอีก
นอกจากการใช้คำพูดสุภาพแบบส่งๆ ก็ไม่รู้สึกถึงความเคารพเลยสักนิด
ตั้งแต่ตรัสรู้ว่าเคืองไปก็เปล่าประโยชน์ ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเธออีก
ฉันส่งเสียงขึ้นจมูกออกไปว่า หืม ตอบรับคำท้าทายของเธอแล้วพูดขึ้น 「ระวังจะเหยียบเท้าตัวเองแล้วกันค่ะ」
คำทักท้วงอย่างเสียมารยาทของแอนจุดไฟในตัวฉันให้ลุกโชนซะอย่างนั้น
ฉันจะไม่ยอมให้เป็นอย่างที่เด็กคนนั้นพูดไว้
หลังจากเห็นผลสอบก็จงเสียใจซะเถอะที่ทำให้ฉันเอาจริง
แต่เมื่อผลสอบออกมาจริงๆ ―― ฉันกลับเป็นคนที่รู้สำนึกเสียเอง ว่าการล้อเล่นเหมือนหยามคนอื่นนิดๆ และท่าทีสบายๆ นั่น ทั้งหมดแสดงให้เห็นความมั่นใจของเธอจริงๆ
ชื่อที่อยู่บนสุดคือชื่อของแอน ซัมเมอร์ส ด้วยคะแนนเต็ม
แม้แต่การสอบปฏิบัติซึ่งเป็นวิชาเดียวที่ฉันรุกไล่ได้ ครั้งนี้ก็เหมือนจะฝึกฝนจนไร้ที่ติ
ชื่อของฉันอยู่ถัดลงมาจากชื่อของแอน
แม้จะด้อยกว่าเล็กน้อย ด้วยความต่างแค่เพียง 1 คะแนน ―― ต่างกันแค่เส้นบางๆ แต่ฉันรู้สึกเหมือน 1 คะแนนนั้นช่างห่างไกล
「ชัยชนะเป็นของฉันสินะคะ ท่านลอร่า」
แอนที่อยู่ข้างๆ กำลังยกยิ้ม
ฉันเลื่อนสายตาจากตารางอันดับไปที่เธอ
「น่าทึ่งมากค่ะ」 ฉันพยายามปั้นยิ้มแล้วพูด 「เชิญเลยค่ะ อะไรก็ได้ บอกความต้องการของคุณมาได้เลย」
แม้เบื้องหน้าจะยังคงสงบนิ่ง แต่ภายในกลับเจ็บใจราวพายุฝนโหมกระหน่ำ
พูดตรงๆ เลยนะ ครั้งนี้ฉันมั่นใจมาก ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติเลยด้วย ฉันยังภูมิใจอยู่เลยที่ครั้งนี้ผลออกมาดีกว่าครั้งที่แล้ว ปักใจเชื่อไปแล้วว่าครั้งนี้ชัยชนะจะต้องเป็นของฉันแน่
แอนลีลาทำหน้ากลุ่มใจเล็กน้อย เสร็จแล้วก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง
「ตรงนี้มีสายตาคนอื่นอยู่ ไปที่เดิมกันเถอะค่ะ」 พูดเสร็จก็ยื่นมือมาให้ฉัน
ฉันเช็คให้แน่ใจว่ารอบข้างไม่มีคนรู้จักแล้วจึงจับมือนั้นอย่างเกรงๆ แอนยิ้มและจับมือฉันเดินออกไปข้างนอกทั้งอย่างนั้น
สถานที่ที่เธอพามาคือสวนด้านหลัง เธอควงแขนฉันมาอย่างกับพาไปออกงาน ฉันเดินตามจังหวะก้าวเท้าของแอน เห็นสีหน้าของเธอจากด้านหลังเล็กน้อย
―― จะสั่งให้ทำอะไรกันนะ
เกิดเป็นความไม่ไว้วางใจอยู่ภายใน อุตส่าห์พามาสถานที่ที่คนไม่นิยม แปลว่าคงจะทำอะไรที่ทำต่อหน้าคนอื่นไม่ได้
แต่เพราะท่าทีของเธอ ท่าทีอย่างตอนนี้ ―― การแสดงออกต่อผู้หญิงอย่างเหมาะสมละมั้ง ―― ฉันจึงเห็นความเป็นสุภาพบุรุษในนั้น เธอคงไม่ทำเรื่องเลวร้ายนักหรอกมั้ง
ระหว่างที่ฉันกำลังเตรียมตัวเตรียมใจ แอนกวาดสายตามองรอบๆ ขณะที่ยังคงจับมือฉันไว้
แล้วเธอก็ ―― กอดฉันทั้งอย่างนั้น ―― โดยไม่บอกกล่าวอะไรเลยจริงๆ
แอนสูงกว่าฉันราวๆ หนึ่งระดับ พอถูกกอดแบบนี้แล้ว ฉันจึงจมอยู่ในอ้อมอกของแอนเกือบทั้งตัว
กลิ่นเย้ายวนหอมหวาน ราวกับมันซึมลึกเข้าไปในสมองของฉัน
「นี่ คิดจะทำอะไรน่ะคะ?」 ฉันเงยหน้าเปล่งเสียงออกไปอย่างยากลำบาก
「กำลังกอดท่านลอร่าอยู่ค่ะ」
「เรื่องนั้นดิฉันรู้ค่ะ แต่ทำไมถึงทำแบบนี้?」
แอนไม่ตอบคำถามของฉัน เธอเอาแต่ลูบหัวฉันต่ออย่างเอ็นดู
「ตัวเล็ก น่ารัก」 แอนฝังใบหน้าลงบนคอของฉัน 「แถมยังหอมด้วย ใช้น้ำหอมอะไรเหรอคะ?」
ขนบนหลังฉันลุกซู่ นึกไม่ถึงว่าความต้องการของแอนจะเป็นอะไรแบบนี้ ถ้าจะบอกว่านี่เป็นการสกินชิประหว่างเพื่อน มันก็ออกจะ ――
ความรู้สึกที่ว่าเพราะเป็นผู้หญิงด้วยกันจึงไม่เป็นไร กับ ความรู้สึกคัดค้านเพราะเป็นผู้หญิงด้วยกันนี่แหละ ผุดขึ้นมาพร้อมๆ กัน
ดีนะที่แอนเป็นผู้หญิง ถึงจะทำเรื่องแบบนี้ ก็คงไม่มีอะไรมากไปกว่าเพื่อนที่สนิทกันดี
แต่ว่าเพราะเป็นผู้หญิงนี่แหละ จะคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ผู้หญิงด้วยกันไม่ควรทำก็ได้เหมือนกัน
「หยุดเลยค่ะ!」
ฉันพูดอย่างแข็งกร้าวและพยายามจะหนีออกมาจากแอน แต่แอนไม่ยอมปล่อยฉัน
「ไม่หยุดค่ะ ผู้แพ้ต้องทำตามคำขอของผู้ชนะ ไม่ใช่เหรอคะ」 แอนพูดอย่างเด็ดขาด
พอโดนบอกแบบนั้นก็ทำอะไรไม่ได้ เดิมทีคนที่เสนอเงื่อนไขก็คือฉันเอง จะละเมิดสัญญาก็ไม่ได้
ฉันถอนหายใจ 「งั้นก็ทำตามใจคุณเถอะค่ะ」 ฉันพูดเสียงอ่อนเจือความท้อใจอยู่ไม่น้อย
เมื่อเทียบกับเด็กรุ่นเดียวกัน ฉันออกจะตัวเล็กกว่าคนอื่นอยู่หน่อยๆ เพราะงั้นจึงถูกปฏิบัติเหมือนเด็กเกินจำเป็น ได้รับความเอ็นดู และถูกหยอกเย้าอยู่บ่อยๆ
พี่ชายปฏิบัติเหมือนฉันเป็นเด็กเล็กๆ ส่วนพี่สาว เวลาเจอชุดที่ถูกใจก็จะนำมาให้ฉันใส่ทันที จนฉันคิดว่าหล่อนเข้าใจผิดนึกว่าฉันเป็นตุ๊กตาเลยแหละ
ไม่สิ แค่พวกท่านพี่ยังพอไหว เพราะพวกเขาก็โตกว่าฉันจริงๆ
แต่พวกเพื่อนร่วมชั้นปี และที่สำคัญ แม้แต่ลูกพี่ลูกน้องที่อายุน้อยกว่าก็ยังปฏิบัติกับฉันแบบนั้น เรื่องนี้แหละที่ฉันรับไม่ได้
ตอนแรก ฉันคิดว่าแอนคงกอดฉันด้วยเหตุผลเดียวกัน
แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามือนั้นไม่ได้สัมผัสฉันเหมือนเด็กชื่นชมตุ๊กตาหรือคนเอ็นดูสัตว์เลี้ยง มันไม่ใช่ความเอ็นดูแบบนั้น
แม้ฉันจะถูกแมรี่ลูบหัวอยู่บ่อยๆ แต่ฉันรู้สึกได้ว่านิ้วที่แอนสัมผัสฉัน มันอบอวลไปด้วยไอร้อนที่ต่างจากตอนนั้น
*****
MANGA DISCUSSION